December 05, 2025

นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย ได้มอบหมายให้ นางสาวพิชยาพร ด่านทวีศิลป์ รักษาการหัวหน้ากลุ่มงานสื่อสารองค์กร พร้อมด้วยบุคลากรกองทุนประกันวินาศภัย เข้าร่วมจัดกิจกรรมในโครงการ “ยุวชนนักสื่อสารประกันภัยรุ่นใหม่ ปี 2568 (Insurefluencer the new GEN 2025)” ณ โรงเรียน เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้ากุนนที กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจด้านประกันภัยในกลุ่มเยาวชน

โครงการดังกล่าวจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยมี นางจตุรัตน์ มณีวรรณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานบริหารงานประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบประกันภัยให้แก่เยาวชน พร้อมทั้งส่งเสริมให้นักเรียนสามารถเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้สู่ครอบครัว ชุมชน และสังคม สร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของระบบประกันภัยในชีวิตประจำวัน

กองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) ได้เข้าร่วมจัดกิจกรรมในรูปแบบฐานการให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่และภารกิจของ กปว. ในการคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับ “ค่าสินไหมทดแทนที่ล่วงพ้นอายุความ” ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ประชาชนผู้เอาประกันภัยควรรับทราบ เพื่อใช้สิทธิตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจประกันภัย ในหัวข้อต่างๆ อาทิ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการประกันภัย การเป็นนักสื่อสาร ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับการออมเงิน นอกจากนี้ยังมีการจัดบูธประชาสัมพันธ์จากหลากหลายหน่วยงาน รวมถึงฐานการเรียนรู้อีก 5 ฐาน ที่ออกแบบให้เยาวชนได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมเชิงปฏิบัติ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้ด้านประกันภัย

การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญของกองทุนประกันวินาศภัยในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันวินาศภัยสู่สาธารณชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในอนาคต เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง สร้างทัศนคติเชิงบวก และขับเคลื่อนระบบประกันภัยของประเทศให้มีความมั่นคง ยั่งยืน และเป็นกลไกสำคัญในการคุ้มครองประชาชนอย่างแท้จริง

LINE ฉลองครบรอบ 14 ปี ตอกย้ำบทบาทแพลตฟอร์มเพื่อการใช้ชีวิตของคนไทย ถ่ายทอดแนวคิดแคมเปญ “ชีวิตใหม่ในแบบ WOW!” จากพันธกิจใหม่ Create an amazing life platform that brings WOW! to our users ยกระดับชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานให้ ‘ดีขึ้นกว่าเคย’ ในหลากมิติผ่านบริการใหม่ที่รอเปิดตัวในครึ่งปีหลังครอบคลุมการสื่อสาร ไลฟ์สไตล์และสุขภาพ พร้อมดันโครงการด้าน Digital Literacy เดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ใช้และสังคมอย่างยั่งยืน

ณิชารัศมิ์ อาชญาสิทธิวัตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “การครบรอบ 14 ปีของ LINE ไม่ใช่เพียงหมุดหมายของการเติบโตในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัล แต่คือบทพิสูจน์ถึงศักยภาพของเทคโนโลยีที่สามารถเสริมคุณภาพชีวิตผู้คนได้จริง เราเชื่อมั่นว่าหน้าที่ของแพลตฟอร์มดิจิทัลไม่ได้เป็นเพียงแค่การอำนวยความสะดวกผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังต้องนำเสนอคุณค่าของเทคโนโลยีแก่ผู้ใช้งานในมิติที่แตกต่างตามยุคสมัยที่ไม่หยุดนิ่ง รวมถึงการให้ความสำคัญในการสร้างความเท่าเทียม ปลอดภัยสำหรับทุกเพศทุกวัยในสังคมที่เชื่อมโยงโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน โดยทั้งหมดจะถูกถ่ายทอดผ่านประสบการณ์ WOW! จากพันธกิจใหม่ของเราอย่าง Create an amazing life platform that brings WOW! to our users ด้วยการรวมพลังของเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในวิถีชีวิตดิจิทัลของคนไทย”

ย้อนบทบาท LINE ในชีวิตคนไทย

จากจุดเริ่มต้นในฐานะแอปพลิเคชันแชท LINE ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นนิเวศดิจิทัลที่ครอบคลุมทุกมิติของชีวิตคนไทย 56 ล้านคนบนกลยุทธ์ Humanization และ Hyper-localization ซึ่งนอกจากฟีเจอร์สื่อสารที่มี LINE STICKERS มาช่วยเติมความสนุกทุกการแชทให้ทันได้ทุกกระแส ก็ยังสร้างอาชีพให้แก่วงการนักสร้างสรรค์ซึ่งปัจจุบันมี LINE CREATORS ในประเทศไทยมากกว่า 1.44 ล้านราย ตามมาด้วย LINE MELODY สำหรับเสียงเรียกเข้า-รอสายแทนใจได้ทุกอารมณ์ หรือจะเป็น LINE OPENCHAT ที่ต่อยอดทุกความสนใจให้คนไทยได้มีคอมมูนิตี้แหล่งรวมทุกความสนใจบนโลกออนไลน์ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ LINE MAN (LINE MAN Wongnai ในปัจจุบัน) ก็ทำให้วัฒนธรรมการสั่งอาหารเดลิเวอรีเฟื่องฟูจนถึงปัจจุบัน พร้อมสร้างอาชีพไรเดอร์มากกว่าแสนราย นอกจากนี้ยังมี LINE TODAY แพลตฟอร์มรวบรวมคอนเทนต์ข่าวสารอันดับหนึ่งของไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการคอนเทนต์สาระ บันเทิง ไลฟ์สไตล์ สายมูในชีวิตประจำวัน พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคอนเทนต์ข่าวสารในเมืองไทยไปข้างหน้าพร้อมๆ กับพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตกว่า 300 ราย

อีกบทบาทสำคัญของ LINE ในประเทศไทย คือการเป็นโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจดิจิทัลที่อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการธุรกิจในไทยบนเส้นทางการ Digital Transformation ตั้งแต่แรกเริ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยมี LINE Official Account เป็น Touch point ทรงพลังด้วยกลยุทธ์ Chat Commerce ที่ประกอบด้วยโซลูชันส์หลากหลายอย่าง MyShop, MyRestaurant, MyCustomer, Business Manager และล่าสุดกับ LINE Official Notifications (LON) ให้ธุรกิจทุกระดับเลือกใช้สื่อสาร บริหารจัดการข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า รวมถึงภาครัฐและวิสาหกิจต่างๆ ก็ใช้เป็นแพลตฟอร์มให้บริการประชาชน ให้คนไทยได้เข้าถึงบริการรัฐง่ายดาย แทบไม่ต้องออกจากบ้าน ทั้งชำระค่าไฟ ค่าทางด่วน ตรวจสอบการส่งพัสดุ เช็กสิทธิ์บัตรทอง และระบบบริการด้านสุขภาพ ฯลฯ จึงเป็นจุดที่ตอกย้ำศักยภาพของแพลตฟอร์มในการลดความซับซ้อนของชีวิตดิจิทัล ลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีในกลุ่มประชากรที่หลากหลาย ทำให้ LINE กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างสังคมที่เชื่อมโยงคนไทยในทุกพื้นที่

“ชีวิตใหม่ในแบบ WOW!” ดัน 4 บริการใหม่บน LINE ครึ่งปีหลัง

เพื่อเฉลิมฉลองก้าวสำคัญในปีที่ 14 LINE ประเทศไทย เตรียมยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานผ่านแนวคิด “ชีวิตใหม่ในแบบ WOW!” ที่มุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ “ดีขึ้นกว่าเคย” อย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งสื่อสาร ไลฟ์สไตล์และสุขภาพ โดยเน้น 4 แกนหลักประสบการณ์ ได้แก่ ปลดล็อกข้อจำกัดมากขึ้น – ลึกซึ้งขึ้น – ง่ายขึ้น และ มั่นใจขึ้น ซึ่งจะเชื่อมโยงผู้ใช้ผ่าน 4 บริการใหม่ที่จะเปิดตัวให้บริการเร็วๆนี้ อย่าง LINE Premium โปรแกรมสมาชิกสำหรับการใช้ LINE ที่อิสระกว่าที่เคย, LINE GIFT บริการ e-Gifting ที่จะเปลี่ยนมุมมองการให้ของขวัญในมิติใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Social Gifting, LINE HEALTH บริการที่เชื่อมต่อผู้ใช้กับผู้ให้บริการทางการแพทย์ออนไลน์ผ่านบัญชีทางการ ที่จะมาลดข้อจำกัดด้านการเดินทางและเวลา ซึ่งได้ทดลองให้บริการแล้ววันนี้ พร้อมด้วย Whale ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่เชื่อถือได้

เตรียมดันโครงการด้าน Digital Literacy พัฒนาความรู้เพื่อคุณภาพชีวิต

ในปีที่ 14 LINE ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างความสะดวกและ WOW! ในชีวิตประจำวัน แต่ยังริเริ่มกลยุทธ์ ESG เพื่อสร้างการเติบโตและพัฒนาไปสู่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ยั่งยืน โดยเพิ่มบทบาทสำคัญในการส่งเสริม “สังคมอุดมปัญญา” ที่ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างรู้เท่าทัน ปลอดภัย และนำไปต่อยอดสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว โดยที่ผ่านมา LINE ประเทศไทย ได้ขับเคลื่อนโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลให้กับกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงวัย ช่วยให้ผู้ใช้งานรุ่นใหญ่เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างมั่นใจและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายผลไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ และเนื้อหาหลากหลายมากขึ้น ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันสร้างสังคมดิจิทัลที่แข็งแรงและยั่งยืนในทุกมิติ

สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้สยามสแควร์ร้อนแรงขั้นสุด วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของไทย ร่วมเฉลิมฉลอง Pride Month ไปกับงาน Watsons Pride Happening 2025 ที่เนรมิตแลนด์มาร์คกลางกรุงเทพฯ ให้เป็นพื้นที่แห่งความสุข เติมเต็มสีสันรวมความหลากหลายอย่างสร้างสรรค์ และส่งต่อพลังบวกให้ทุกคนแบบจัดเต็ม

นำทีมโดย นวลพรรณ ชัยนาม กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย แท็กทีมหนุ่มตี๋อินเตอร์ หยิ่น - อานันท์ ว่อง นักแสดงหนุ่มฮอตขวัญใจสาววาย ร่วมด้วยขบวนดาราและอินฟลูเอนเซอร์ไอคอนนิกแห่งยุค ชื่อดัง อาทิ เขื่อน ภัทรดนัย, น้ำปิง นภัสกร, ติช่า กันติชา, เจี๊ยบ ลลนา, โยชิ รินรดา, ป๊อป รัชทร, มิ๊กซ์ เฉลิมศรี, โมจิ จิรัชยา, นัท นิสามณี, เอแคลร์, ทีม Miss Tiffany 2025 และอีกมากมาย พร้อมโชว์ไฮไลท์ที่เรียกเสียงฮือฮาตลอดงาน อาทิ Pride Runway สุดเฟียร์ส มินิคอนเสิร์ตจากวง PERSES โซนถ่ายรูปเช็คอินเข้างานสุดเก๋เต็มพื้นที่ และบูธกิจกรรมของเหล่าพันธมิตรที่สนับสนุนอย่างเนืองแน่น

หนุ่มมากความสามารถ หยิ่น อานันท์ ว่อง ในฐานะตัวแทนของแบรนด์วัตสัน กล่าวว่า “ดีใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมดีๆ กับทางวัตสัน งานนี้ทำให้เห็นถึงพลังที่แข็งแกร่งของผู้คนที่มีความหลากหลาย เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งผมอยากให้ทุกคนเปล่งประกายในแบบของตัวเอง ไม่ต้องคิดมากกับสายตาใคร แค่คิดดี ทำดี และเป็นตัวเองที่มีความสุขมากขึ้นทุกวันนะครับ”

ภายในงาน นอกเหนือจากนั้นยังมีตัวแทนพนักงานวัตสันที่พากันเฉิดฉายบน Pride Runway เพื่อส่งต่อพลังแห่งความหลากหลาย (Diversity) ความเท่าเทียม (Equity) และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการทำงาน (Inclusion) หรือ DEI อย่างแท้จริง

นวลพรรณ ชัยนาม กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “ขอบคุณพาร์ทเนอร์และคู่ค้าทุกแบรนด์ที่มองเห็นความสำคัญ เชื่อในเรื่องเดียวกัน และให้การสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่งานเฉลิมฉลองความหลากหลาย แต่ยังตอกย้ำเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของวัตสันในการสนับสนุน และส่งเสริมให้ทุกคนได้แสดงออกถึงตัวตนอย่างมีอิสระ พร้อมสร้างสังคมที่เท่าเทียม เพราะเราเชื่อว่า ‘ทุกคนมีสิทธิ์เปล่งประกายในแบบของตัวเอง’”

ก่อนปิดท้ายความสนุกด้วยมินิคอนเสิร์ตจาก 5 หนุ่มวง PERSES ที่เรียกเสียงกรี๊ดสุดฟินจากแฟนๆ ได้แบบสุดเหวี่ยง

ไบกอน แบรนด์ผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงอันดับ 1 ของประเทศไทย จัดกิจกรรมให้ความรู้ในงาน “ไบกอนร่วมใจต้านภัยไข้เลือดออก” เพื่อส่งเสริมการตระหนักรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออก ผ่านกิจกรรมแบบอินเตอร์แอคทีฟ ณ ศูนย์การค้าเมกาบางนา ระหว่างวันที่ 20–22 มิถุนายน 2568 ภายในงานจัดเต็มด้วยองค์ความรู้และแนวทางการป้องกันโรคไข้เลือดออกแบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแพร่เชื้อ วิธีการป้องกัน ไปจนถึงโซนกิจกรรมแบบลงมือจริงให้ครอบครัวได้เรียนรู้ร่วมกัน

งานนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.สุภาวดี พวงสมบัติ รองผู้อำนวยการกองโรคติดต่อนำโดยแมลง และนักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมโรค พร้อมด้วยคู่รักคนดัง ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ และ มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ พรีเซ็นเตอร์ของไบกอน มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับความรู้เรื่องการป้องกันตนเองจากยุงลาย อาการของโรคไข้เลือดออก และการป้องกันแบบมีส่วนร่วมในชุมชนที่สามารถทำได้จริง นอกจากนี้ยังมี เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์ พร้อมด้วยสองคู่จิ้นสุดฮอต ฟอส จิรัฏฐ์พงศ์ ศรีแสง และ บุ๊ค กษิดิ์เดช ปลูกผล มาร่วมแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออกอีกด้วย

ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล (Digital Disease Surveillance : DDS) กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคข้อมูลอัพเดต ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2568 เปิดเผยว่า “แม้จำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในช่วงเดือนมกราคม–พฤษภาคม 2568 จะลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 59% แต่ก็ยังมีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 13,814 ราย และเสียชีวิต 15 ราย กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ เด็กวัยเรียน (5–14 ปี) และวัยรุ่น (15–24 ปี) แม้จะเป็นสัญญาณที่ดี แต่ช่วงฤดูฝนยังคงมีความเสี่ยงสูงจากแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย จึงยังจำเป็นต้องมีการรณรงค์ต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต”

ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ และ มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของไบกอน พวกเรารู้สึกยินดีและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมนี้ เพราะโรคไข้เลือดออกเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรอดพ้นได้ ไม่ว่าใครก็มีโอกาสเป็น พวกเราในฐานะพ่อแม่ของลูก 2 คน ไบกอนคือทางเลือกแรกเสมอในการปกป้องลูกและครอบครัวจากโรคไข้เลือดออก เพราะแค่ฉีดไบกอนก็สามารถกำจัดยุงได้ใน 3 วินาที ช่วยให้เรามั่นใจว่าทุกคนในบ้านปลอดภัย”

ไบกอน ในฐานะแบรนด์กำจัดแมลงอันดับ 1 ของประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ตอบโจทย์การป้องกันยุงซึ่งเป็นพาหะหลักของโรคไข้เลือดออก เช่น สเปรย์กำจัดยุง ยาจุดกันยุงแบบขด เครื่องไล่ยุงไฟฟ้า และสเปรย์กำจัดแมลงหลากชนิด ซึ่งได้รับการคิดค้นสูตรให้สามารถจัดการกับยุงและแมลงอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมกับมอบความรู้และเครื่องมือในการป้องกันให้กับครอบครัวไทย ภายใต้สโลแกน “ตัดจบทุกปัญหาเรื่องแมลงกวนใจ”

SCGP ร่วมกับ LINEMAN WONGNAI จับมือเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าบรรจุภัณฑ์กระดาษเพื่อการขนส่ง และบรรจุภัณฑ์อาหารเฟสท์ ผ่านแอปพลิเคชัน “LINEMAN MART” เดลิเวอรีแพลตฟอร์มชั้นนำ ครอบคลุมหลายพื้นที่ในกรุงเทพและปริมณฑล พร้อมมอบโค้ดส่วนลดพิเศษ ส่งตรงถึงบ้านได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มความสะดวกและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ นอกจากนี้ SCGP มีเป้าหมายชวนตัวแทนจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ด้วย ซึ่งจะช่วยรองรับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น

กรุงเทพประกันชีวิต ขอส่งมอบความ “อุ่นใจ” กับแผนสุขภาพและเงินออม ที่ “ใส่ใจ”ทุกคนในครอบครัว ในงาน แฟร์ที่คุณพ่อคุณแม่ห้ามพลาด Amarin Baby & Kids Fair Midyear 2025 เตรียมยกทัพแบบประกันดี ๆ ที่ออกแบบมาด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็น “กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์” แบบประกันสะสมทรัพย์ที่ซื้อ 1 ได้ถึง 4 มั่นใจกับผลตอบแทนที่แน่นอน พร้อมความคุ้มครองด้านสุขภาพ ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายในอนาคตเพื่อลูกน้อย “กรุงเทพ สุดคุ้ม” แผนการออมที่คุ้มค่า และหลากหลายแผนคุ้มครองที่มอบความอุ่นใจในทุกช่วงเวลาสำหรับครอบครัว ระหว่างวันที่ 26 – 29 มิถุนายน 2568 ที่บูท C7-C8 ฮอลล์ 104 ศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการ ไบเทคบางนา  ภายในงานพบกับกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อย และรับฟังสาระดี ๆ กับเวทีเสวนาห้องเรียน พ่อแม่ ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน เวลา 13.30 น. โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวกและการส่งเสริมทักษะสมอง EF สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมผู้เชี่ยวชาญจากกรุงเทพประกันชีวิตที่จะมาแนะนำการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตลูก และโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย

สิทธิพิเศษภายในบูท เพียงซื้อแบบประกันใดก็ได้ (ยกเว้นแบบประกันยูนิต ลิงค์) และชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกแบบรายปี รับโปรโมชันพิเศษ 3 ต่อ!!! ต่อที่ 1 รับกระเป๋าช้อปปิ้ง Together We Care สุดชิค ทันที! ต่อที่ 2 รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลทันทีภายในงาน มูลค่าสูงสุด 2,500 บาท และต่อที่ 3 รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลเพิ่ม มูลค่าสูงสุด 12,000 บาท พร้อมสิทธิ์ลุ้นรางวัลรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เมื่อดาวน์โหลดแอป BLA Happy Life ลงทะเบียน และเข้าใช้งาน ภายในวันที่ 31 กรกฏาคมนี้  เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

 

SACIT  เดินหน้าโครงการ  SACIT Craft Collection คัดสรรผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยจากครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม  ทายาทช่างศิลปะหัตกรรม  สมาชิก สศทและ New Yong Craft ทั่วประเทศ ให้เป็นแม่แบบผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยที่นำเสนอความโดดเด่นของทักษะเชิงช่าง การผสมผสานความดั้งเดิมด้วยความคิดสร้างสรรค์ และบอกเล่าเรื่องราวของความยั่งยืนที่สอดรับกับทิศทางและรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวัน เพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยให้แพร่หลาย ไปไกลในระดับโลก

ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์กรมหาชน) หรือ SACIT กล่าวว่า SACIT มุ่งมั่นดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันช่างฝีมือผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยยึดหลักแนวคิดพื้นฐาน 3 พันธกิจขององค์กรที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ คือ การสืบสาน สร้างสรรค์ และส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมไทยให้ยั่งยืน โดยใช้กลยุทธ์การรับรองผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม และส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์งานศิลปหัตถกรรมไทยเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ผลักดันให้เกิดความนิยมในผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยที่เป็นส่วนสำคัญในการรักษารากฐานขององค์ความรู้ ภูมิปัญญา ทักษะฝีมือท้องถิ่น ตลอดจนสามารถถ่ายทอด และต่อยอดให้เกิดการค้าที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยก้าวไปสู่สินค้าที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรวบรวมคณะกรรมการคัดสรรงานศิลปหัตกรรมเพื่อรองรับเป็นผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ภายใต้ SACIT Craft Collection  ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในหลากหลายมิติ  เพื่อร่วมพิจารณาคัดสรรผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ภายใต้ SACIT Craft Collection  ภายใต้เกณฑ์การพิจารณาในด้านต่าง ๆ  ได้แก่ ด้านความเป็นเลิศเชิงช่าง มีทักษะฝีมือช่างระดับสูง, ด้านความสามารถทางการตลาด ศักยภาพในการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ, ด้านความดั้งเดิม  การอนุรักษ์สืบสานองค์ความรู้  ภูมิปัญญาท้องถิ่น, ด้านนวัตกรรม  แนวทางการสร้างสรรค์อย่างร่วมสมัย เพื่อสืบสานให้องค์ความรู้ดั้งเดิมยังดำรงอยู่ได้อย่างร่วมสมัย รวมถึงความยั่งยืน แนวปฏิบัติที่ยั่งยืน ใส่ใจต่อสังคม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้ผลงานที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง และเป็นแบบอย่างของผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยที่ถูกรับรองภายใต้ SACIT Craft Collection โดยในที่ผ่านมา SACIT ได้ดำเนินการยกย่องเชิดชูกลุ่มผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปหัตถกรรม ได้แก่ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม สมาชิก สศท. และ New Yong Craft ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์โดยกลุ่มคนดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยที่มีความโดดเด่น  สามารถสร้างภาพลักษณ์อันดีที่จะนำมาสู่การสร้างความเชื่อมั่นในระดับประเทศและผลักดันสู่การเป็นที่ยอมรับในระดับสากลต่อไป

สำหรับการคัดสรรผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมที่สร้างสรรค์ โดยครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม สมาชิก สศท. และ New Yong Craft เพื่อรับรองเป็นผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ภายใต้ SACIT Craft Collection ได้แบ่งประเภทการรับรองผลิตภัณฑ์ศิลปหัตกรรมออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. Master Craft หรือหัตถศิลป์ระดับประเทศ (The Legacy of Master Craftsmanship)  เน้นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้านความเป็นเลิศเชิงช่าง (Craftsmanship) และความดั้งเดิม (Authenticity)  2. Trendy Craft หรือนวัตศิลป์เพื่อตอบสนองความต้องการของปัจจุบันและอนาคต (Bridging tradition and tomorrow) เน้นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม (Innovation) และความสามารถทางการตลาด (Marketability) 3. Conscious Craft หรือ หัตถกรรมรักษ์โลก (Where sustainability meets creativity) เน้นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้านการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน (Sustainability) และนวัตกรรม (Innovation)

“SACIT Crafts Collection” จึงไม่ใช่แค่เวทีแสดงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม แต่คือเวทีที่เปิดโอกาสให้ช่างฝีมือได้แสดงพลังของทักษะเชิงช่างของคนไทยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างเป็นปัจจุบัน ต่อยอดธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ และขยายตลาดไปได้ไกลกว่าเดิม  SACIT เชื่อว่า SACIT Craft Collection ไม่ใช่การรับรองผลิตภัณฑ์เพื่อกระตุ้นให้เกิดเพียงงานสร้างรายได้ แต่เป็นการสืบสาน และส่งต่อมรดกทางองค์ความรู้ ภูมิปัญญา และทักษะฝีมือเชิงช่าง ที่ซ่อนอยู่ในทุกหมู่บ้าน ทุกอำเภอทั่วประเทศไทยให้คงอยู่สืบไป”

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมที่ผ่านการคัดเลือก และได้รับรองเป็นผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ภายใต้ SACIT Craft Collection โดยประโยชน์ที่ผู้ผ่านการคัดสรรจะได้รับ เช่น ได้รับโอกาสในการใช้บรรจุภัณฑ์ ตรารับรอง การบรรจุลงใน SACIT Craft Collection Catalog รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางการสื่อสารของ สศท. และเครือข่ายพันธมิตร เพื่อสร้างโอกาส สร้างการเป็นที่รู้จักและยอมรับ

นอกจากนี้ ยังได้รับโอกาสในการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางของ สศท. อาทิ งานแสดงสินค้า จุดจำหน่าย ทั้งในรูปแบบ Online และ Offline รวมถึงช่องทางจำหน่ายของเครือข่ายพันธมิตร ซึ่งเป็นการต่อยอดเชิงพาณิชย์ผ่านกิจกรรมการร่วมงานแสดงสินค้า (Trade Show) เช่น การเข้าร่วมงานฯ เพื่อนำเสนอภาพรวมความเป็น SACIT Craft Collection @ Craft Bangkok, การเข้าร่วมงานฯ เพื่อนำเสนอความพิเศษของ SACIT Craft Collection ในแต่ละประเภทตามกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม รวมทั้งการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษเพื่อสร้างการยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ

BAM บริษัทบริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ จับมือ วี บียอนด์ บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่ให้บริการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆแบบครบวงจร (One Stop Service) พร้อมทั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับปรุงและรีโนเวทอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่าย เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ และการเติบโตอย่างยั่งยืน   

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับ บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ VBeyond เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ NPA ด้วยโมเดลธุรกิจ “หมุนเร็ว แบ่งกำไร” ที่มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์สูงสุดในธุรกิจร่วมกัน    

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้  โดย BAM พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ NPA Partnership ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มุ่งขยายฐานธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ อาทิ บริษัทอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงิน โดย BAM มุ่งเน้นการคัดสรรและนำเสนอทรัพย์ NPA ขนาด Big Lots ให้พันธมิตรนำไปพัฒนาและเพิ่มมูลค่า ทั้งบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม และที่ดิน เพื่อพลิก “ทรัพย์ร้าง” ให้กลายเป็น “ทรัพย์สร้างกำไร” ต่อยอดเป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้กับ BAM อย่างต่อเนื่อง ลดระยะเวลาการถือครอง และสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว

สำหรับความร่วมมือกับ VBeyond เป็นหนึ่งในความสำเร็จของการใช้กลยุทธ์ NPA Partnership โดยพันธมิตรจะนำทรัพย์ไปปรับปรุงและรีโนเวทด้วยแนวทาง FIX & FLIP หรือกลยุทธ์ซื้อ-ซ่อม-ขาย เพื่อเพิ่มมูลค่าและความพร้อมในการจำหน่ายสู่ตลาด และผลักดันตลาดทรัพย์มือสองให้เติบโตอย่างมั่นคง การลงนามในครั้งจึงนับเป็นก้าวที่สำคัญของการเสริมสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจด้วยการผนึกกำลังความเป็นมืออาชีพของทั้ง 2 องค์กร และยังเพิ่มศักยภาพในการสร้างความเติบโตให้กับ BAM ได้อย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน BAM มีทรัพย์สินรอการขายอยู่ในความดูแลกว่า 24,000 รายการ ราคาประเมินกว่า 74,000 ล้านบาท กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ ประกอบไปด้วยที่ดินเปล่า บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ ห้องชุดพักอาศัย อพาร์ทเม้นท์ เป็นต้น ในโครงการความร่วมมือครั้งนี้ VBeyond มีความสนใจในทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ซึ่ง BAM มีบ้านเดี่ยว 8,310 รายการ มูลค่าราคาประเมิน 25,001 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 4,667 รายการ มูลค่าราคาประเมิน 7,565 ล้านบาท และห้องชุดพักอาศัย ซึ่ง BAM มีอยู่ถึง 4,787 รายการ มูลค่าราคาประเมิน 4,265 ล้านบาท

ทั้งนี้ในความร่วมมือกับทาง บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นการสนับสนุนการใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมสร้างโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยคุณภาพในราคาที่เหมาะสม จับต้องได้ อันเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ อย่างยั่งยืน โดยใช้ชื่อโครงการนี้ว่า “บ้านสร้างตัว”

ดร.วรเดช รุกขพันธุ์ เปิดเผยว่า  “ทางวีบียอนด์จะคัดเลือกทรัพย์สินรอการขายจาก BAM ทั้งประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ เพื่อนำมารีโนเวทใหม่ ซึ่งเราตั้งชื่อว่าโครงการ “บ้านสร้างตัว” แนวคิดคือ การนำบ้านใหม่หรือบ้านมือ 2 มารีโนเวทพร้อมอยู่อาศัย โดยใส่นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพิ่มเข้าไป เช่น ระบบ Smart home โซลาร์เซลล์ ระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีประหยัดพลังงานต่างๆ เพื่อให้คนไทยมีทางเลือกในการเข้าถึงบ้านคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้นแค่หลักพันต่อเดือน พร้อมวงเงินสินเชื่อสูงสุด 110% ของหลักประกัน โดยเริ่มปักหมุดจากพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และขยายสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักเฟสแรกในกลุ่มข้าราชการและพนักงานที่มีเงินเดือนประจำ และในเฟสที่ 2 สำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งผมมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่มองหาบ้านหลังแรก เพื่อเริ่มต้นชีวิตอย่างมั่นคง และเป็นเจ้าของบ้านได้จริงในยุคที่ราคาทรัพย์สินพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ อย่างยั่งยืนอีกด้วยครับ”

มทร.ธัญบุรี สร้างผลงานโดดเด่นบนเวทีนวัตกรรมระดับประเทศ คว้ารางวัลรวม 12 รางวัลจากเวที “การประกวดนวัตกรรมสายอุดมศึกษา ประจำปี 2568” (Higher Education Innovation Awards 2025) ภายในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2568 (Thailand Research Expo 2025) ด้วยผลงานที่เน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สะท้อนพลังของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วยงานวิจัยคุณภาพ

ศ.ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เผยว่า มหาวิทยาลัยสร้างความภาคภูมิใจในเวทีระดับชาติ หลังคว้ารางวัลรวม 12 รางวัลจากการประกวดนวัตกรรมสายอุดมศึกษา ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ภายในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2568 โดยผลงานของนักศึกษามีความหลากหลายครอบคลุมทั้งด้านสร้างสรรค์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควบคู่กับการมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน รางวัลทั้งหมดที่ได้ ประกอบด้วย

รางวัลระดับดีเด่น เหรียญทอง พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท ได้แก่ ผลงาน “การพัฒนานวัตกรรมไม้อัดจากต้นมันสำปะหลังและดินทดแทนดินปั้นเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและส่งเสริม Soft Power ของไทย” โดยนายพุฒิภัทร กิติธณาวัฒนพงษ์ อาจารย์ที่ปรึกษา ดร.สุภา จุฬคุปต์ และดร.นารีรัตน์ จริยะปัญญา จากคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ ร่วมกับรศ.ดร.วารุณี อริยวิริยะนันท์ คณะวิศวกรรมศาสตร์

รางวัลระดับดี เหรียญทอง พร้อมเงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ ผลงาน “EcoLuxe: ฟองน้ำจากธรรมชาติสู่ความงามที่ยั่งยืน” โดยนางสาวศิริชล บัวบุญ, นางสาวนันทิชา เลาะหมุด และนายพฤติพงศ์ พันธมนัสโสภา อาจารย์ที่ปรึกษา รศ.ดร.วารุณี อริยวิริยะนันท์ คณะวิศวกรรมศาสตร์

รางวัลเหรียญเงิน จำนวน 4 ผลงาน ประกอบด้วย (1) ผลงาน “EcoFit: พื้นยางรักโลกเพื่อการออกกำลังกาย” โดยนายปกรณ์เกียรติ เจียรัตนเจริญ นายพฤติพงศ์ พันธมนัสโสภา นางสาวศิริชล บัวบุญ และนางสาวนันทิชา เลาะหมุด อาจารย์ที่ปรึกษา รศ.ดร.วารุณี อริยวิริยะนันท์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ (2) ผลงาน “ผลิตภัณฑ์ซูริมิเพื่อสุขภาพจากพืชที่มีโปรตีนสูงสำหรับป้องกันการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ” โดยนางสาวขวัญสิริ นามเคน นางสาวโสภา อินทร์พรหม นางสาวจุฑาทิพ มณีเนตร นางสาวพัณณิตา จันติ้ว นางสาวพรนัชชา มากหมู่ และนางสาวนภัสสร วิรุฬห์พุทธวงศ์ อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.อัฏฐพล อิสสระ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (3) ผลงาน “เทปพลาสติกชีวภาพที่มีฤทธิ์ในการต้านทานจุลินทรีย์ก่อโรคสำหรับปิดแผลต้นไม้” โดยนางสาวเกลวรินทร์ ชื่นอารมณ์ อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.ภรวลัญช์ นันท์ธนานนท์ ดร.บงกช หะรารักษ์ และดร.กาญจนาวดี สิงขรอาจ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ (4) ผลงาน “การประยุกต์ใช้โปรตีนทางเลือกจากดักแด้ไหมในการผลิตแมลงยอ” โดยนางสาวนันทวดี จินดารัตน์ อาจารย์ที่ปรึกษา รศ.ดร.อรวัลภ์ อุปถัมภานนท์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ และ ผศ.ดร.พิมพ์สิรี สุวรรณ คณะวิศวกรรมศาสตร์

รางวัลเหรียญทองแดง จำนวน 4 ผลงาน ได้แก่ (1) ผลงาน “แผ่นยึดเกาะตัวอ่อนปะการังย่อยสลายได้ในทะเลสำหรับฟื้นฟูแนวปะการัง” โดยนางสาวปวีณ ทับทอง นางสาวธัญชนก ชัยการกิจวงษ์ นางสาวเกลวรินทร์ ชื่นอารมณ์ นายชุติพันธ์ เลิศวชิรไพบูลย์ และนายพฤติพงศ์ พันธมนัสโสภา อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.ภรวลัญช์ นันท์ธนานนท์ รศ.ดร.ศุภกิจ สุทธิเรืองวงศ์ รศ.ดร.วารุณี อริยวิริยะนันท์ ดร.ชุติพันธ์ เลิศวชิรไพบูลย์ และดร.พฤติพงศ์ พันธมนัสโสภา คณะวิศวกรรมศาสตร์ (2) ผลงาน “SM BioGlue: กาวชีวภาพจากกากถั่วเหลืองที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อราสำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้” โดยนางสาวสุภาวดี อินทร์กลิ่น และนางสาวสิริกัญญา ภูงามดี อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.ภรวลัญช์ นันท์ธนานนท์ รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด รศ.ดร.วีราภรณ์ ผิวสอาด ดร.บงกช หะรารักษ์ และดร.กาญจนาวดี สิงขรอาจ คณะวิศวกรรมศาสตร์ (3) ผลงาน “บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้จากผักตบชวาที่ผสมคาร์บอนดอทต้านเชื้อจุลชีพ” โดยนางสุมัยดา เจ๊ะอุบง และนางสาวอัสมา หมินหมาน อาจารย์ที่ปรึกษา รศ.ดร.กนกอร เวชกรณ์ และดร.ธนกร แสงทวีสิน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ (4) ผลงาน “เนื้อปลาเทียม” โดยนางสาวโสภิต พุดแจงงาม อาจารย์ที่ปรึกษา รศ.ดร.อรวัลภ์ อุปถัมภานนท์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์

ศ.ดร.กฤษณ์ชนม์ ยังกล่าวอีกว่า ความสำเร็จนี้เป็นความมุ่งมั่นของ มทร.ธัญบุรี ในการพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์สังคมและอุตสาหกรรม แสดงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนประเทศด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน โดยเฉพาะการสร้างงานวิจัยที่เน้นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและวัสดุเหลือใช้ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม พร้อมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน.

เมื่อสไตล์มาพร้อมกับรสชาติ LELE BURGER (เลอเล่อเบอร์เกอร์) ผุดแนวคิดของจุดเริ่มต้นของยุคใหม่สำหรับเบอร์เกอร์แห่งเอเชีย เปิดตัวสาขาแรกใจกลางกรุงเทพแบบจัดเต็ม  พร้อมยกระดับประสบการณ์ในการทานเบอร์เกอร์ และแรงบันดาลใจต่างๆ ในการใช้ชีวิตตามคอนเซ็ปท์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Special Guest สุดปัง คุณโทนี่ จา (Tony Jaa) ผู้ซึ่งเป็นนักแสดงภาพยนตร์แอคชั่น เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ทั้งศาสตร์ตะวันตกและตะวันออก ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผู้ซึ่งเป็นตำนานแห่งวงการบันเทิงที่ไม่เคยหลับใหล พร้อมขบวนกองทัพอินฟลูเอนเซอร์ และสื่อมากมายหลายแขนงแบบจัดเต็ม และกิจกรรมสุด Exclusive ในงาน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมหมุนวงล้อล่ารางวัล แฟชั่นโชว์สายแฟ Make Your Own Runway ที่เปรียบเสมือนแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง รวมไปถึงการเปิดตัว น้องเฮดี้ (Hedy) แบรนด์แอมบาสเดอร์ (Brand Ambassador) สุดน่ารัก ขนาด 3 เมตร พร้อมกองทัพกล่องสุ่ม Hedy ทั่วทุกพื้นที่ของเลอเล่อเบอร์เกอร์ และแน่นอนว่า เมนูไฮไลท์ของ เลอเล่อเบอร์เกอร์ เบอร์เกอร์แป้งสดแบบ Flat Bun สไตล์โฮมเมด ก็ขนมาอย่างเต็มพื้นที่ พร้อมไก่ย่าง ไก่ทอด ของทานเล่น ชาชีส ชาผลไม้ กาแฟพรีเมี่ยม มัทฉะเกรดพิธีการ ต่างๆ ก็ถูกคัดสรรมาให้ได้เลือกทานกันอย่างจุใจแบบไม่อั้น ชนิดที่ว่า ไม่อิ่ม ไม่ให้ออกจากงาน กันเลยทีเดียว

ดร.สุมิท พิฮ์ กรรมการผู้จัดการ (Managing Director) บริษัท เลอเล่อเบอร์เกอร์ กล่าวว่า LELE ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อ แต่คือคำ 4 คำที่แบรนด์ยึดถือ คือ Life, Energy, Light, และ Enjoyment เพราะทุกคำที่ได้ทาน ไม่ใช่แค่เรื่องของความอิ่มท้อง แต่มันคือการเติมพลังให้ชีวิต การจุดแสงสว่างในการสร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการทำสิ่งใหม่ๆ และสร้างความสุขในการใช้ชีวิตในทุกๆวัน และเพราะเลอเล่อเบอร์เกอร์ มาพร้อมกับความมุ่งมั่นตั้งใจในการยกระดับประสบการณ์การทานเบอร์เกอร์ และยึดถือคุณภาพ รสชาติ และความสดใหม่เป็นสำคัญ เพื่อมอบประสบการณ์แห่ง Next Level ให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง ตามทัศนคติ และสโลแกน Stay Hungry, Stay Fresh ของแบรนด์ ที่อยากให้ลูกค้าทุกคนรับรู้ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องความสดใหม่ของอาหาร แต่รวมไปถึงทัศนคติที่ดี และความหิวกระหายในการค้นหาสิ่งใหม่ๆ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ พร้อมเรี่ยวแรงและพลังใจอย่างล้นเหลือในการลงมือสร้าง ดีไซน์ และยกมาตรฐานใหม่ขึ้นอีกระดับอย่างไม่หยุดยั้ง

ดร.สุมิท กล่าวเพิ่มเติมว่า เลอเล่อเบอร์เกอร์เป็นแบรนด์เบอร์เกอร์สายครีเอทีฟที่ “แตกต่าง” ทั้งความสดใหม่ และทั้งไอเดียที่ผสมผสานคุณภาพและความสดใหม่ของวัตถุดิบ รสชาติความอร่อย และภาพลักษณ์ของอาหารและเครื่องดื่ม ให้เบลนด์เข้ากันได้อย่างลงตัว กับภาพลักษณ์ของแบรนด์ และแพกเกจจิ้งตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมไปถึงความสนุกสนานของ “เฮดี้” (Hedy) แบรนด์ไอคอนิกสุดน่ารักของเลอเล่อเบอร์เกอร์ ซึ่งถูกออกแบบมาเป็น Art Toy ทั้ง 6 เวอร์ชันในเฟสแรก ก็พร้อมมาร่วมเติมสีสัน และความสนุกให้กับทุกวันของทุกท่าน

ดร.สุมิท กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นคุณโทนี่ จา, ผู้บริหารพื้นที่และศูนย์การค้าหลากหลายแห่ง เช่น Central Pattana Group, The Mall Group, Magnolia Quality Development Corporation, LH Mall, Siam Piwat  รวมไปถึงสำนักข่าวและสื่ออีกมากมายหลายแขนง ที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับประสบการณ์แห่งการทานเบอร์เกอร์ และทำให้ เลอเล่อเบอร์เกอร์ ประสบความสำเร็จอย่างงดงามและเป็น Next Level อย่างแท้จริง

พบกับ เลอเล่อเบอร์เกอร์ ที่ไม่เพียงแค่อร่อย แต่ครองใจคนมากมายได้แล้ววันนี้ ที่ศูนย์การค้าซัมเมอร์ฮิลล์ ติดรถไฟฟ้าสถานีพระโขนง ทางออกที่ 4 ทุกวัน เวลา 08.00 - 22.00 น. รวมไปถึงช่องทางเดลิเวอรี่พาร์ทเนอร์

X

Right Click

No right click