

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายกระทรวงการคลังให้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือภาคธุรกิจไทย ที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศนโยบายภาษีสหรัฐอเมริกาเป็นการเร่งด่วนนั้น

กระทรวงการคลังจึงมีนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน โดยการลดเป้าหมายกำไรจากการทำธุรกิจ เพื่อจัดสรรเม็ดเงินงบประมาณมาจัดทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการ โดยสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง อยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการตามนโยบาย ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME D Bank ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM Bank ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

สำหรับโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการสินเชื่อ Soft Loan วงเงิน 100,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสิน ที่กำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขแตกต่างจากสินเชื่อ Soft Loan โครงการอื่น เนื่องจากมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการชัดเจน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ธุรกิจส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา 2) ธุรกิจ Supply Chain และ 3) ธุรกิจผู้ผลิตสินค้าที่ต้องมีการแข่งขันสูงกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ ตลอดจนผู้ประกอบการ SMEs ในภาพรวม และสถาบันการเงินของรัฐอื่นเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคเกษตรกรรม และภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงออกมาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบของนโยบายภาษีสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลต่อผู้ส่งออกและธุรกิจ SMEs/Supply Chain อย่างมีนัยสำคัญ เป็นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณา

ภายใต้สภาวะความผันผวนที่ภาคธุรกิจไทยต้องเผชิญความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกที่ส่งกระทบต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ กล่าวได้ว่ากลไกสถาบันการเงินของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ผ่านการขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติ เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตอย่างเข้มแข็งยั่งยืนในระยะยาว
เมื่อวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2568 และวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) นำโดยนายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ และ นายจอม จีระแพทย์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกฎหมายและคดี ได้จัดให้มีประชุมสรุปหลักการ การแก้ไขร่างประกาศสำนักงาน คปภ. เรื่อง แนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัย/ชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ร่วมกับ ผู้แทนจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย และผู้แทนสมาคมประกันชีวิตไทย เพื่อให้ทราบถึงหลักการและเหตุผลความจำเป็นในการแก้ไขแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าสำหรับธุรกิจประกันภัย

นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ สำนักงาน คปภ. เปิดเผยว่า การแก้ไขร่างประกาศสำนักงาน คปภ. ฉบับนี้ มีที่มาจากการที่บริษัทประกันภัยมีความประสงค์ที่จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามกรมธรรม์ประกันภัย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการฉ้อฉลประกันภัยของลูกค้าจากฐานข้อมูลของสำนักงาน คปภ. เพื่อสนับสนุนการพิจารณารับประกันภัย การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และการให้บริการอื่นตามสัญญาประกันภัย เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทประกันภัย โดยใช้ข้อมูลของลูกค้าเพื่อให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า สำนักงาน คปภ. จึงกำหนดหลักการให้บริษัทต้องขอความยินยอมจากลูกค้าก่อนที่สำนักงาน คปภ. จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ภาคธุรกิจ โดยกำหนดแบบฟอร์มมาตรฐานเพื่อให้บริษัทประกันภัยสามารถขอความยินยอมจากลูกค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งปัจจุบัน เพื่อให้ลูกค้าทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมไปนั้น ถูกนำไปใช้หรือนำไปเปิดเผยให้กับบุคคลอื่นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่บริษัทประกันวินาศภัยเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ดังนั้น ในการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้า บริษัทจะต้องมีการแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) รวมถึงสรุปประกาศความเป็นส่วนตัวของกรมธรรม์ประกันภัยแต่ละประเภทตามที่สำนักงาน คปภ. กำหนด เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยและประชาชนได้ทราบถึงรายละเอียด ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่ละประเภทได้อย่างชัดเจน โดยบริษัทอาจใช้ ช่องทางต่าง ๆ ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าตามที่เหมาะสมได้
สำนักงาน คปภ. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในธุรกิจประกันภัย จึงได้จัดให้มีการประชุมเพื่อสรุปหลักการและความสำคัญในการดำเนินการดังกล่าวเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ภาคธุรกิจ โดยสมาคมประกันวินาศภัยไทย และสมาคมประกันชีวิตไทยจะนำประเด็นหลักการเกี่ยวกับร่างประกาศสำนักงาน คปภ. นี้ ประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันระหว่างบริษัทสมาชิกและสามารถพิจารณาให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อร่างประกาศสำนักงาน คปภ. ต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ผนึกกำลังภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ลงพื้นที่นำร่องรวมพลังปลูกป่าฟื้นฟูต้นน้ำน่าน กว่า 20,000 ต้น รวมมูลค่ากว่า 2,600,000 บาท โดยร่วมกับศูนย์อบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Regional Training Center for Community Forest Asia and Pacific - RECOFTC) ภายใต้โครงการต้นไม้ของเรา “Trees 4 ALL” ควบคู่กับรณรงค์ความปลอดภัยการเดินทางในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง ณ จังหวัดน่าน โดยมีนางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบหลายด้าน ได้แก่ ภาวะภัยแล้ง สภาพมลพิษทางอากาศ ฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ดินถล่ม และอุทกภัยน้ำท่วมทางภาคเหนือ รวมถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งผลกระทบระยะยาวต่อการพัฒนาประเทศ สำนักงาน คปภ. เล็งเห็นความสำคัญของความเสี่ยงภัยจากธรรมชาติ และมีนโยบายขับเคลื่อนการดำเนินงานที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมด้าน ESG และมาตรการเชิงป้องกัน Loss Prevention ของอุตสาหกรรมประกันภัย จึงริเริ่มกิจกรรม “รณรงค์ความปลอดภัยการเดินทางช่วงวันหยุดต่อเนื่อง และกิจกรรมปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูต้นน้ำน่าน ประจำปี 2568” ณ จังหวัดน่าน เพื่อส่งเสริมความเป็นเอกภาพของการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมในการรณรงค์การขับขี่และการเดินทางปลอดภัยและเพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมเพื่อลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสำนักงาน คปภ. ในการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างยั่งยืน
สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ แบ่งเป็น 3 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมแรก ขบวนรถรางรณรงค์ความปลอดภัยการเดินทางช่วงวันหยุดต่อเนื่องรอบอำเภอเมืองน่าน และการมอบหมวกนิรภัยให้แก่ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ รวมจำนวน 300 ใบ จากบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอไอเอ จำกัด กิจกรรมที่สอง นิทรรศการส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยของภาคอุตสาหกรรมประกันภัย และเครือข่ายพันธมิตร และกิจกรรมที่สาม การปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูต้นน้ำน่าน จำนวนกว่า 20,000 ต้น อาทิ ต้นพยุง และต้นยางนา เป็นต้น รวมมูลค่ากว่า 2,600,000 บาท ผ่านการดำเนินการของศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้โครงการต้นไม้ของเรา Trees 4 All ซึ่งเป็นโครงการอุปถัมภ์ต้นไม้ตั้งแต่การปลูก ติดตามการอยู่รอด รวมถึงการเจริญเติบโตของต้นไม้โดยเกษตรกรในพื้นที่
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า “การจัดกิจกรรมในวันนี้ นับเป็นการบูรณาการกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับมาตรการเชิงป้องกัน Loss Prevention ของภาคอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านการประกันภัยและเตรียมพร้อมต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งเป็นการต่อยอดจากกิจกรรมเสวนา สร้างการตระหนักรู้เพื่อรับมืออุทกภัยในยุคการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในปัจจุบัน เมื่อปลายปี 2567 และกิจกรรมการเสวนา ตื่นรู้ ปรับเปลี่ยน รับความเสี่ยงภัยจากสภาพภูมิอากาศในโลกใหม่ที่ต้องเผชิญ (Adapting to climate change : New World - New Risk - new Practice) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนของศูนย์ปฏิบัติการด้านการประกันภัย เพื่อบริหารจัดการและช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติ (ศูนย์ ICD) ในการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการประกันภัยให้สามารถรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยลดความรุนแรงจากภัยธรรมชาติ และเห็นถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงด้วยการทำประกันภัย เพราะการมีระบบประกันภัยที่ดีควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะช่วยให้สังคมไทยมีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็ง พร้อมเผชิญกับวิกฤตในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) และประธานกรรมการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Global Infrastructure Partners (GIP) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ BlackRock และ True IDC ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์อันดับ 1 ของประเทศไทย ความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับและเร่งการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยให้ทัดเทียมระดับโลก รองรับการเติบโตของ AI และระบบคลาวด์ พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอาเซียน

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคกิกะดาต้าเซ็นเตอร์" (Giga Data Center Age) ซึ่ง “ข้อมูล หรือ Data” คือ “New Oil” จึงทำให้ "ข้อมูล" คือทรัพยากรที่มีมูลค่ามากที่สุด และต้องการ Data Center เพื่อประมวลผล ดังนั้น “Data Center จะเป็นหัวใจของเศรษฐกิจยุคใหม่” ซึ่งในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Giga Center จะเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยต้องคว้าไว้ ประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ที่แข็งแกร่งจะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก ด้วยเหตุนี้ซีพีนำโดย True IDC ซึ่งผู้ให้บริการ ดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์อันดับ 1 ของไทย จึงพร้อมที่จะ ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Global Infrastructure Partners (GIP) บริษัทชั้นนำด้านโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกภายใต้เครือ BlackRock กลุ่มทุนการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อก้าวสู่เป้าหมายที่จะ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไทยให้เป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์และ AI อันดับ 1 ของอาเซียน รองรับการขยายตัวของธุรกิจเทคโนโลยีระดับโลก
“ความเชี่ยวชาญระดับโลกของ GIP ในการบริหารโครงสร้างพื้นฐาน ผสานกับ จุดแข็งของ True IDC ในด้านดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ ด้านเครือข่ายการเชื่อมต่อ และโซลูชันพลังงานหมุนเวียน จะช่วยขยายศักยภาพของ True IDC ให้ก้าวไกลไปสู่ระดับอาเซียน” ซีอีโอ ซีพี กล่าว

ในขณะเดียวกัน นายอเดบาโย โอกุนเลซี ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธานและซีอีโอของ GIP และ กรรมการผู้จัดการอาวุโสของ BlackRock กล่าวว่า “การเติบโตของปริมาณข้อมูลและ AI จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากจากภาคเอกชนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญรองรับความต้องการทั่วโลก เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับกลุ่มซีพีและ True IDC เพื่อเร่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศไทย และทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย”

พร้อมกันนี้ นายฐนสรณ์ ใจดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร True IDC กล่าวว่า “True IDC มุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียนมาโดยตลอด โดยความร่วมมือกับ GIP ครั้งนี้ จะช่วยเร่งให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นจริงเร็วขึ้น ปัจจุบันธุรกิจไฮเปอร์สเกลและเทคโนโลยี AI กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ True IDC สามารถขยายธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมรักษาตำแหน่งผู้นำดาต้าเซ็นเตอร์อันดับหนึ่งของไทย ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งมั่นใจว่า GIP ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก จะเข้ามาเสริมศักยภาพของ True IDC ให้สามารถขยายธุรกิจสู่ระดับอาเซียนได้เต็มรูปแบบ ความร่วมมือนี้จึงถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสนับสนุนระบบนิเวศและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่กำลังเติบโตของภูมิภาคนี้”

ความร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลต่อการเติบโตของ True IDC อย่างมีนัยสำคัญ โดยในอีก 3–5 ปีข้างหน้า True IDC มีแผนลงทุนในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 35,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ True IDC ยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานและธรรมาภิบาล ตลอดจนขยายการให้บริการไปยังประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน ทั้ง True IDC และ GIP มุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนให้แก่กัน เพื่อวางรากฐานและต่อยอดการเติบโตด้านเทคโนโลยีในทุกบริบทอย่างยั่งยืน
ความร่วมมือระหว่าง True IDC และ GIP-BlackRock ไม่ได้เป็นเพียงการขยายธุรกิจเท่านั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพลิกโฉมประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน ท่ามกลางกระแสโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุค AI และ Cloud อย่างรวดเร็ว ความร่วมมือนี้คือการผนึกกำลังระหว่างผู้นำดาต้าเซ็นเตอร์อันดับ 1 ของไทย กับบริษัทโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั่วโลก นี่คือ จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ที่จะวางรากฐานให้ประเทศแข็งแกร่งขึ้นในเวทีโลก True IDC และ GIP พร้อมเดินหน้าสร้างอนาคตที่มั่นคง ยั่งยืน และทรงอิทธิพลในเศรษฐกิจดิจิทัลระดับสากล เพราะไทยจะไม่เป็นเพียงแค่ "ผู้ใช้เทคโนโลยี" แต่จะก้าวขึ้นเป็น ศูนย์กลางแห่งนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของภูมิภาค อย่างแท้จริง
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) นำผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินครบวงจร พร้อมโปรโมชันและกิจกรรม ร่วมงานมหกรรมการเงิน Money Expo 2025 ระหว่างวันที่ 15 - 18 พฤษภาคม 2568 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 - 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “GO Sustainable with krungsri” สะท้อนเป้าหมายในการเป็น “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” โดยในปีนี้ยังเป็นปีสำคัญแห่งการครบรอบ 80 ปีของการดำเนินธุรกิจ ด้วยความมุ่งมั่นในการเติบโตอย่างมั่นคง เคียงข้างลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมที่ยั่งยืน และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราตอกย้ำบทบาทของการเป็นสถาบันการเงินชั้นนำที่ไม่เพียงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเงิน แต่ยังดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยการขับเคลื่อนแนวคิด GO Sustainable with krungsri ซึ่งนอกจากเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบและนำเสนอกิจกรรมต่างๆ ภายในบูธแล้ว ยังเป็นหลักการดำเนินธุรกิจที่กรุงศรียึดมั่นเพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคที่สร้างอนาคตอย่างยั่งยืนร่วมกับลูกค้าและสังคม”

ภายในงาน Money Expo 2025 กรุงศรีออกแบบบูธโดยเลือกใช้วัสดุและโครงสร้างที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำและรีไซเคิลได้ และยังจัดพื้นที่เพื่อนำเสนอแนวทางง่ายๆ ในการร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกของเรา ด้วยการปรับและเปลี่ยนสิ่งเล็กๆ ในการใช้ชีวิตประจำวัน และสิ่งที่สื่อถึงแบรนด์กรุงศรีคือ การตกแต่งบูธด้วย “The Line” เส้นกราฟฟิกสีเหลืองที่เชื่อมโยงโซนต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เสมือนการเชื่อมโยงโซลูชันทางการเงินกับความต้องการของลูกค้าให้มีชีวิตง่ายได้ทุกวัน
นอกจากนี้ กรุงศรียังใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ ที่สื่อถึงความยั่งยืน เช่น เสื้อพนักงาน ที่ผลิตจากเส้นใยรีไซเคิลจากขวดพลาสติก และ ขวดน้ำดื่มกรุงศรี ผลิตจากพลาสติก rPET 100% (Recycled Polyethylene Terephthalate)พร้อมโลโก้ปั๊มนูน ลดการใช้พลาสติกฉลากขวดน้ำและหมึกพิมพ์ (Water Bottle Label) รวมถึงจำลองอาคารกรุงศรี สำนักงานเพลินจิต ซึ่งออกแบบเป็น Green Office และได้รับรางวัลระดับดีเยี่ยม (Gold Level) ในโครงการส่งเสริมสำนักงานสีเขียวจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เป็น Landmark ของบูธ ที่บอกเล่าเรื่องราวการดำเนินการด้าน ESG ในทุกองศาของกรุงศรีที่มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero พร้อมทั้งรางวัลเกียรติยศต่างๆ ที่ได้รับ และสวนแนวตั้งสำหรับถ่ายภาพเช็คอินภายในงาน

ทั้งนี้ การเลือกใช้วัสดุภายในบูธ โซนพิเศษ และกิจกรรมพิเศษ สะท้อนถึงพันธกิจด้านความยั่งยืนของกรุงศรี อาทิ
สำหรับโปรโมชันพิเศษที่บูธกรุงศรีในงาน Money Expo 2025 ประกอบด้วย

พลาดไม่ได้กับสัมมนาพิเศษกับหัวข้อ “จัดพอร์ตลงทุน สินทรัพย์ไหนเด่น หุ้นกลุ่มใดโดน ในช่วงครึ่งปีหลัง 2025” โดย นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.40 - 14.40 น. ณ ห้องสัมมนา ชาเลนเจอร์ 2
พบกับผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมร่วมกิจกรรมสนุกและรับของที่ระลึกมากมายที่บูธกรุงศรี ภายในงาน Money Expo 2025 ระหว่างวันที่ 15 - 18 พฤษภาคม 2568 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 - 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร จัดพิธีมอบรางวัล “AGENCY ANNUAL AWARDS 2024” ในธีม Embrace Elegance Starring Pride Night : ค่ำคืนแห่งความภาคภูมิใจ พร้อมสร้างตำนานใหม่ เพื่อเปล่งประกายแสงแห่งความสำเร็จไปด้วยกัน

เพื่อเฉลิมฉลองและแสดงความยินดีแก่ตัวแทนผู้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ที่สามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา พร้อมเชิดชูเกียรติตัวแทนผู้ติดคุณวุฒิ MDRT และ TNQA รวม 97 รางวัล ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล กรุงเทพ เร็วๆ นี้
ออเนอร์ (HONOR) ผู้นำด้านอุปกรณ์อัจฉริยะระดับโลก เดินหน้ารุกตลาดแท็บเล็ตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัว HONOR Pad X9a รุ่นใหม่ล่าสุด เสริมทัพไลน์อัปผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแท็บเล็ต หลังจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง HONOR Pad X9 ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้งาน โดยรุ่นใหม่นี้ได้รับการอัปเกรดทั้งด้านดีไซน์และประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือความบันเทิง ด้วยฟีเจอร์ที่ให้ประสบการณ์เทียบเท่าพีซี รองรับการใช้งานร่วมกับปากกาอัจฉริยะ HONOR Choice Pencil เหมาะสำหรับการจดบันทึก การเขียน หรือครีเอทผลงานที่ต้องการความแม่นยำสูง ผสานหน้าจอถนอมสายตาขนาดใหญ่ 11.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2.5K ที่ให้ภาพคมชัดเต็มตา อีกทั้งยังมาพร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่จุใจ 16(8+8)+128GB รองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์ได้อย่างราบรื่น สามารถเป็นเจ้าของ HONOR Pad X9a ในราคาคุ้มค่าเพียง 8,499 บาท
HONOR Pad X9a เป็นแท็บเล็ตรุ่นที่สองในกลุ่ม X9 Series มาพร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ด้านการดีไซน์ใช้วัสดุเกรดเรือธงเพื่อความทนทานและหรูหรา ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาและบาง จับถนัดมือ พกพาสะดวกและถือใช้งานได้สบาย ๆ ในทุกที่ทุกเวลา ถือเป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับทุกความต้องการของผู้ใช้งานและคุ้มค่าในทุกมิติ

รองรับปากกา HONOR Choice Pencil เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมืออาชีพ
HONOR Pad X9a รองรับการใช้งานร่วมกับ HONOR CHOICE Pencil อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเทคโนโลยีตรวจจับแรงกดถึง 4,096 ระดับ พร้อมการตอบสนองรวดเร็วและหน่วงต่ำ เสมือนเขียนบนกระดาษจริง โดยปากกามาพร้อมฟังก์ชันปุ่มลบในตัว สำหรับการแก้ไขงานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และฟีเจอร์ป้องกันการสัมผัสฝ่ามือ (Palm Rejection) ช่วยให้สามารถวางมือบนหน้าจอได้อย่างสบาย ๆ ขณะเขียนหรือวาดภาพ โดยสามารถเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดายผ่านระบบป๊อปอัปอัตโนมัติ และ Bluetooth 5.1 ที่ให้สัญญาณเสถียรไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ดีไซน์ของปากกาโดดเด่นด้วยวัสดุโลหะคุณภาพสูง ให้สัมผัสพรีเมียม แข็งแรง ทนทาน พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 80mAh รองรับการใช้งานต่อเนื่องได้นานกว่า 8 ชั่วโมง สแตนบายสูงสุดถึง 20 วัน รองรับชาร์จเร็วผ่าน USB Type-C โดยชาร์จเพียง 1 นาที ใช้งานได้ 15 นาที และชาร์จเต็มในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง

ภาพสวย ลื่นไหล สบายตา ด้วยจอใหญ่ 11.5 นิ้ว 2.5K รีเฟรชเรต 120Hz
HONOR Pad X9a มาพร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ 11.5 นิ้ว มอบประสบการณ์การรับชมที่เหนือระดับ ด้วยอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 86% และดีไซน์ขอบจอบางเฉียบ ช่วยเปิดมุมมองให้กว้างเต็มตาในทุกการใช้งาน เหมาะสำหรับการรับชมซีรีส์ การเรียนออนไลน์ หรือการอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่อง โดยหน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ 2.5K (2508×1504 พิกเซล) รองรับอัตรารีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหล ตอบสนองได้ทันใจในทุกกิจกรรม พร้อมความสว่างสูงสุด 400nits และความสว่างต่ำสุดเพียง 2nits รองรับขอบเขตสี sRGB 100% และสามารถแสดงผลสีได้มากถึง 1.07 พันล้านสี มอบสีสันที่สดใส สมจริงในทุกรายละเอียด
อีกทั้งยังใส่ใจในสุขภาพสายตาของผู้ใช้งาน ด้วยเทคโนโลยีถนอมสายตาหลากหลายรูปแบบที่ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ทั้งในด้าน Low Blue Light (โซลูชันฮาร์ดแวร์) และ Flicker Free ช่วยลดแสงสีฟ้าและลดการกระพริบของหน้าจอ พร้อมเสริมด้วยฟีเจอร์ Dynamic Dimming Screen ที่ปรับแสงหน้าจอเลียนแบบแสงธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดรอบดวงตา และลดความเมื่อยล้า รวมถึง Circadian Night Display ซึ่งปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอให้เหมาะสมกับวงจรการหลั่งเมลาโทนินของร่างกายในเวลากลางคืน เพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ พร้อมด้วยโหมดการใช้งานเฉพาะทาง ได้แก่ Eye Comfort Mode ลดความสว่างหน้าจอให้นุ่มนวล, e-Book Mode เหมาะสำหรับการอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่อง และ Dark Mode ช่วยให้ใช้งานได้สบายตาแม้ในที่แสงน้อย เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่สบายตาในทุกช่วงเวลา

หมดกังวลเรื่องความจำเต็ม ด้วยพื้นที่จัดเก็บจุใจ 16(8+8)+128GB
HONOR Pad X9a มาพร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB รองรับการใช้งานได้อย่างครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บไฟล์ภาพถ่าย เพลง วิดีโอความละเอียดสูง หรือเอกสารสำคัญ โดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะเต็มเร็ว อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี HONOR RAM Turbo ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ RAM ได้สูงสุดถึง 16GB* ช่วยให้การทำงานแบบมัลติทาสก์เป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่สะดุด นอกจากนี้ ยังรองรับการขยายพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมผ่าน MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 1TB (เฉพาะรุ่น LTE – การ์ดหน่วยความจำจำหน่ายแยกต่างหาก) เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน หรือความบันเทิง ทั้งการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม ก็สามารถทำได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องลบไฟล์บ่อย ๆ อีกต่อไป
สำหรับไฮไลต์ที่น่าสนใจด้านอื่น ๆ ของแท็บเล็ตรุ่นนี้ อาทิ ดีไซน์บางเบาพรีเมียม ตัวเครื่อง Full Metal Unibody สีเทา Gray บางเพียง 6.77 มม. น้ำหนักเพียง 475 กรัม ผสานแบตเตอรี่ 8,300mAh รองรับชาร์จไว 35W ใช้งานต่อเนื่องยาวนาน เช่น การดูวิดีโอออนไลน์สูงสุด 11.37 ชั่วโมง อ่านอีบุ๊ก 14.86 ชั่วโมง โทรศัพท์ 51 ชั่วโมง สแตนบายได้นานถึง 70 วัน พร้อมชิปเซ็ตทรงพลัง Snapdragon® 685 Octa-core ทำงานบนระบบปฎิบัติการ MagicOS 9.0 ล่าสุดบน Android 15 ช่วยให้การประมวลผลลื่นไหล รองรับการใช้งานหลายแอปพร้อมกัน
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะที่ช่วยยกระดับการใช้งานให้สะดวกยิ่งขึ้น อาทิ Multi-Window ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานหลายแอปพร้อมกันเพียงคลิกเดียว เสริมด้วย App Extender ที่แสดงผล แอปแบบสองชั้น ช่วยให้การใช้งานสะดวก ขณะเดียวกันยังรองรับการทำงานร่วมกับสมาร์ตโฟน HONOR ได้อย่างไร้รอยต่อผ่านฟีเจอร์ Multi-screen Collaboration ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายโอนไฟล์ จดบันทึก หรือวิดีโอคอล ก็สามารถทำได้จากหน้าจอเดียว เสริมประสบการณ์การใช้งานให้ครบถ้วนยิ่งขึ้นด้วย HONOR Connect ที่ช่วยซิงก์การแจ้งเตือน แอปพลิเคชัน และไฟล์ต่าง ๆ ระหว่างอุปกรณ์ HONOR ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด สำหรับครอบครัวที่มีเด็ก ๆ HONOR Pad X9a ยังใส่ใจเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน ด้วยการรองรับ Google Kids Space และ Family Link ซึ่งช่วยให้ผู้ปกครองสามารถตั้งค่าควบคุมการใช้งานจากระยะไกล ทั้งในเรื่องเวลาการใช้แอป การดาวน์โหลด และการเข้าถึงเนื้อหา เหมาะสำหรับการเรียนรู้และเล่นอย่างปลอดภัยในทุกช่วงวัย
HONOR Pad X9a มีจำหน่ายในสีเทา (Grey) เพียงสีเดียว ราคาคุ้มค่าเพียง 8,499 บาท เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ที่ HONOR Experience Store ทุกสาขา ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำ Shopee: https://bitly.cx/MnmEq Lazada: https://bitly.cx/Gw10Y และTikTok: https://bitly.cx/pQO5M พิเศษ! เมื่อซื้อ HONOR Pad X9a รับฟรีปากกา HONOR CHOICE Pencil มูลค่า 2,499 บาท และเคส HONOR Case Pad X9a มูลค่า 999 บาท ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.honor.com/th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand
เตรียมเขย่าวงการขนมกับ โรลเลอร์ โคสเตอร์ แบรนด์ที่รู้จักกันในนามขนมมันฝรั่งทอดกรอบรูปวงในตำนาน ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด โดยล่าสุดปล่อยแคมเปญชิงโชคครั้งยิ่งใหญ่ "โรลเลอร์ โคสเตอร์ อร่อยมันส์ FUN ลุ้นล้าน!" แจกหนัก จัดเต็มทุกสัปดาห์ ขนทัพของรางวัลสุดเอ็กคลูซีฟโดนใจเหล่า Gen Z มากถึง 70 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท เพื่อสร้างความสนุกรูปแบบใหม่ให้ตลาดขนมขบเคี้ยว ตอกย้ำภาพลักษณ์ความอร่อยมันส์ ชูจุดเด่นความหลากหลายรสชาติหลากหลายรูปแบบของชิ้นขนม ทวีคูณความเข้มข้นจนวางไม่ลง พร้อมโกยใจวัยรุ่นในทุกไวรัล สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่ 15 พฤษภาคม 2568 - 24 สิงหาคม 2568
นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย ลาว และ กัมพูชา บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในตลาดขนมขบเคี้ยวปัจจุบันมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ยูอาร์ซีมองเห็นโอกาสนี้ในการสร้างความตื่นเต้นและความแตกต่างในตลาด จึงมีแนวคิดจัดแคมเปญ โรลเลอร์ โคสเตอร์ อร่อยมันส์ FUN ลุ้นล้าน! โดยไม่เพียงแค่มอบความอร่อยจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แต่เรายังมอบโอกาสให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่มากกว่า ทั้งความสนุก ความตื่นเต้น ผ่านกิจกรรมทางการตลาดที่แปลกใหม่สร้างสีสันให้แก่ลูกค้าได้ร่วมสนุก จนกลายเป็นความทรงจำอันแสนพิเศษ เอาใจทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ด้วยความอร่อยกรอบ รสชาติเข้มข้น จนเป็นขนมไวรัลทุกยุคทุกสมัย”
สำหรับแคมเปญ โรลเลอร์ โคสเตอร์ อร่อยมันส์ FUN ลุ้นล้าน! แจกหนักทุกสัปดาห์ จัดเต็มของรางวัลสุดฮิตเอาใจเด็ก Gen Z มากถึง 70 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท ลุ้นเป็นเจ้าของรางวัลสุดปังได้ง่ายๆ ตั้งแต่ 15 พฤษภาคม 2568 - 24 สิงหาคม 2568
วิธีร่วมสนุกง่ายๆ : เพียงซื้อโรลเลอร์ โคสเตอร์ ทุกประเภท ทุกรสชาติ ทุกขนาด ครบทุกๆ 30 บาท = 1 สิทธิ์ลุ้นรางวัล
ร่วมกิจกรรมได้ 2 ช่องทาง:
ช่องทางที่ 1: สแกน QR Code ตามสื่อโฆษณาหรือเพิ่มเพื่อนผ่านไลน์ @rollercoasterthลงทะเบียนและแนบรูปถ่ายใบเสร็จ (เฉพาะร้านค้าที่ออกใบเสร็จจากเครื่องพิมพ์เท่านั้น และต้องเก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐานในการรับรางวัล)
ช่องทางที่ 2: ส่งซองเปล่า โรลเลอร์ โคสเตอร์ รสใด ขนาดใด ประเภทใดก็ได้ มูลค่า 30 บาท พร้อมเขียนชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ส่งมาที่ ตู้ ปณ.8 หลักสี่ กทม. 10210
ลุ้นรางวัลใหญ่!
ลุ้นรางวัลจัดเต็ม แจกทุกสัปดาห์!
พิเศษ! สำหรับลูกค้า 7-Eleven
เมื่อซื้อสินค้าโรลเลอร์ โคสเตอร์ ผ่าน 7-Eleven ภายในใบเสร็จเดียวกัน จะได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษเพิ่มเติม:
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และการประกาศผู้โชคดีแคมเปญ โรลเลอร์ โคสเตอร์ อร่อยมันส์ FUN ลุ้นล้าน! ได้ทางเฟสบุ๊ก: www.facebook.com/RollerCoasterThailand หรือสอบถามเพิ่มได้ที่ Line Official @rollercoasterth
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
BAM คัดทรัพย์ทำเลทอง ทั่วไทย ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ ที่ดินเปล่า และทรัพย์เพื่อการลงทุนหลากหลายทำเลทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทั่วประเทศ รวมจำนวนกว่า 10,000 รายการ จำหน่ายในงาน MONEY EXPO 2025 อัดแคมเปญ “โปรผ่อนที่ร้อนแรงที่สุดแห่งปี ดอกเบี้ย 0% 2 ปีแรก ” ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ชี้ ลูกค้าซื้อทรัพย์ BAM ได้ประโยชน์ถึง 3 ต่อ คือได้ส่วนลดจากราคาประเมิน 10-16% มี Capital Appreciation 3-5% และมี Rental Yield 7-8% รวมได้ผลตอบแทน 20-29% พร้อมเชิญชวนผู้สนใจร่วมรับฟังการบรรยายในหัวข้อ “โอกาสทองของการลงทุนในอสังหาฯ มือ 2”
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 บริษัทได้นำทรัพย์สินรอการขายประเภท บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ ที่ดินเปล่า และทรัพย์เพื่อการลงทุนหลากหลายทำเลทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทั่วประเทศ รวมจำนวนกว่า 10,000 รายการในราคาพิเศษ ไปจำหน่ายในงาน MONEY EXPO 2025 ณ ชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ทั้งนี้ ได้จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษที่ทำให้ลูกค้าเป็นเจ้าของทรัพย์ได้ง่ายขึ้น คือ “ โปรผ่อนที่ร้อนแรงที่สุดแห่งปี ดอกเบี้ย 0% 2 ปีแรก ” ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 สำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM ราคาตั้งขายไม่เกิน 5 ล้านบาท ผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% นาน 2 ปี ปีที่ 3 คิดดอกเบี้ย MRR -2.5% และปีที่ 4 เป็นต้นไปคิดดอกเบี้ย MRR BAM ตลอดอายุสัญญา พิเศษยิ่งกว่าสำหรับลูกค้าที่ชำระปิดบัญชีภายใน 3 ปี ลด 10% จากราคาตั้งขาย และชำระปิดบัญชีภายใน 5 ปี ลด 5% จากราคาตั้งขาย
ดร.รักษ์ กล่าวถึง ภาพรวมภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 ว่า มีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับกลางถึงระดับบน โดยกลุ่มบ้านราคา 1-3 ล้านบาท ต้องเผชิญกับการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินสูงถึง 40-50% ในขณะที่ความต้องการบ้านในระดับราคามากกว่า 5 ล้านบาทเพิ่มมากขึ้น และในส่วนความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในกลุ่มของผู้บริโภคจะพิจารณาโครงการที่ปลอดภัยและไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่วนนักลงทุนมองว่าในช่วงเวลานี้เป็นโอกาสดีในการซื้อทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม ซึ่งมีแนวโน้มลดราคาจนน่าลงทุน พร้อมกันนั้น ตลาดให้เช่าที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่นิยมเช่ามากกว่าซื้อ แนวโน้มค่าเช่าเพิ่มสูงขึ้น โดยมี Yield อยู่ที่ 7-8% ต่อปี จากความนิยมการเช่าซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 70% จากช่วงสถานการณ์โควิด-19 และ Generation Rent
ขณะเดียวกันความต้องการของบ้านมือสองเพิ่มสูงขึ้น จากสถิติยอดการโอนกรรมสิทธิ์แตะระดับ 52% เนื่องจากข้อได้เปรียบในเรื่องทำเลที่บ้านมือหนึ่งสู้ไม่ได้ และราคาที่ต่ำกว่าตลาด 10-16% ดังนั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากในการซื้อทรัพย์สินรอการขาย หรือทรัพย์มือสอง โดยเฉพาะหลาย ๆ โครงการที่พร้อมลดราคาหรือเสนอโปรโมชั่นพิเศษ ๆ เพื่อจูงใจลูกค้า
“กลุ่มนักลงทุนยังคงมองอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนที่ปลอดภัย (safe investment) เพียงแต่บางครั้งอาจจะเป็นการลงทุนระยะยาว และถือครองนาน แต่ส่วนใหญ่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าในอนาคต ทั้งนี้ จะมีกลุ่มนักลงทุนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทรัพย์สินรอการขายตามสภาพแล้วนำมาปรับปรุงให้พร้อมอยู่ จากนั้น ก็นำไปขาย หรือปล่อยเช่า ก็ได้รับผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน โดยจากการสำรวจสถิติการจำหน่ายทรัพย์ของ BAM ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า ทรัพย์สินรอการขายของ BAM เป็นทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนถึง 3 ต่อ กล่าวคือมีส่วนลดจากราคาประเมิน 10-16% มี Capital Appreciation 3-5% และมี Rental Yield 7-8% ทำให้ได้รับผลตอบแทนโดยรวม 20-29%” ดร.รักษ์ กล่าว

ในวันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม 68 เวลา 13.00 – 13.20 น. BAM ยังได้จัดสัมมนาให้ความรู้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มือสอง ในหัวข้อ “โอกาสทองการลงทุนในอสังหาฯ มือ 2” โดย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM จะมาตอบโจทย์การลงทุนใน NPA หลังจากนั้น เวลา 13.20 – 14.00 น. พบการสร้างกำไร โดย 2 กูรูชั้นนำ ด้านอสังหาฯ ในหัวข้อ ทรัพย์รอขาย (NPA) กระแสใหม่ การลงทุนที่น่าจับตา โดย คุณโอภาส ถิรปัญญาเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด (เจ้าของเพจ โอภาส ใหญ่ Happy Investor) และคุณศิรประภา รักษ์สุจริต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวลทิเนส เอสเตท จำกัด (เจ้าของเพจอสังหาเรื่องจิ๊บ ๆ)
กองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) นำโดย นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย จัดโครงการชี้แจงทำความเข้าใจในกระบวนการชำระบัญชีและการชำระหนี้ของกองทุนประกันวินาศภัยแก่บุคลากร สำนักงาน คปภ. ภาค 8 (สุราษฎร์ธานี) และบุคลากร สำนักงาน คปภ. จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับบทบาทและภารกิจของ กปว. ในการบริหารจัดการกรณีบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการชำระบัญชีของบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลสิทธิของประชาชนและเจ้าหนี้ กปว. ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถนำข้อมูลไปถ่ายทอดต่อประชาชนและเจ้าหนี้ในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน พร้อมทั้งมีการเปิดโอกาสให้บุคลากรของสำนักงาน คปภ. ได้ซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับกระบวนการชำระบัญชี โดยหนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ กรณีบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทล่าสุดที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตฯ โดยกองทุนประกันวินาศภัย ได้ชี้แจงถึงแนวทางในการจัดการหนี้สินของบริษัท ตลอดจนแนวปฏิบัติในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยและเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย

นอกจากการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการทำงานของกองทุนประทุนวินาศภัยแล้ว กิจกรรมในครั้งนี้ยังเป็นโอกาสให้บุคลากรจากทั้งสองหน่วยงานได้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และ หารือแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการให้บริการประชาชน สำนักงาน คปภ. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในพื้นที่ มีบทบาทสำคัญในการเป็นสื่อกลางระหว่างประชาชนและกองทุนประกันวินาศภัย ดังนั้น การมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการชำระบัญชี และการชำระหนี้ของ กปว. จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่ประชาชนและเจ้าหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทาง "การประชาสัมพันธ์เชิงรุก" ของกองทุนประกันวินาศภัย ที่มุ่งเน้นให้ข้อมูลที่ ถูกต้อง ชัดเจนและเข้าถึงง่าย แก่ประชาชน โดยผ่านการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงาน คปภ. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจประกันภัยในจังหวัด
กองทุนประกันวินาศภัย มุ่งหวังว่าความร่วมมือในลักษณะนี้จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับระบบประกันภัย และทำให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการมีประกันภัยในชีวิตและธุรกิจพร้อมมั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่บริษัทประกันภัยไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ กองทุนประกันวินาศภัยจะเข้ามาดูแลและดำเนินการตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนและเจ้าหนี้ทุกคน โดยจะทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยอย่างเต็มที่ต่อไป