บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดยแบรนด์ CP รับ 6 รางวัลความเป็นเลิศด้านการตลาดแห่งปี 2024 (Marketing Excellence Awards 2024) จากผลงานแคมเปญอันโดดเด่นในระดับนานาชาติ “ไก่ไทยจะไปอวกาศ” คว้ารางวัล 2 สาขาในระดับ Gold ได้แก่ สาขา Excellence in Brand Strategy สุดยอดแคมเปญที่มีการวางกลยุทธ์เป็นเลิศ และ Excellence in Communications แคมเปญที่มีผลงานด้านการสื่อสารโดดเด่นที่สุดของปี
ขณะเดียวกัน แคมเปญ “ไก่ไทยจะไปอวกาศ” ยังคว้าอีก 2 รางวัลระดับ Bronze ในสาขา Excellence in TV / Video Advertising แคมเปญโฆษณาทางโทรทัศน์และวิดีโอยอดเยี่ยม และสาขา Marketing Team of the Year ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่สุดยอดทีมเวิร์ค ที่รวมพลังความคิดและสร้างสรรค์ผลงานการตลาดอันเป็นเลิศ
นอกจากนี้ แคมเปญ "ไส้กรอกแบรนด์ CP Extreme Cheese Lava" ยังสามารถคว้าอีก 2 รางวัลจากเวทีเดียวกัน ประกอบด้วย ระดับ Silver Award สาขา Excellence in Out-of-Home Advertisement แคมเปญโฆษณาบนสื่อนอกบ้านยอดเยี่ยม และระดับ Bronze ในสาขา Excellence in Interactive Marketing AR & VR สาขาการตลาดออนไลน์ใช้เทคโนโลยี AR & VR
นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า รางวัลที่ได้รับ 6 รางวัลสะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาดและสร้างการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะ แคมเปญ ไก่ไทยจะไปอวกาศ และ ไส้กรอก CP Extreme Cheese Lava ซึ่งให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค มาจากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคแบบเชิงลึก สามารถสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคจนเกิดความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ นำไปสู่การซื้อซ้ำในระยะยาว
รางวัลที่ได้รับ แคมเปญ ไก่ไทยจะไปอวกาศ' เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า มาตรฐานความปลอดภัยของเนื้อไก่แบรนด์ CP ที่ก้าวสู่ความปลอดภัยระดับอวกาศ 'Space Safety Standard' ตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับเดียวกับที่นักบินอวกาศสามารถรับประทานได้ ที่ผ่านมา ซีพีเอฟมีการจัดกิจกรรมสื่อสารทางการตลาดให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมภาคภูมิใจความสำเร็จในระดับประเทศ โดยเปลี่ยนใจกลางสยามสแควร์ ให้เป็นสถานีอวกาศ จนขึ้นอันดับ 1 Trend X ประเทศไทย และอันดับ 3 ของโลก ตลอดจนสร้างยอดขายในประเทศเติบโตขึ้น 11% และขยายผลสร้างผลลัพท์ที่ดีต่อธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ
ส่วน แคมเปญ 'ไส้กรอก Extreme Cheese Lava' เน้นกลยุทธ์การสื่อสารที่สามารถเข้าถึงและมัดใจผู้บริโภค 'เจน Z & Alpha' ได้ ด้วยการใช้นวัตกรรม AR และ VR รวมถึง 'ROBLOX' เกม Virtual World เป็นช่องทางในการสื่อสาร และใช้ภาษาที่สร้างความใกล้ชิดกับคนรุ่นใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มเด็กนักเรียนและผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมท้าทาย ด้วยการเนรมิตสถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT ให้เป็นเมืองชีสฉ่ำที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายในกลุ่มไส้กรอกได้เพิ่มขึ้น 25%
รางวัล Marketing Excellence Awards จัดโดย MARKETING-INTERACTIVE นิตยสารออนไลน์ชั้นนำระดับเอเชีย ด้านการโฆษณาและการตลาด ประเทศสิงคโปร์ ที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริหารด้านการตลาดทั้งในเอเชีย เป็นรางวัลที่มอบให้ผลงานด้านการตลาด การโฆษณาเชิงสร้างสรรค์ การประชาสัมพันธ์ การวิจัยการตลาด และการสื่อสารการตลาดที่โดดเด่นของภูมิภาค
ทรู คอร์ปอเรชั่น ลุยนำแผนการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible AI (RAI) Maturity Roadmap ของสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) สู่การดำเนินงานเป็นองค์กรแรกในประเทศไทย โดยแผนดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีจริยธรรมในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และการประเมินผลของแผนการดำเนินงานนี้สนับสนุนมาตรฐานระดับสูงสำหรับการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างปลอดภัย เท่าเทียม และยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับโลก
จากการประเมินโดย McKinsey พบว่าโอกาสทางธุรกิจจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในภาคโทรคมนาคมอาจสูงถึง 680,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 22.7 ล้านล้านบาท) ในช่วง 15-20 ปีข้างหน้า สมาคมจีเอสเอ็มจึงร่วมมือกับบริษัทโทรคมนาคม 19 แห่ง รวมถึงทรู คอร์ปอเรชั่น ในการใช้เทคโนโลยีนี้อย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ นับเป็นครั้งแรกที่ทุกภาคส่วนมุ่งมั่นใช้แนวทางร่วมกันในด้านปัญญาประดิษฐ์
แผนพัฒนานี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมสามารถประเมินสถานะปัจจุบันในการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างรับผิดชอบ เทียบกับเป้าหมายที่ต้องการ จากนั้นจึงให้แนวทางที่ชัดเจนและเครื่องมือวัดผลเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้น พร้อมทั้งรับรองแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมสำหรับการใช้เทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า "ปัญญาประดิษฐ์จะมาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงชีวิตและเศรษฐกิจทั่วภูมิภาคเอเชีย โดย ทรู คอร์ปอเรชั่นมุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากศักยภาพนี้อย่างรับผิดชอบและมีจริยธรรม การนำแผนพัฒนาการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible AI Roadmap ของสมาคมจีเอสเอ็มมาใช้ แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการยึดมั่นมาตรฐานสากลระดับสูงสุด เพื่อให้มั่นใจว่าประโยชน์ของปัญญาประดิษฐ์จะเกิดขึ้นอย่างปลอดภัยและอยู่บนความเท่าเทียม"
การพัฒนาแผนนี้อยู่ภายใต้ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของทรู คอร์ปอเรชั่น และบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำทั่วโลก ในการรับรองว่าการบุกเบิกและบูรณาการปัญญาประดิษฐ์จะดำเนินการอย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบ
จากการปรึกษากับภาคอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง สมาคมจีเอสเอ็มได้นำแนวทางต่างๆ มาผสมผสานกับกฎระเบียบ คำแนะนำ และมาตรฐานระดับโลกที่มีอยู่จากองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และข้อเสนอแนะด้านจริยธรรมของปัญญาประดิษฐ์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO) เพื่อสร้างแผนพัฒนาสำหรับทั้งอุตสาหกรรมในการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ
นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ทรู คอร์ปอเรชั่นใช้ปัญญาประดิษฐ์สู่การดำเนินงานของเรา เพื่อปรับปรุงทั้งประสบการณ์ของลูกค้าและประสิทธิภาพของธุรกิจ ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของเราในด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล แผนพัฒนาการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible AI Roadmap จะช่วยให้ทรู คอร์ปอเรชั่นมั่นใจในความพร้อมสำหรับโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ ที่เทคโนโลยีสร้างสรรค์"
ทรู คอร์ปอเรชั่นเป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีแห่งแรกในประเทศไทยที่นำแผนพัฒนาการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบมาใช้ สำหรับในระดับโลก มีผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมให้บริการเครือข่ายมือถือ 19 รายที่ได้ให้คำมั่นในการใช้แผนพัฒนานี้เป็นวิธีในการติดตาม ดูแล และปรับปรุงการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างรับผิดชอบ
หลักการแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best-practice principles)
Responsible AI หรือ RAI คือแผนพัฒนาการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบมีพื้นฐาน 5 หลักการ ได้แก่ 1. วิสัยทัศน์ ค่านิยม และเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ขององค์กร 2. โมเดลการดำเนินงานและวิธีรักษาธรรมาภิบาลด้านปัญญาประดิษฐ์ในทุกการดำเนินงาน 3. การควบคุมทางเทคนิคตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ 4. การทำงานร่วมกับระบบนิเวศของบุคคลที่สาม และ 5. กลยุทธ์การจัดการการเปลี่ยนแปลงและการสื่อสาร
สำหรับแต่ละหลักการ แผนพัฒนาจะแนะนำองค์กรให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมในการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างรับผิดชอบตามระดับความพร้อมขององค์กร
นอกจากนี้ ยังอยู่บนพื้นฐานของหลักการแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดที่มีมายาวนาน ซึ่งรวมถึงความเป็นธรรม การกำกับดูแลโดยมนุษย์ ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ความปลอดภัยและความทนทาน ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายแมตส์ แกรนริด ผู้อำนวยการใหญ่ สมาคมจีเอสเอ็ม กล่าวว่า "ศักยภาพของของปัญญาประดิษฐ์เป็นที่ทราบกันดีแต่การบูรณาการในการทำงานและชีวิตของเราต้องทำอย่างรับผิดชอบและโปร่งใสเพื่อให้เกิดประสิทธิผลและความยั่งยืนอย่างแท้จริง แผนพัฒนานี้จะช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือสามารถนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ โดยประยุกต์ใช้งานอย่างรับผิดชอบและมีจริยธรรม"
นายจูเลียน กอร์แมน หัวหน้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สมาคมจีเอสเอ็ม กล่าวว่า "การตัดสินใจของทรู คอร์ปอเรชั่นในการให้ความสำคัญกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างรับผิดชอบ เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมและความยั่งยืน แผนพัฒนานี้จะให้เครื่องมือและแนวทางที่จำเป็นแก่ทรูในการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็รับรองว่าการใช้งานสอดคล้องกับมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรม"
ออโต้ เอกซ์ (AutoX) ผู้ให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนเป็นหลักประกันแบรนด์ “เงินไชโย” ภายใต้กลุ่ม SCBX เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ Strategic Partnership อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด จับมือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนให้คนไทยมีโอกาสและสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อย่างทั่วถึง ด้วยการเปิดให้บริการสมัครสินเชื่อจำนำทะเบียนภายใต้แบรนด์ “เงินไชโย” ผ่านการสแกน QR Code บนสื่อประชาสัมพันธ์เงินไชโย ที่เครือข่ายสถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการกว่า 730 แห่งทั่วประเทศ โดยลูกค้าที่สนใจสามารถสมัครสินเชื่อ “เงินไชโย” ซึ่งครอบคลุมทั้งรถจักรยานยนต์, รถเก๋ง, รถกระบะ, รถตู้, รถบรรทุก, รถเพื่อการเกษตร และโฉนดที่ดิน ได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง ซึ่งจะมีพนักงานเงินไชโยคอยให้ข้อมูลในรูปแบบ Live Chat เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสมัครสินเชื่อและทราบวงเงินอนุมัติเบื้องต้นได้ภายใน 10 นาที ด้วยจุดเด่น “ไม่หัก ไม่ค้ำ รับเงินไวใน 1 ชั่วโมง” พร้อมอำนวยความสะดวกในการสมัครสินเชื่อและให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ลูกค้าที่สนใจถึงบ้าน เพื่อให้ผู้กู้รับรู้สิทธิและเงื่อนไขสำคัญของสินเชื่อก่อนกู้ มุ่งสร้างวินัยทางการเงินเพิ่มขึ้น (Responsible Borrowing) สอดคล้องกับแนวนโยบายหลักการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด
ความร่วมมือระหว่าง AutoX ภายใต้กลุ่ม SCBX และ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น ครั้งนี้ นับเป็นการเพิ่มช่องทางเข้าถึงบริการทางการเงินให้แก่กลุ่มคนที่เข้ามาใช้บริการสถานีบริการน้ำมันบางจาก ที่ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่เติมน้ำมัน แต่ครอบคลุมถึงธุรกิจ Non-Oil ในสถานี ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ อาทิ ร้านกาแฟอินทนิล ร้านสะดวกซื้อ ศูนย์บำรุงรักษาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นและล้างรถยนต์ โดยมี นายธีรเมศร์ ศศิรวีโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ออโต้ เอกซ์ จำกัด และ นายเสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมประกาศความร่วมมือเมื่อเร็วๆ นี้
SiteMinder ผู้นำแพลตฟอร์มระดับโลกที่จะเข้ามาปลดล็อกศักยภาพในการสร้างรายได้เต็มรูปแบบให้กับโรงแรม เดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ของการจัดการรายได้สำหรับโรงแรม เปิดตัว ‘Dynamic Revenue Plus’ โซลูชันที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาดได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถดำเนินการจัดการทั้งห้องพักที่ว่างให้บริการ ราคา หรือกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่ายห้องพักได้ในทันที ซึ่งนับเป็นการพัฒนาที่แตกต่างจากระบบการจัดการรายได้แบบเดิมที่สามารถเข้าถึงโรงแรมได้อย่างจำกัด โดย Dynamic Revenue Plus ทำให้โรงแรมทุกขนาดสามารถจัดการรายได้ได้ตามต้องการผ่านระบบที่ออกแบบสำหรับใช้งานบนมือถือโดยเฉพาะ
จุดแข็งของ Dynamic Revenue Plus คือการประยุกต์ใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มของ SiteMinder ซึ่งรวบรวมข้อมูลการจองห้องพักกว่า 120 ล้านรายการต่อปี ทำให้ผู้ใช้งาน Dynamic Revenue Plus ได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งรวมถึงตลาดสำคัญๆ และในเร็วๆนี้ จะมีการพัฒนาเพิ่มเติมด้านการแนะนำราคาห้องที่เหมาะสมแบบไดนามิกจาก IDeas ซึ่งเป็นบริษัท SAS และผู้ให้บริการซอฟท์แวร์ด้านการจัดการรายได้ชั้นนำของโลกเพิ่มเข้ามาอีกด้วย ซึ่งจากการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งในการกำหนดราคาแบบไดนามิกของ IDeaS และแพลตฟอร์มช่องทางการจัดจำหน่ายห้องพักที่มาพร้อมข้อมูลเชิงลึกของ SiteMinder นั้น จะช่วยมอบความสามารถในการจัดการรายได้ที่มีประสิทธิภาพ ให้สามารถตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดให้กับโรงแรมทุกขนาด รวมถึงโรงแรมที่มีทรัพยากรจำกัดด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่มีโซลูชันที่รวมทั้งสองการจัดการเข้าด้วยกัน รวมถึงมีข้อจำกัดที่สามารถเข้าถึงเฉพาะโรงแรมที่มีการจัดสรรทรัพยากรสำหรับจัดการด้านรายได้เท่านั้น
การใช้โซลูชันที่ครบวงจรนี้เอง จะทำให้โรงแรมต่างๆ สามารถเปลี่ยนวิธีการจัดการรายได้แบบเดิมที่มีการปรับเปลี่ยนได้ช้าและไม่สม่ำเสมอไปสู่วิธีการแบบไดนามิก ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอเผื่อตอบสนองต่อตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อาทิเช่น การอัปเดตอัตราห้องพักจำนวนมาก การกำหนดขั้นต่ำของอัตราห้องพัก และระยะเวลาการเข้าพักใหม่ ข้อจำกัดในการขาย การปรับรายการห้องพักที่ว่างให้บริการ รวมไปถึงโปรโมชันการตลาดรูปแบบใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้ทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อป
Klaus Kohlmayr ตำแหน่ง Chief Evangelist and Development Officer ของ IDeaS กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะทำให้การจัดการรายได้สามารถเข้าถึงได้ และสร้างประโยชน์ของการกำหนดราคาแบบไดนามิกที่พิจารณาจากความต้องการตลาดให้กับโรงแรมทั่วโลก ซึ่งความร่วมมือนี้จะเข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือให้กับโรงแรมทุกขนาด รวมไปถึงช่วยลดการสูญเสียรายได้จากวิธีการและเครื่องมือการจัดการรายได้แบบแมนนวลที่ล้าสมัย”
Dynamic Revenue Plus ก่อตั้งขึ้นช่วงปลายปี 2566 เพื่อสะท้อนข้อมูลจากการจัดจำหน่ายห้องพัก การเพิ่มประสิทธิภาพของรายได้ และกลยุทธ์การวิเคราะห์ข้อมูลตลาดที่ SiteMinder มองเห็นจากโรงแรมทั่วโลก เพื่อส่งเสริมกลยุทธ์ทำรายได้ให้กับแผนกต่างๆของโรงแรม โดยในช่วงแรก Dynamic Revenue Plus พร้อมให้ใช้งานสำหรับโรงแรมในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เท่านั้น และจะขยายสู่ตลาดอื่นๆในปี 2025 ซึ่ง Dynamic Revenue Plus ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ Smart Platform ของ SiteMinder ในการทำให้การจัดการรายได้ที่ซับซ้อนสามารถเข้าถึงได้สำหรับโรงแรมทุกขนาดทั่วโลก
การเปิดตัว Dynamic Revenue Plus เกิดขึ้นท่ามกลางการเพิ่มขี้นของการเดินทางระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมการจัดงานที่กำลังเฟื่องฟู ซึ่งส่งเสริมเศรษฐกิจโรงแรมทั่วโลก โดยข้อมูลจาก SiteMinder ชี้ให้เห็นว่าเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวันสำหรับโรงแรมในประเทศไทยมีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลในปีก่อนหน้า และเพื่อตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าว โซลูชัน Dynamic Revenue Plus สามารถมอบข้อมูลการจัดงานครบถ้วนที่สุดในตลาด พร้อมทั้งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้โรงแรมสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของกระแสการเดินทาง การจัดงานต่างๆ และโอกาสสำคัญอื่นๆ ที่สามารถช่วยเพิ่มรายได้อย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
Leah Rankin ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ SiteMinder กล่าวว่า “แม้ข้อมูลเชิงลึกของตลาดจะไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่ Dynamic Revenue Plus ของ SiteMinder มีความโดดเด่นเหนือโซลูชันที่มีอยู่ สำหรับขีดความสามารถที่มอบให้กับเจ้าของโรงแรม ที่ไม่เพียงแต่การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเท่านั้น แต่ยังสามารถดำเนินการหลายอย่าง นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงราคา ภายในเวลาไม่กี่นาทีได้อีกด้วย นอกจากนี้ โซลูชันที่เน้นสำหรับใช้งานบนมือถือนี้ จะช่วยให้โรงแรมประเมินประมาณและช่วงเวลาของความต้องการในอนาคต ทำให้เจ้าของโรงแรมสามารถปรับตัวตามตลาดได้เป็นอย่างดี โดย Dynamic Revenue Plus เป็นโซลูชันแรกที่รวมความสามารถทั้งหมดเข้าด้วยกัน จากการร่วมมือของทีม IDeaS และ SiteMinder ซึ่งเรามีความยินดีที่จะนำเสนอความสามารถนี้ให้กับโรงแรมทุกแห่งที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ไปสู่การจัดการรายได้แบบไดนามิกและขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้อย่างมีนัยสำคัญ”
Fready Goenawan ตำแหน่ง Revenue and Distribution Manager AU ที่ Ovolo Hotels กล่าวว่า “การแจ้งเตือนที่เราได้รับผ่าน Dynamic Revenue Plus ทำให้เราไม่จำเป็นต้องค้นหาข้อมูลนี้บนอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป ตัวอย่างเช่น ปฏิทินวันหยุดที่เราเคยต้องจัดการเอง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาให้กับทีมของเราได้อย่างมาก รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึกที่เราใช้สำหรับการศึกษาตลาดทางภูมิศาสตร์ของเราซึ่งไม่มีอยู่ในระบบอื่นๆ อีกด้วย โดยการใช้แพลตฟอร์มของ SiteMinder เราสามารถเห็นได้ทันทีว่าแขกผู้เข้าพักจากประเทศใดกลับมาใช้บริการที่โรงแรมของเรา และยังสามารถแบ่งข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ระยะเวลาการเข้าพัก ซึ่งทำให้เราสามารถเปิดตัวโปรโมชันใหม่ที่เหมาะสมได้ หรือเมื่อต้องการเพิ่มรายได้สูงสุด เราต้องรู้ว่ารายได้นั้นมาจากตลาดใดเป็นหลัก ทำให้สามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างเหมาะสมหรือการมีข้อมูลของตลาดปลายทางก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรู้ว่าเรากำลังนำหน้าหรือตามหลังจังหวะของตลาดซึ่งโซลูชันของ SiteMinder นับว่ามีประสิทธิภาพมากในด้านนี้”
โรงแรมที่สนใจ Dynamic Revenue Plus สามารถลงทะเบียนได้ที่นี่
โครงการ “Phenix” (ฟีนิกซ์) แหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมืองบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำ ภายใต้การบริหารของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ขอเชิญทุกท่านร่วมอิ่มบุญ อิ่มใจ และอิ่มอร่อยไปกับเมนูอาหารเจแบบรักษ์โลกกับ “เทศกาลกินเจ อิ่มฟิน เสริมดวง” เนื่องในกิจกรรมณรงค์ถือศีลทานเจ ประจำปี 2567 ที่เตรียมจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยร่วมมือกับมูลนิธิพุทธนุสรและเครือข่ายกรมศาสนา เพื่อส่งเสริมการทำบุญตามจารีตของพี่น้องเชื้อสายจีน สานต่อวัฒนธรรมการถือศีลกินเจ และถวายความศรัทธาต่อพระโพธิสัตว์ฯ ซึ่งผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสบรรยากาศแห่งความศักดิ์สิทธิ์และประเพณีอันทรงคุณค่า รวมถึงกิจกรรมพิเศษมากมายที่จะจัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 2 – 11 ตุลาคม 2567 นี้ ณ บริเวณ Commonspace ชั้น G โครงการ “Phenix”
โดยหนึ่งในไฮไลท์อันเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของงานในปีนี้คือ พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานพร ที่มีความสูงมากถึง 4 เมตร ซึ่งอัญเชิญมาจากกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมกับพระกุมารโพธิสัตว์ และธิดาพญามังกรที่ยืนพนมมืออยู่ข้างพระโพธิสัตว์กวนอิม เพื่อให้พี่น้องชาวไทยได้ร่วมกราบไหว้ ขอพร และสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันพระโพธิสัตว์กวนอิมปางนี้ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม มูลนิธิพุทธานุสรณ์ หน่วยเผยแพร่ศีลธรรมทางพระพุทธศาสนา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
อีกหนึ่งความพิเศษของงานคือ พระโพธิสัตว์กวนอิมปางสำเร็จธรรม ซึ่งอัญเชิญมาจากเกาะโพวถ่อซาน ทะเลจีนใต้ เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีขนาดสูงประมาณ 1 ฟุต แกะสลักจากไม้มงคลและลงรักปิดทองอย่างประณีต ซึ่งเป็นผลงานของวัดผู่จี้ หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานของพระโพธิสัตว์กวนอิมที่มีความสำคัญมากในศาสนาพุทธนิกายมหายาน โดยพระประติมากรรมชิ้นนี้ได้อัญเชิญมายังประเทศไทย โดย พระอาจารย์วิศวภัทร แห่งมูลนิธิพุทธจักษุวิชชาลัย ดังนั้นจึงถือเป็นหนึ่งในประติมากรรมที่ล้ำค่าและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของธรรมะแห่งพุทธศาสนา
รวมถึงประติมากรรม พระพุทธมารดาแห่งดวงดาว และองค์นพราชา (เก้าอ้วง) ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระโพธิสัตว์ 2 พระองค์ ที่แบ่งนิรนามกายมาเป็นดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 เพื่อเสด็จลงมาโปรดสรรพสัตว์ยังโลกมนุษย์ในช่วงเทศกาลกินเจ ซึ่งประติมากรรมนี้แกะสลักจากไม้ในเขตพื้นที่เมืองฮกเกี้ยน ขนาดสูงประมาณ 1 ฟุต โดยนับเป็นผลงานศิลปะที่สื่อถึงความศรัทธาและเชื่อมโยงกับประเพณีศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธมหายานที่ดีรับการเคารพนับถือ
นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ
นอกจากนี้ในวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมพิธีเปิดงาน “เทศกาลกินเจ อิ่มฟิน เสริมดวง” เนื่องในกิจกรรมณรงค์ถือศีลทานเจ ประจำปี 2567 และกิจกรรมมากมาย อาทิ พิธีสวดเจริญพุทธมนต์มหากรุณาธรณีสูตรและทำน้ำพระพุทธมนต์ โดยพระอาจารย์วิศวภัทร มณีปัทมเกตุ อารามวัตรมหายาน มูลนิธิพุทธจักษุวิชชาลัย, เปิดตัวองค์สมมติพระโพธิสัตว์กวนอิมประจำเทศกาลถือศีลกินเจ 2567 ได้แก่ อลิศ ธนัชศลักษณ์ ฮัดสัน และร่วมพิธีลอยเทียนบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิมกับอาจารย์ไวท์ (หมอดูโอปป้า) พร้อมพบกับ เจน ญาณทิพย์ ที่มาร่วมสร้างสีสัน ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป
ขอเชิญชวนผู้สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประเพณีการทำบุญครั้งสำคัญ และร่วมสักการะพระโพธิสัตว์ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล สร้างพลังบุญให้กับตัวเองและครอบครัว ตลอดจนอิ่มบุญ อิ่มอร่อยร่วมกันในบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ ในเทศกาลกินเจ อิ่มฟิน เสริมดวง ระหว่างวันที่ 2 - 11 ตุลาคม 2567 นี้ ณ บริเวณ Commonspace ชั้น G โครงการ “Phenix ” Phenix Pratunam
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นายสังคม เกิดก่อ ปลัดจังหวัดนราธิวาส ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดธนาคารออมสิน สาขาสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีสถาบันการเงิน เนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกลการเดินทางยากลำบาก ธนาคารออมสินเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกและแห่งเดียวที่เปิดสาขาในพื้นที่สุดเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชน ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินในระบบ สอดคล้องกับบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
โอกาสนี้ได้ร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม “ออมสินรักษ์ถิ่น สร้างรอยยิ้มสุคิริน” โดยมอบทุนการศึกษา อุปกรณ์กีฬา เครื่องคอมพิวเตอร์ ถังเก็บน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคให้กับนักเรียนและโรงเรียนในพื้นที่ รวมถึงมอบชุดเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับสาธารณสุขอำเภอ และไฟส่องสว่าง (ระบบโซล่าเซลล์) ให้กับ วัดสุวรรณบรรพต มัสยิดจุฬาภรณ์ 12 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ คณะผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้างธนาคารออมสินภาค 18 และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานดังกล่าว
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (คนที่ 3 จากขวา) และคุณชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่าย (คนที่ 2 จากขวา) ร่วมส่งมอบเงินบริจาคสมทบทุนจากพนักงานและบริษัทฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 200,000 บาท และถุงยังชีพ จำนวน 250 ชุด ให้แก่สภากาชาดไทย ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการ สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย (คนที่ 4 จากซ้าย) เป็นผู้รับมอบ โดยถุงยังชีพดังกล่าวประกอบด้วย สิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ อาทิ อาหารแห้ง ยารักษาโรค น้ำดื่ม รวมถึงผ้าอนามัย ชุดชั้นใน นมผงสำหรับเด็กแรกเกิด นอกจากนั้นเงินบริจาคข้างต้นเป็นการรวมน้ำใจจากผู้บริหาร และพนักงาน ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมสมทบ 100% เพื่อเดินหน้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยใหญ่ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บริษัทฯ ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้บริษัทฯ พร้อมอยู่เคียงข้างความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ จาก กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers หรือ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
มูลนิธิบ้านร่มไทร และบริษัทบ้านร่มไทร (ไทยแลนด์) ได้ร่วมกันจัดงาน “สานฝัน” ขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โฮชิฮานะ รีสอร์ท ตําบลนํ้าแพร่พัฒนา อําเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยกิจกรรมภายในงาน ได้มีการมอบสิ่งของและเงินทุนจาก บริษัท ฮาชิโมโตะ โซเกียวโฮสดิ้งส์ จํากัด (Hashimoto Sogyo Holding) เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการของมูลนิธิบ้านร่มไทร เพื่อช่วยเหลือและดูแลเด็กกำพร้าและด้อยโอกาส
ในงานนายฮิซาจิโระ ฮาชิโมโตะ ประธานบริษัท บริษัท ฮาชิโมโตะ โซเกียวโฮศติ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนจากประเทศญี่ปุ่น ที่ดำเนินธุรกิจด้านก่อสร้างบ้าน คอนโดมิเนียม และอุปกรณ์ภายในบ้านที่ครบวงจร มีสาขาคลอบคลุมแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น และยังขยายการดำเนินกิจการมายังประเทศไทย ได้ร่วมบริจาคสิ่งของและเงินทุนให้กับมูลนิธิบ้านร่มไทร เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในวาระโอกาสนี้
นอกจากนี้ยังมี โฮชิฮานะ รีสอร์ท พันธมิตรเหนียวแน่นผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิบ้านร่มไทรอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยทางโฮชิฮานะ รีสอร์ทได้จัดให้มีแกลลอรี่ เพื่อจัดแสดงผลงานคราฟท์ที่ได้รับการออกแบบลวดลายโดยน้องๆ เด็กกำพร้าจากมูลนิธิบ้านร่มไทร และส่งต่อให้ศิลปินชาวญี่ปุ่น เพื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ปลอกหมอน และของที่ระลึกรูปแบบต่างๆ ออกจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาช่วยพัฒนาและสานต่อกิจการของมูลนิธิในอีกช่องทาง
ทั้งนี้ โฮชิฮานะ รีสอร์ท ภายใต้การบริหารของ คุณมิโฮะ นาโตริ เป็นโรงแรมสัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับการตกแต่งให้มีบรรยากาศและกลิ่นอายในสไตล์ญี่ปุ่น แต่เปิดให้บริการอยู่ในที่จังหวัดเชียงใหม่
การจัดงาน’สานฝัน’ ในครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจากนายกเทศมนตรี ตำบลน้ำแพร่พัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมรับทราบกิจกรรมและกิจการของมูลนิธิฯ และผู้ร่วมให้การสนับสนุน
เป็นเวลากว่า 25 ปีที่มูลนิธิบ้านร่มไทร ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้น โดยคุณมิวา นาโตริ สุภาพสตรีชาวญี่ปุ่นที่ได้เข้ามาประเทศไทยและพบเห็นปัญหาเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อ HIV และถูกทอดทิ้ง จึงได้ดำริและดำเนินการก่อตั้ง มูลนิธิบ้านร่มไทรขึ้น เพื่อช่วยเหลือ และรับเด็กที่ติดเชื้อ HIV จากทั่วประเทศมาดูแล ซึ่งต่อมาด้วยวิทยาการและความก้าวหน้าทางการแพทย์ ได้ส่งผลให้เด็กที่รับเชื้อเริ่มมีจำนวนลดลง ในปัจจุบันมูลนิธิบ้านร่มไทร ได้ปรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ โดยอุปถัมภ์รับเลี้ยงเด็กกําพร้า และยังดำเนินโครงการอีกหลากหลาย อาทิ โครงการปันรักเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเด็กด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดารอีกด้วย
ตลอดระยะเวลาของการดำเนินงาน มูลนิธิบ้านร่มไทรได้ให้ความช่วยเหลือเด็กกําพร้า มอบความรัก การดูแล และส่งเสริมพัฒนาให้เด็กๆได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และที่สำคัญคือการส่งมอบบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่สังคมไทยสืบเนื่องตลอดมา
ติดตามหรือร่วมสนับสนุนกิจการของมูลนิธิบ้านร่มไทรได้ที่ https://www.banromsai.org/
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ EXIM BANK ที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 โดยอันดับเครดิตดังกล่าวเป็นอันดับเครดิตสูงที่สุด แสดงถึงโอกาสต่ำที่สุดในการผิดนัดชำระหนี้เมื่อเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นในประเทศ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ทั้งจากการชะลอตัวลงของภาคการส่งออกและอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงทั่วโลก นอกจากนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ยังประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ ‘BBB+’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เทียบเท่าอันดับเครดิตของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 สะท้อนถึงบทบาทและภารกิจที่สำคัญของ EXIM BANK ในการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ผลักดันให้เกิดการค้าและการลงทุนที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ มุ่งสู่บทบาท “Green Development Bank” ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า EXIM BANK เป็นธนาคารเฉพาะกิจของรัฐที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทย ขณะเดียวกัน EXIM BANK เป็นธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเพียงแห่งเดียวที่ให้บริการประกันการส่งออกและการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อคุ้มครองผู้ส่งออกและนักลงทุนจากความเสี่ยงทางการค้าและการเมือง นอกจากนี้ การเพิ่มทุนล่าสุดในปี 2564 และ 2566 ได้เสริมความแข็งแกร่งให้แก่โครงสร้างเงินทุนของธนาคารและเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต