

บริษัท บิ๊กซ์โชว์ ลาล่า จำกัด จับมือองค์กรพันธมิตรระดับโลกของไทยและญี่ปุ่น เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและขยายธุรกิจ Influencer Marketing และ Live Commerce ให้ก้าวสู่ระดับภูมิภาคเอเชีย จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือพร้อมกัน 2 MOU เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่และเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการทั่วทั้งเอเซีย
การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญ ระหว่างองค์กรพันธมิตรจากประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น 4 องค์กร ซึ่งทุกองค์กรล้วนมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาโมเดลธุรกิจยุคใหม่ด้าน Influencer Marketing ในตลาดเอเชีย เพื่อผลักดันอุตสาหกรรม Influencer Marketing ของไทยให้ก้าวสู่เวทีโลก เป็นการสร้างโอกาสอันไร้ขีดจำกัดให้กับครีเอเตอร์และผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพบนแพลตฟอร์มระดับภูมิภาค พร้อมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ Influencer และ Live Commerce ด้วยคอนเทนต์ที่สามารถซื้อสินค้าได้ทันที โดย MOU 2 ฉบับ ได้แก่


การผนึกกำลังของทั้ง 4 องค์กรในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากเป้าหมายร่วมกันในการสร้างโมเดลธุรกิจ Influencer ที่เหมาะสำหรับตลาดเอเชีย นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ Influencer และ Live Commerce และเปิดโอกาสทางธุรกิจระดับภูมิภาคให้กับผู้ประกอบการจากทุกประเทศ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการผลักดันเครือข่าย KOL และการตลาดผ่าน Influencer ในเอเชีย ด้วยความร่วมมือด้านการวิจัยและการจัดตั้งศูนย์ KOL ในประเทศต่างๆ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง จะมีการผลักดัน Influencer ควบคู่ไปกับคอนเทนต์ที่สร้างยอดขายทันที (Shoppable Content) และการใช้แพลตฟอร์ม YouTuber แทนการโฆษณาแบบเดิมๆ โดยมีนวัตกรรมโดดเด่นคือ การสร้างคอนเทนต์ที่สามารถซื้อสินค้าได้ทันที, การสนับสนุน YouTuber และการร่วมจัดตั้งศูนย์ KOL กับพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมสำนักงานในอาคาร KING BRIDGE เพื่อเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนและผลิตคอนเทนต์ในอนาคต
ด้วยพลังของ Influencer Marketing และ Live Commerce ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัล และการจับมือกันของพันธมิตรองค์กรระดับโลกในครั้งนี้ จะเสริมสร้างขีดความสามารถในการนำเสนอโซลูชันการตลาดที่ครบวงจร และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจร่วมกันในระยะยาว ด้วยความเชี่ยวชาญของพันธมิตรแต่ละราย จะทำให้เกิดการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่จะตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และสร้างระบบนิเวศน์ที่แข็งแกร่งให้กับ KOL ทั่วทั้งเอเชีย การผนึกกำลังครั้งประวัติศาสตร์นี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการปฏิรูปวงการ Influencer Marketing และ Live Commerce ในภูมิภาคเอเชีย และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการและครีเอเตอร์ในอนาคต
เครือสหพัฒน์ โดย บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI) ประกาศความร่วมมือกับ บริษัท บางกอกแอร์ เอวิเอชั่น เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด (BATC) ผู้ให้บริการฝึกอบรมด้านการบินระดับสากล ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการบิน และยกระดับบุคลากรด้านการบิน
ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังระหว่าง 2 องค์กรที่มีจุดแข็งเสริมกัน โดยเครือสหพัฒน์มีพื้นที่ Private airfields และสิ่งอำนวยความสะดวกในสวนอุตสาหกรรม ส่วน BATC เป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านการบินภายใต้การบริหารของ บริษัท บางกอกแอร์เวย์ส จำกัด (มหาชน) ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการฝึกอบรมภาคพื้นและภาคอากาศ ซึ่งการร่วมมือกันของทั้ง 2 องค์กรจะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ภายใต้ความร่วมมือนี้ ทั้ง 2 บริษัทจะร่วมดำเนินการในหลายด้าน อาทิ การเพิ่มจำนวนนักเรียนการบิน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การผลิตบุคลากรที่มีความรู้และทักษะในอุตสาหกรรมการบิน การวางแผนด้านบุคลากรและสถานที่ การเช่าใช้และซื้อขายอากาศยาน การใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง และการศึกษาการขยายฐานการดำเนินงานผ่านช่องทางและเครือข่ายทางธุรกิจของทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งยังมีแผนร่วมกันที่จะศึกษาโอกาสทางธุรกิจในอนาคต เช่น การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรด้านการบิน การบริหารงานและการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน

นายวิชัย กุลสมภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า SPI เป็นบริษัทโฮลดิ้งของเครือสหพัฒน์ ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 53 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้ลงทุนในบริษัทในเครือและพันธมิตรทางธุรกิจกว่า 200 บริษัท พร้อมทั้งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและบริหาร สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ทั้ง 4 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ ศรีราชา กบินทร์บุรี แม่สอด และลำพูน มีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทรัพยากร และพื้นที่ยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะการมีสนามบินส่วนบุคคล (Private Airfields) ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ทั้ง 4 สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการฝึกอบรม การเรียนการสอน และการดำเนินกิจกรรมด้านการบินต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ เรายังมีศักยภาพในการสนับสนุนอย่างครบวงจร ทั้งด้านสาธารณูปโภค ความปลอดภัย และโลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยเอื้อให้โครงการความร่วมมือครั้งนี้สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน เครือสหพัฒน์มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ BATC ในการยกระดับศักยภาพของบุคลากรด้านการบิน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงส่งเสริมการพัฒนาทักษะวิชาชีพ แต่ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนและบุคลากรในประเทศไทยเข้าถึงการฝึกอบรมที่ได้มาตรฐานระดับสากล และเตรียมความพร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมการบินที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
BATC เป็นสถาบันแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ให้เป็นพันธมิตรฝึกอบรมระดับภูมิภาค ซึ่งช่วยยกระดับมาตรฐานการฝึกอบรมการบินของไทยให้เทียบเท่าระดับสากล โดยผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเรียนและการฝึกภาคปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริงในอุตสาหกรรมการบิน และยังเป็นสถาบันที่ได้รับใบรับรององค์กรฝึกอบรมจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ซึ่งครอบคลุมหลักสูตรต่าง ๆ เช่น หลักสูตรนักบินพาณิชย์ตรี การฝึกอบรมเครื่องจำลองการบิน และหลักสูตร Type Rating สำหรับเครื่องบิน Airbus A320 และ ATR72

พลอากาศโทเดชิศร์ เจริญวงศ์ ประธานกรรมการบริษัท บริษัท บางกอกแอร์ เอวิเอชั่น เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า BATC มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับสากล เราเชื่อว่าความร่วมมือกับเครือสหพัฒน์ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการขยายโอกาสทางการศึกษาและสร้างกำลังคนที่มีคุณภาพในอุตสาหกรรมการบิน การผนวกจุดแข็งของทั้ง 2 องค์กรจะช่วยส่งเสริมระบบนิเวศทางการศึกษาด้านการบินให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ดส่งเสริมฯ สสว.) เปิดเผยว่าที่ประชุมได้เร่งผลักดันมาตรการส่งเสริม SME ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างมูลค่าให้กับ SME ให้พร้อมรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจได้อย่างเข้มแข็ง ผ่าน 3 มาตรการหลัก ดังนี้
e-Commerce เป็นช่องทางหลักที่ผู้ประกอบการใช้นำเสนอสินค้าสู่ผู้บริโภค อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการ SME ต้องเสียส่วนแบ่งกำไรกว่า 30% ให้กับการใช้บริการแพลตฟอร์ม e-Commerce ที่ให้บริการในปัจจุบัน ทำให้ SME มีต้นทุนสูง ดังนั้น บอร์ดส่งเสริมฯ จึงมีนโยบายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการพัฒนาศักยภาพของแพลตฟอร์ม e-Commerce ของไทย โดยอาจร่วมมือกับ Thailand Post Mart หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่ สสว. เห็นว่ามีความเหมาะสม อีกทั้งใช้จุดแข็งของไปรษณีย์ไทยที่มีสาขา และระบบโลจิสติกส์ครอบคลุมทั่วประเทศในการเสริมความแข็งแกร่งของระบบ e-Commerce เบื้องต้นบอร์ดส่งเสริมฯ อนุมัติกรอบงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถของระบบนิเวศ e-Commerce อย่างไรก็ตาม มอบหมายให้ สสว. เสนอแผนการดำเนินงานต่อบอร์ดส่งเสริมฯ ต่อไป

นายประเสริฐฯ ย้ำถึงมาตรการของรัฐบาลในการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อภาครัฐ (THAI SME-GP) โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ดำเนินการร่วมกับกรมบัญชีกลาง ด้วยสิทธิพิเศษที่ให้ภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างจาก SME ก่อน และให้แต้มต่อราคา 10% สำหรับ SME และเพิ่มสูงสุด 15% สำหรับสินค้า Made in Thailand ซึ่งปีงบประมาณ 2567 มียอดจัดซื้อจัดจ้างสูงถึง 726,211 ล้านบาท ดังนั้น บอร์ดส่งเสริมฯ จึงมีนโยบายให้ สสว. เร่งดำเนินการและขยายผลมาตรการด้วยการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้ SME ทราบในวงกว้าง เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐผ่านมาตรการ THAI SME-GP โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐสำหรับ SME จะยังคงมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 750,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568
นอกจากนี้ บอร์ดส่งเสริมฯ สสว. ได้จัดสรรงบประมาณ 2,700 ล้านบาท อัดฉีดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น 1 ปี คาดว่าจะสามารถปล่อยกู้ได้ในเดือนสิงหาคม 2568 เพื่อเสริมแกร่งธุรกิจ SME ไทย โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่
(1) Transformation Fund (วงเงิน 1,000 ล้านบาท) มุ่งเน้น SME ที่ต้องการพัฒนารูปแบบธุรกิจให้ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และแนวคิดธุรกิจที่ยั่งยืน เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
(2) Enhancement Fund (วงเงิน 1,000 ล้านบาท) สำหรับกลุ่ม SME ที่มีศักยภาพ เช่นธุรกิจสีเขียว การธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ ธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ ธุรกิจหุ่นยนต์อัจฉริยะ และธุรกิจสร้างสรรค์ เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนในระยะยาว
(3) กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง (วงเงิน 700 ล้านบาท) เสริมสภาพคล่องและทุนหมุนเวียนภาคท่องเที่ยว

นายประเสริฐฯ ทิ้งท้ายว่าการประชุมในครั้งนี้ เป็นการเร่งดำเนินการเพื่อ "สร้างรายได้ ขยายโอกาส เสริมแกร่ง” ธุรกิจ SME ไทยให้สามารถก้าวข้ามความท้าทายทางเศรษฐกิจและเติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ที่ครอบคลุม ทั้งการสร้างโอกาสให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การส่งเสริมตลาด e-Commerce และการสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ให้เป็นประโยชน์ต่อ SME ไทยอย่างแท้จริง สสว. เชื่อมั่นว่า SME ไทยจะยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี นำโดย นายสมบูรณ์ เหมธรรมมา ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส พร้อมด้วย นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุช พัทยา ให้เกียรติร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด “บิ๊กซี สวนนงนุช พัทยา” สาขาใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมขนทัพสินค้า - โปรโมชันสุดคุ้ม และดีลเด็ดฉลองสาขาใหม่มากมาย ณ สวนนงนุช พัทยา เมื่อเร็ว ๆ นี้

“บิ๊กซี สวนนงนุช พัทยา” (Big C Nongnooch Garden Pattaya) ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงชาวไทย ที่เดินทางมายังพัทยา หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทย โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่ครบครัน สะดวกสบาย โดดเด่นด้วยบรรยากาศและการตกแต่งที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างชัดเจน เปิดให้บริการในรูปแบบฟอร์แมทมาร์เก็ต มีขนาดพื้นที่รวมประมาณ 989 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณหน้า
โรงละครสกาลา สวนนงนุช พัทยา ซึ่งเป็น 1 ใน 10 สวนที่สวยที่สุดในโลก

ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ จำหน่ายทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคที่เป็นที่นิยม มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล และราคาที่เป็นธรรมต่อนักท่องเที่ยวทุกชาติ โดยชูไฮไลต์โซน Exclusive @Big C วางจำหน่ายสินค้าของฝากที่มีเฉพาะบิ๊กซีและสวนนงนุชเท่านั้น รวมถึงให้บริการ Vat Refund ณ จุดบริการลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวและการช้อปปิ้งสุดประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติ พร้อมตอกย้ำความเป็น “ทัวร์ริสท์ เดสติเนชัน” (Tourist Destination) จุดหมายปลายทางแห่งการเลือกซื้อของฝากประเทศไทยจากพัทยา

ในโอกาสแกรนด์โอเพนนิ่ง บิ๊กซี มอบสินค้าหมวดท่องเที่ยวและการเดินทางในราคาสุดคุ้ม และโปรโมชันสุดพิเศษ อาทิ
โดยโปรโมชันนี้ จัดตั้งแต่วันนี้ – 30 กรกฎาคม 2568 เท่านั้น
“บิ๊กซี สวนนงนุช พัทยา” ไม่ได้เป็นเพียงซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การช้อปของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก โดยขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสสินค้าของฝากคุณภาพดี ราคาสุดประหยัด และมีให้เลือกหลากหลายได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในทุกวันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 08.00 – 18.30 น. ณ สวนนงนุช พัทยา หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: Big C Tourists Favorites.
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด ได้รับเชิญเป็นวิทยากรพิเศษ บรรยายภายใต้หัวข้อ “Tech Enabled Well-Being: Leveraging Digital Tools for Holistic Well-Being” การใช้เครื่องมือดิจิทัล เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและในสถานที่ทำงาน ในงาน Thailand HR TECH 2025 ที่จัดขึ้นโดยสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT)อ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ภายในงาน คุณบุปผาวดี ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และแนวปฏิบัติในการใช้เครื่องมือดิจิทัล เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและในสถานที่ทำงาน ซึ่งสอดคล้องอย่างลงตัวกับวัฒนธรรมของบริษัทฯ “We Care & Dare for Progress” และการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่สนับสนุน เปิดโอกาสให้พนักงานได้ แสดงศักยภาพ ในสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง และพนักงานได้ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ในระหว่างการบรรยาย คุณบุปผาวดี ได้แบ่งปันวิธีการดูแลพนักงานแบบรอบด้าน ทั้งกาย ใจ และการเงิน ผ่านสวัสดิการต่างๆ ของบริษัทฯ พร้อมทั้งเน้นย้ำ ด้านความกล้าที่จะทำสิ่งที่แตกต่างให้กับพนักงานและลูกค้า เช่น การให้เงินช่วยเหลือในการซื้ออุปกรณ์สำหรับทำงานที่บ้าน วันลาสำหรับดูแลสัตว์เลี้ยง วันลาคลอดของทั้งของพนักงานชายและหญิง ตลอดจนสวัสดิการให้คู่รัก LGBTQ+ รวมถึงเงินช่วยเหลือและวันลาสำหรับการผ่าตัดแปลงเพศ เป็นต้น

กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เชื่อว่าการพัฒนาศักยภาพของพนักงานและสร้างจิตสำนึกด้านวัฒนธรรมองค์กร เทคโนโลยี ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงาน และลูกค้ารวมถึงความกล้าที่จะสร้างความแตกต่าง บริษัทฯ มั่นใจว่า เมื่อพนักงานได้รับการดูแลที่ดี จะส่งมอบการบริการที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าของเรา ตามนโยบายหลักที่จะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป
