December 06, 2025

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เล็งเห็นความสำคัญในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน  จัดทำกิจกรรม “ร่วมป้องกันคนที่คุณรักจากโรคไข้หวัดใหญ่ ฟรีค่าวัคซีน 2568” ขึ้น โดยบริษัท ฯ ขอมอบสิทธิการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ (ซีกโลกใต้) จำนวน 1 เข็ม ต่อผู้เอาประกันภัยที่ได้รับสิทธิ 1 ราย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าวัคซีน ทั้งนี้การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันโรคนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อ แต่ยังช่วยลดความรุนแรงของอาการ และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

เงื่อนไขของกิจกรรมมีรายละเอียดดังนี้

  • ผู้ได้รับสิทธิ: ผู้เอาประกันภัยกรมธรรม์ประกันสุขภาพรายบุคคล อายุ 6 เดือนขึ้นไป ที่สถานะกรมธรรม์มีผลบังคับ ณ วันที่ 20 เมษายน 2568 โดยสามารถกดรับสิทธิและเข้ารับบริการได้ ตั้งแต่ วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2568
  • การรับสิทธิ: ผู้เอาประกันภัยสามารถกดรับสิทธิได้ผ่านแอบพลิเคชัน Emma by AXA ผ่านเมนู “Rewards PLUS+” ซึ่งผู้เอาประกันภัยสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ โดยผู้เอาประกันภัยจะต้องแสดงรหัสที่ได้รับ (Redemption Code) จาก Rewards PLUS+ บนแอบพลิเคชัน Emma by AXA พร้อมทั้งบัตรประกันสุขภาพของกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต หรือบัตรประชาชนของผู้เอาประกันได้ที่เคาน์เตอร์โรงพยาบาล รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://www.krungthai-axa.co.th/th/fluvaccine-2025

ทั้งนี้สำหรับแอบพลิเคชัน Emma by AXA สามารถดาวน์โหลดได้ทาง App store และ Google play และสำหรับลูกค้าที่สนใจกิจกรรมของบริษัท หรือผลิตภัณฑ์ และบริการอื่นๆ  ของบริษัทฯ ท่านสามารถติดต่อได้ที่ www.krungthai-axa.co.th หรือ โทร 1159  และทางอีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  

ออร์บิกซ์ เทรด (orbix) แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย ภายใต้ ออร์บิกซ์ กรุ๊ป ร่วมศึกษาแนวทางความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Bitstamp ศูนย์แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดำเนินกิจการมา ยาวนานที่สุดในโลก เพื่อร่วมกันยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านการซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล มุ่งผลักดันอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน  

นายสรัล ศิริพันธ์โนน รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด (orbix) เปิดเผยว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศนอกจากแรงสนับสนุนจากภาครัฐแล้ว ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรระดับโลกถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนระยะยาว  orbix ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย จึงได้เดินหน้าสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาแนวทางในการผลักดันให้อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน  โดยล่าสุด orbix ได้ศึกษาความร่วมมือกับ Bitstamp ซึ่งเป็นผู้นำแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลระดับสากลที่ดำเนินกิจการมายาวนานที่สุดในโลก เพื่อร่วมกันยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านการซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากล  โดยการร่วมหารือในครั้งนี้ครอบคลุมประเด็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี การเสริมรักษาความมั่นคงปลอดภัยของแพลตฟอร์ม และ มาตรฐานการปฏิบัติตามกฎระเบียบในระดับสากล ถือเป็นการเริ่มต้นก้าวแรกในการเดินหน้าตามแผนการยกระดับแพลตฟอร์ม และการให้บริการของ orbix  ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานในประเทศไทยและเป็นรากฐานที่มั่นคงในการขยายตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับภูมิภาคในอนาคต   

ด้านนายลีโอนาร์ด โฮ (Leonard Hoh) APAC General Manager ของ Bitstamp กล่าวเสริมว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นพื้นที่สำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับการเติบโตของ Bitstamp โดยการสนับสนุนแพลตฟอร์มและสถาบันในท้องถิ่นที่ต้องการพันธมิตรด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้ในการเชื่อมต่อกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล กรอบการกำกับดูแลที่ยาวนานของประเทศไทย และนโยบายที่ต่อเนื่องในการสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการพัฒนาระบบนิเวศในภูมิภาค APAC จากประสบการณ์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลของ orbix ในฐานะผู้บุกเบิกในประเทศไทย และประวัติการดำเนินงานที่ยาวนานของ Bitstamp ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานตลาดระดับโลก ทำให้ความร่วมมือที่เป็นไปได้นี้เป็นก้าวสำคัญในการรวมพลังของทั้งสององค์กรเพื่อเสนอการบริการที่ปลอดภัย โปร่งใส และมีคุณภาพสูง เพื่อสนับสนุนการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาคนี้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM โชว์วิสัยทัศน์พร้อมสร้าง BAM เป็น Business Recycling Machine ในการช่วยพลิกฟื้นลูกหนี้ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน เร่งสร้างการเติบโตองค์กรอย่างแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ 3P เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน รวมทั้งการแสดงให้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของ BAM ในฐานะผู้นำธุรกิจ AMC ที่พร้อมเคียงข้างระบบเศรษฐกิจและสร้างการเติบโตให้กับสังคมไทย 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่าการเข้ารับตำแหน่ง CEO BAM ครั้งนี้ถือว่าเป็นความท้าทายการบริหารงานภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและภาวะการแข่งขันสูง โดยมีเป้าหมายยกระดับให้ BAM เป็นมากกว่า AMC รวมทั้งยังคงบทบาทในการเป็นแก้มลิงแห่งชาติที่เข้าไปจัดการปัญหามวลหนี้เสียไม่ให้ไหลเข้าท่วมสู่ระบบสถาบันการเงิน ด้วยการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้ง NPL และ NPA อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความผันผวน รวมทั้งยังสร้างโอกาสในการลงทุน โดยการนำทรัพย์สินเหล่านี้มาสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ BAM ในฐานะผู้นำธุรกิจ AMC ที่พร้อมเคียงข้างระบบเศรษฐกิจและสร้างการเติบโตให้กับสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพ NPL ในระบบสถาบันการเงิน (ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ) ณ สิ้นปี 2567 มีจำนวน 2,026,000 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขาย NPA (ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ) จำนวน 193,526 ล้านบาท ขณะที่ BAM มี NPL ในความดูแล ณ สิ้นปี 2567 จำนวน 503,603 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.86% ของระบบสถาบันเงิน รวมทั้งมี NPA จำนวน 74,517 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38.50% ของระบบสถาบันการเงิน ทั้งนี้ BAM มีเป้าหมายในการเป็น Business Recycling Machine เพื่อช่วยพลิกฟื้นลูกหนี้ให้สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ รวมถึงสร้างการเติบโตของ BAM ให้แข็งแกร่งด้วยแผนกลยุทธ์เชิงรุก “3P” ได้แก่ People, Partnerships, และ Platforms/Process เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน

สำหรับ P ตัวแรกคือ People เป็นการสร้างคุณค่าให้กับ 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย ผู้ถือหุ้น ด้วยการยกระดับองค์กรให้ได้รับการยอมรับในระดับชาติ โดยตอกย้ำบทบาทการเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำของประเทศ พร้อมทั้งสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นระยะยาว ส่วนที่สองคือลูกหนี้และลูกค้า BAM มุ่งมั่นให้โอกาสลูกหนี้ NPL ในการฟื้นฟูกิจการหรือสถานะทางการเงินของตน โดยปรับโครงสร้างหนี้และหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ขณะที่ลูกค้า NPA จะได้รับการบริการที่รวดเร็วแบบมืออาชีพ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดในการซื้อทรัพย์ BAM และส่วนที่สามคือพนักงานและการพัฒนาองค์กร โดย BAM เชื่อมั่นว่าพนักงานคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร จึงเร่งสร้างศักยภาพสำหรับอนาคตและการเติบโตของพนักงานที่เหมาะสมพร้อมๆ กับระบบสวัสดิการที่ตอบโจทย์ (Flexi Benefits) สำหรับคนรุ่นใหม่

ในส่วน Pที่สองคือ  Partnerships BAM จะให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developers) ในการปรับปรุงและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินรอการขาย รวมทั้งสนับสนุนลูกหนี้ในภาคธุรกิจเชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพ โดยให้ความช่วยเหลือผ่านความร่วมมือจากพันธมิตรทางการเงินในการจัดหาสินเชื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกหนี้กลุ่มนี้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน

และอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ 3P คือ P ที่ 3 คือ Platforms หรือ Process โดย BAM ได้เดินหน้าปรับเปลี่ยนองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ (Digital Transformation) มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับการให้บริการลูกค้า โดยได้ลงทุนในการพัฒนาระบบ AI เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจและปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในการบริหารจัดการข้อมูลลูกหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถติดตามสถานะของลูกหนี้แต่ละรายได้อย่างใกล้ชิด วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และนำเสนอทางเลือกหรือวิธีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระของลูกหนี้แต่ละรายได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นBAM ยังได้เสริมประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรเพื่อลดขั้นตอนด้วยกระบวนการ Streamline Process อีกด้วย

ในขณะเดียวกัน BAM พร้อมเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) เพื่อช่วยแก้ไขหนี้อย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการสร้างวินัยทางการเงิน พร้อมทั้ง BAM ยังบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การลงทุนใน NPA ของ BAM เป็น Investment of Choice เป็นโอกาสทองของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มือสอง ถึงแม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีปัจจัยที่ท้าทายด้วยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า พร้อมกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง แต่ BAM ก็ยังสามารถนำทรัพย์สินเหล่านี้มาสร้างมูลค่าเพิ่ม นำเสนอลูกค้าตามกลุ่มเป้าหมาย (Target Segment) ด้วยช่องทางและแพลตฟอร์มต่างๆ ที่หลากหลาย โดย BAM พร้อมมอบทางเลือกเพื่อรองรับความต้องการของทุกกลุ่มลูกค้าและทุกวัตถุประสงค์การใช้งานทำให้ทรัพย์ของ BAM เป็น Property For All

พร้อมกันนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย BAM Digital พัฒนาโครงสร้าง IT ด้วยระบบ AI และพัฒนา BAM Choice Application ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกหนี้ซึ่งสามารถชำระเงิน ตรวจสอบภาระหนี้คงเหลือ การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ การขอเอกสารสำคัญ ในขณะที่เมนู BAM Select จะช่วยลูกค้าค้นหาทรัพย์ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยค้นหา และเปรียบเทียบตามช่วงราคา/พื้นที่ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ด้วยตนเองผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกสบาย ถือได้ว่าเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกหนี้และลูกค้าทุกกลุ่มผ่านช่องทางดิจิทัล รวมถึง BAM Auto ซึ่งเป็นระบบ Automation ที่จะมาช่วยลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนและลดการทำงานแบบ Manual เพื่อนำไปสู่การใช้ AI ที่ช่วยจำลองการออกแบบทรัพย์ตวามความต้องการของลูกค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายทรัพย์ รวมทั้งยกระดับประสบการณ์ค้นหาทรัพย์ด้วย AI อัจฉริยะที่จะช่วยแนะนำทรัพย์ให้ตรงใจจากพฤติกรรมการเข้าชมของลูกค้าอีกด้วย

นายกฤษณ์ สกุลพานิช (กลาง) ประธานบริหารสูงสุด บริษัท เดกซ์ (ดรีม เอกซ์เพรส) จำกัด พร้อมด้วย มร. นาคาจิมะ ยาซุฮิโกะ ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ บริษัทโตเอะ (Toei) มร. ซีออน ยิป ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท INCUBASE Studio และมิส จุนโก ซาโนะ ผู้บริหารระดับสูง ผู้อำนวยการทั่วไปแผนกสื่อสารองค์กร บริษัท บันได และบันได สปิริตส์ จำกัด ร่วมเปิดงาน Masked Rider 50 Years Exhibition in Thailand อย่างยิ่งใหญ่ ณ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ชั้น 4 โซน A พร้อมแขกรับเชิญพิเศษ โอม ปัณฑพล และน้องมิวสิค แพรวา แฟนพันธุ์แท้ฮีโร่หน้ากากขวัญใจคนไทย

บริษัท เดกซ์ (ดรีม เอกซ์เพรส) จำกัด ชวนแฟน ๆ ชาวไทยทุกท่าน พบกับปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ “นิทรรศ การ MASKED RIDER 50 ปี” ครั้งแรกในประเทศไทย กับการเฉลิมฉลองครบรอบครึ่งศตวรรษของ “มาสค์ไรเดอร์”

ฮีโร่แปลงร่างจากญี่ปุ่นที่ครองใจแฟนทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 1971 จนถึงปัจจุบัน โดยหลังประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายในญี่ปุ่น ฮ่องกง และมาเลเซีย งานนิทรรศการนี้ได้ถูกยกขบวนมาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ ใจกลางกรุงเทพฯ บนพื้นที่กว่า 1,200 ตารางเมตร ณ MBK Center ชั้น 4 โซน A เพื่อให้แฟนๆ ชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์
คลูซีฟอย่างใกล้ชิด ไฮไลต์เด็ดที่ห้ามพลาด ได้แก่

  • หุ่นมาสค์ไรเดอร์กว่า 30 ตัว จากทั้ง 3 ยุค ได้แก่
  • ยุคโชวะ (Showa 1971–1989)
  • ยุคเฮเซ (Heisei 2000–2019)
  • ยุคเรวะ (Reiwa 2020–ปัจจุบัน)
  • โซนจัดแสดงประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของมาสค์ไรเดอร์ผ่านมุมมองใหม่
  • โซนโพสท่าแปลงร่างสุดมันส์ ที่เปิดพื้นที่ให้แฟนๆ อินกับบทบาทฮีโร่
  • โซนจัดแสดง เข็มขัดแปลงร่างหายากและอุปกรณ์จากซีรีส์ ที่กลายเป็นของสะสมสุดล้ำค่า
  • สินค้าลิขสิทธิ์แท้ และของสะสมพิเศษจากญี่ปุ่น พร้อมสินค้าเฉพาะที่มีจำหน่ายเฉพาะในไทยเท่านั้น
  • Masked Rider Café กับเมนูธีมมาสค์ไรเดอร์ที่หาชิมไม่ได้จากที่ไหนในโลก

ความยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้ถูกส่งตรงจากญี่ปุ่นมาถึงไทยแล้ว! ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน – 13 กรกฎาคม 2568 เท่านั้น พิเศษ! ทุกบัตรเข้าชม รับฟรี “Random Card” ลิขสิทธิ์แท้ ออกแบบเฉพาะสำหรับนิทรรศการในประเทศไทย

มอบสิทธิพิเศษ โปรแกรมปรับไลฟ์สไตล์ ดีไซน์การดูแลครบทุกมิติ ไม่มีค่าใช้จ่าย สะท้อนการพัฒนาการอยู่อาศัยเพื่อสังคม อยู่ดี มีสุข

ธนาคารกสิกรไทยประกาศแต่งตั้ง นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย และนางสาวจิตสุภา วัชรพล เข้าเป็นคณะกรรมการธนาคาร ประเภทกรรมการอิสระ มีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การแต่งตั้ง นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย และนางสาวจิตสุภา วัชรพล เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงในคณะกรรมการ ทำให้ธนาคารมีจำนวนกรรมการครบ 15 คน ตามข้อบังคับของธนาคาร และส่งเสริมหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดีตามมาตรฐานสากล รวมทั้งกรรมการทั้ง 2 ท่านจะนำประสบการณ์ ทักษะความรู้ความสามารถโดยตรงของแต่ละท่านมาเสริมความแข็งแกร่งของคณะกรรมการในการดูแลขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพิ่มความแข็งแกร่งของธนาคารเพื่อส่งมอบยุทธศาสตร์ K-Strategy พร้อมรับมือกับโอกาสและความท้าทายในอนาคตภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และเคยดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการประเทศไทย สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน รวมทั้งประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เป็นผู้มีประสบการณ์ทางธุรกิจอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านวิศวกรรม การบริหารจัดการการค้า และธุรกิจระหว่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโต และเป็นผู้นำในการส่งเสริมนวัตกรรมที่ยั่งยืน เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ    นายฉัตรชัยสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมเคมี จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

นางสาวจิตสุภา วัชรพล ปัจจุบันดํารงตําแหน่ง กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บจก.ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ และ บจก.เทรนด์ วี จี 3 (ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์) และกรรมการ มูลนิธิไทยรัฐ เป็นผู้นํารุ่นใหม่จากภาคธุรกิจสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภค มีประสบการณ์ด้านการบริหารสื่อชั้นนำของประเทศไทย รวมทั้งขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สื่อยุคดิจิทัล นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำองค์กรด้านการขับเคลื่อนเรื่องการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน นางสาวจิตสุภาสำเร็จการศึกษาด้านการบริหารธุรกิจสาขาการตลาด จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และด้าน Integrated Marketing จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

เอ็น.ซี.ซี. ผนึกกำลังภาครัฐ และเอกชน จัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 มหกรรมกีฬากอล์ฟ – ดำน้ำ – กิจกรรมกลางแจ้ง ใหญ่สุดในอาเซียน ระดมผู้ประกอบการกว่า 590 คูหา จำหน่ายสินค้าในราคาสุดพิเศษ คาดจะมีผู้เข้าร่วมงานทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 59,000 คน ด้าน ททท. หนุนการท่องเที่ยวด้านกีฬา ยกระดับการท่องเที่ยวสูงพรีเมียม คาดปี 68 ธุรกิจดำน้ำมูลค่าทะลุ 8.5 พันล้านบาท โตเฉลี่ย 12% ต่อปี

นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า เอ็น.ซี.ซี. ได้ร่วมมือกับพันธมิตรจัดงาน “THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST” ติดต่อกันมาอย่างยาวนานถึง 21 ปี และเห็นถึงเห็นถึงการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีผู้เข้าร่วมชมงาน และผู้ประกอบการมาเข้าร่วมเพิ่มขึ้นทุกปี จนทำให้การท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และกิจกรรมการแจ้ง เป็นหนึ่งในสาขาของการท่องเที่ยวที่รายได้เข้าประเทศได้อย่างมหาศาล และยังส่งผลให้ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวและเล่นกีฬากลางแจ้งที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับการท่องเที่ยวของไทยไปสู่การท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูง หรือการท่องเที่ยวแบบพรีเมียม ตามเป้าหมายของรัฐบาล

โดยการจัดงานฯ ในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 55,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 10% จากปีก่อนหน้า มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ  

สำหรับการจัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 หรืองานแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ปี 2568 ประกอบด้วย  กลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า  590  คูหา  ได้แก่ สนามกอล์ฟ อุปกรณ์กอล์ฟ สถาบันสอนดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำ บริษัทนำเที่ยว เรือนำเที่ยว อุปกรณ์เดินป่า ที่พัก อุปกรณ์ถ่ายภาพ ฯลฯ พร้อมด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ การเสวนาด้านการท่องเที่ยว การอนุรักษ์ทะเลไทย เทคนิคการถ่ายภาพใต้น้ำ และกิจกรรม “TDEX You Give.. We Share” ครั้งที่ 4 เชิญชวนบริจาคชุดดำน้ำและอุปกรณ์ดำน้ำมือสองสภาพดี เพื่อมอบให้มูลนิธิหรือหน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในสาธารณะประโยชน์ เป็นต้น โดยการจัดงานฯ ในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานเพิ่มขึ้น 10% และมีมูลค่าซื้อขายเกิดขึ้นภายในงานและต่อเนื่องไปในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 200 ล้านบาท

นอกจากนี้กิจกรรมที่ได้รับความสนใจ คือ การประกวดภาพถ่ายใต้น้ำ "18th TDEX Underwater Photo Contest" ในปีนี้ได้เปิดโอกาสให้ช่างภาพใต้น้ำทั้งมือเก่า มือใหม่ และมืออาชีพ ได้ส่งผลงานเข้าร่วม โดยมีผู้ส่งภาพเข้าประกวดสูงถึง 164 คน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ประเภท Animal Portrait : 386 ภาพ  2. ประเภท Animal in their Environment : 312 ภาพ  และ3. ประเภท Human & Underwater Nature : 191 ภาพ รวมทั้งสิ้น 889 ภาพ

รวมทั้งยังได้จัดประกวดคลิปวิดีโอใต้น้ำ "TDEX Underwater Moment Video Contest" ครั้งที่ 2 มีผลงานรวมทั้งหมด 117 คลิป  โดยผลงานทั้งหมดจะถูกคัดเลือกและตัดสินจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการถ่ายภาพชั้นนำของเมืองไทย  เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศที่เหมาะสมที่สุด รวมทั้งรางวัลอื่น ๆ ที่มีมูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท โดยจะประกาศผลงานในวันที่ 22 พ.ค. 2568 นี้ ซึ่งผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะนำมาจัดแสดงในช่วงวันแสดงงาน

ในส่วนของงานแสดงสินค้าครั้งนี้เรามีการจัด Business Matching โดยเชิญกลุ่มผู้ซื้อจากประเทศเวียดนาม และมาเลเซียมาพบกับผู้ประกอบการไทยด้วย ซึ่งในปีนี้มีผู้ประกอบการชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศมากมายขนสินค้า และบริการที่มีคุณภาพมาจัดโปรโมชั่นในราคาพิเศษ โดยมีผู้ประกอบการชั้นนำ เช่น บริษัท Dynamicnord แบรนด์อุปกรณ์ดำน้ำน้องใหม่จากเยอรมนี จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ดำน้ำหลากหลายประเภทอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับดำน้ำลึกและฟรีไดฟ์ ที่ทีมวิจัยและพัฒนาของเยอรมนี ออกแบบโดยอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการและความปรารถนาของนักดำน้ำ ภายใต้แนวคิด: "นวัตกรรม - ความน่าเชื่อถือ - การใช้งานได้จริง" นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อุปกรณ์ดำน้ำชั้นนำอีกมากมายมาจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษภายในงาน

นายขจรฤทธิ์ ขวัญมงคล ผู้อำนวยการกองตลาดภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มดำน้ำเติบโตในระดับสูงทั้งในแง่ของรายได้และจำนวน โดยมีผู้สนใจดำน้ำเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งในปี 2568 คาดว่าประเทศไทยจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวดำน้ำมากกว่า 8,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึงเกือบ 2,000 ล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่สูงถึง 12% ต่อปี

สำหรับปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ตลาดดำน้ำไทยขยายตัว ได้แก่ การขยายตัวของชนชั้นกลางที่กระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ ที่มีอายุในช่วง 20–40 ปี เข้าสู่วงการผจญภัยทางทะเล จนกลายเป็นกลุ่มหลักกว่า 70% ของนักดำน้ำทั่วโลก และไทยยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดำน้ำที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ฝึก PADI/SSI เรือ Liveaboard คุณภาพสูง และระบบจองออนไลน์ที่ทันสมัยที่ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงกิจกรรมนี้

โดยประเทศไทยมีแหล่งดำน้ำยอดนิยมระดับโลกหลายแห่งที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคใต้ ทั้งแหล่งดำน้ำในฝั่งอันดามัน อาทิ หมู่เกาะสิมิลัน เกาะพีพี รวมถึงฝั่งอ่าวไทย อย่างเกาะเต่า และหมู่เกาะชุมพร ก็ยังคงเป็นจุดหมายสำคัญที่รองรับการดำน้ำในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ดำน้ำตื้นตามแนวปะการัง ไปจนถึงการดำน้ำลึกไปชมซากเรือ และการดำน้ำแบบ Freediving อย่างเกาะเต่านับเป็นแหล่งเรียนดำน้ำที่ได้รับความนิยม และมีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก

ในแง่ของพฤติกรรมผู้บริโภคมีข้อมูลว่า การใช้จ่ายเฉลี่ยของนักดำน้ำอยู่ที่ราว 4,300 บาทต่อวัน โดยแต่ละทริปใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 2.5 วัน ได้แก่ ไดฟ์บอร์ด การดำน้ำแบบเทคนิค และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งสะท้อนความต้องการที่ลึกซึ้งและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไทยเองมีโอกาสต่อยอดตลาดเหล่านี้ ด้วย หลักสูตรดำน้ำเชิงลึก และกิจกรรม “ดำน้ำฟื้นฟูปะการัง” เป็นต้น

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความสนใจกับกลุ่มสินค้าและบริการท่องเที่ยว Premium มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดของกิจกรรมดำน้ำและกอล์ฟ  บทบาทของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในงานนี้คือการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้านการประชาสัมพันธ์  สร้างการรับรู้การท่องเที่ยวในรูปแบบไลฟ์สไตล์ไปยังนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดย ททท. ได้ให้การสนับสนุนการจัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST มาอย่างต่อเนื่อง งานดังกล่าวจะเป็นจุดเชื่อมโยงให้ผู้ประกอบการในด้านกีฬากอล์ฟ การดำน้ำ และการท่องเที่ยวกลางแจ้ง ได้มาพบบปะกับผู้ที่สนใจ ตลอดจนเป็นการแสดงถึงความพร้อม และศักยภาพของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวด้าน กีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และกิจกรรมกลางแจ้งของประเทศไทย

ภายในงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025  นอกเหนือไปแพ็กเกจการท่องเที่ยวที่น่าสนใจราคาพิเศษแล้ว ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโดยภูมิภาคภาคใต้ ยังร่วมกับสำนักงานในพื้นที่ 4 สำนักงาน คือ สำนักงานชุมพร สำนักงานเกาะสมุย สำนักงานกระบี่ และสำนักงานพังงา ได้นำตัวแทนสมาคมชมรมในพื้นที่มาร่วมออกบูธนำเสนอข้อมูลการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ทั้งกอล์ฟ ดำน้ำ กิจกรรมกลางแจ้ง สำหรับผู้เข้าชมงานที่อยากทราบข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติม โดย ททท. คาดหมายว่าในงานนี้จะมีผู้ซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวจากผู้ที่เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นแพ็กเกจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคึกคักให้กับการท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวพรีเมียม ให้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ

นางสาวณิชาภา อุรุวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญพัฒนา SME สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวว่า ในขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในธุรกิจท่องเที่ยวกว่า  471,706 ราย มีมูลค่าธุรกิจรวมประมาณ 835,832 ล้านบาท และยังมีธุรกิจผลิตสินค้า และบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอีกกว่า 10,000 ราย ดังนั้น หากภาครัฐ และเอกชนร่วมกันผลักดันเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจท่องเที่ยว ก็จะช่วยยกระดับรายได้ให้กับประเทศไทยได้อีกมหาศาล และยังเป็นส่วนสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจของไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตสงครามการค้าในปีนี้ไปได้

ทั้งนี้ เพื่อผลักดันธุรกิจการท่องเที่ยวให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ISMED จึงได้ออกมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ที่ดำเนินธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การจัดหลักสูตรอบรมและฝึกปฏิบัติ หัวข้อการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท รุ่นที่ 18  ที่เน้นการอบรมและฝึกปฏิบัติการบริหารจัดการในด้านต่างๆเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้ อาทิ ด้านการตลาด  ด้านการเงิน ทั้งนี้ ISMED ยังได้จัดให้มีการศึกษาดูงานการดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทที่ประสบผลสำเร็จทั้งในประเทศและต่างประเทศ  นอกจากการอบรมดังกล่าว ISMED ยังจัดให้มีการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก (Consulting) ในการจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operation Procedure : SOP) เพื่อบริการที่เหนือชั้น สำหรับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ทั้งแผนกการให้บริการส่วนหน้าและแผนกส่วนครัว รวมถึงมีการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อการขอรับรองมาตรฐานฮาลาลในส่วนครัวหรือร้านอาหารในโรงแรมอีกด้วย

รวมทั้งยังได้ให้การสนับสนุนการจัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 โดยได้นำงาน Thailand Golf และ Outdoor Fest ลงทะเบียนเพื่อเข้าพิจารณาอนุมัติงบประมาณอุดหนุน ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. หากผู้ประกอบการ SME ท่านใด สนใจเข้าร่วมงาน Thailand Golf และ Outdoor Fest ก็จะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดถึง 80%  ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการ SMEs ได้เป็นจำนวนมาก

มหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ “THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025”  จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 25 พฤษภาคม 2568 เวลา  11.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  ผู้สนใจเข้าชมงานสามารถลงทะเบียนชมงานล่วงหน้า และติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมดำน้ำได้ทาง Facebook: Thailand Dive Expo (TDEX)  หรือ www.ThailandDiveExpo.com  กิจกรรมกีฬากอล์ฟ ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Thailand Golf Expo หรือ www.ThailandGolfExpo.com  กิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง Outdoor Fest ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Traveler & Outdoor Expo หรือ www.traveloutdoorexpo.com

ภายใต้โจทย์ “Digital ID for Foreigners” ทีมไหนคว้าแชมป์ 17 พ.ค. นี้ รู้กัน!

บิ๊กซี คาดแรงหนุนเปิดเทอมดันยอดขายเติบโต อัดโปรฯ สินค้า Back to School ลดราคาแรง กว่า 7,000 รายการ สูงสุด 50% พ่วงโปรฯ ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน พร้อมผนึก มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี และพันธมิตรทางธุรกิจ สานต่อโครงการ CSR “Remote School” บริจาคชุดนักเรียน - อุปกรณ์การเรียน สร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กไทย

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เปิดเผยว่า บิ๊กซี ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ จัดแคมเปญพิเศษ “ช้อปครบคุ้ม รับเปิดเทอมที่บิ๊กซีระหว่างวันที่ 14 เมษายน – 21 พฤษภาคม 2568 เพื่อสอดรับกับโครงการ “เปิดเทอม เติมพลัง” ของภาครัฐ รวมถึงกระตุ้นยอดขาย และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม ผ่านการจัดโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษ กว่า 7,000 รายการ ลดสูงสุด 50% ครอบคลุมเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์การเรียน ตลอดจนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ร่วมเป็นประธานพิธีในงานแถลงข่าว ณ บิ๊กซี เพลส รัชดา

ทั้งนี้ คาดว่าความคึกคักจากช่วงเปิดภาคเรียนในปีนี้จะเป็นอีกปัจจัยบวกสำคัญที่ผลักดันให้เป้าหมายยอดขายของกลุ่มสินค้า Back to School เติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน กว่า 25% หรือมียอดขายมากกว่า 500 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์การเรียน ตลอดจนสินค้าที่เกี่ยวข้องที่จำหน่ายผ่านบิ๊กซี

สำหรับไฮไลต์โปรโมชั่นสุดคุ้มนี้ ประกอบด้วย สินค้าราคาพิเศษหลากหลายรายการ อาทิ ชุดนักเรียนทุกระดับชั้น เริ่มต้นเพียง 69 บาท รองเท้าผ้าใบนักเรียน คู่ละ 99 บาท ถุงเท้านักเรียน Besico 5 คู่ เพียง 100 บาท ชุดนักเรียน ซื้อ 3 จ่าย 2 แบรนด์ดังทุกระดับชั้นคละแบบได้ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องเขียน ซื้อ 5 ชิ้น จ่ายเพียง 4 ชิ้น กระเป๋าล้อลากลายลิขสิทธิ์ เริ่มต้น 359 บาท และกระเป๋าเป้ ราคาเพียง 99 บาท พิเศษ! คูปองส่วนลด 50 บาท เมื่อซื้อชุดนักเรียนครบ 299 บาท และโปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ทุกชิ้นทั้งห้าง ตลอดจนสิทธิ์แลกของกิน ของใช้ และของเรียนรู้สุดคุ้ม เมื่อซื้อครบ 299 บาทขึ้นไป

 

พร้อมกันนี้ บิ๊กซี ยังร่วมกับ มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี และพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน รวม 8 ราย ประกอบด้วย กิจเจริญ, ตราม้า, น้อมจิตต์, แบร์รอน กิ๊ฟ,  มาสเตอร์อาร์ต, ไอคิว สปอร์ต, เอส.ซี.เอส., แอ๊ดด้า จัดกิจกรรม CSR ภายใต้โครงการ “Remote School ปีที่ 22” เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กไทยในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนไกลให้ใกล้ เติมโอกาสสร้างการเรียนรู้”

กิจกรรมสำคัญภายใต้โครงการ “Remote School ปีที่ 22” ประกอบด้วย:

  1. การบริจาคชุดนักเรียน รองเท้านักเรียนและอุปกรณ์การเรียน ร่วมกับพันธมิตรให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน
  2. กิจกรรม Re-LOGO Charity เชิญชวนนักออกแบบร่วมสร้างสรรค์โลโก้ใหม่ให้โครงการ REMOTE SCHOOL ภายใต้แนวคิด “1 Logo สร้าง 1 โอกาสทางการศึกษา” โดยรายได้จากการจำหน่ายเสื้อโลโก้ใหม่จะนำไปสมทบทุนซ่อมแซมอาคารเรียน พร้อมเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมสมทบทุนเพิ่มเติมผ่านกล่องรับบริจาค ณ บิ๊กซี ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568
  3. กิจกรรม Re-Learn ส่งเสริมการเรียนรู้อย่างยั่งยืน ด้วยการบริจาคฟิวเจอร์บอร์ดเหลือใช้ให้โรงเรียนนำไปผลิตสื่อการเรียนรู้ DIY พร้อมเปิดให้รับวัสดุได้ที่ บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ตทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป

บิ๊กซี ขอเชิญลูกค้าทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กไทย พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมายได้แล้ววันนี้ที่ บิ๊กซีทุกสาขาทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: BJC Big C Share

กรุงเทพประกันชีวิต เปิดบ้านต้อนรับนักขายรุ่นใหม่ ในงาน Bangkok Life Grand Open House ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 2568 โดยมี คุณจักรพงศ์ แสงแก้ว ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายงานตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมด้วย คุณอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า ให้การต้อนรับผู้บริหารตัวแทน ตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน ตลอดจนผู้มุ่งหวังที่จะเข้าสู่อาชีพนักขายรุ่นใหม่เพื่อร่วมเส้นทางกับงานที่จะทำให้เปลี่ยนชีวิตสู่อิสรภาพทางการเงิน ณ ห้องประชุม ชิน โสภณพนิช ชั้น 11 อาคารสำนักงานใหญ่ กรุงเทพประกันชีวิต โดยมีเหล่านักขายเข้าร่วมงานกว่า 350 คน

กรุงเทพประกันชีวิต มีเป้าหมายสร้างตัวแทนใหม่ปีละ 3,000 คน เพื่อให้สอดคล้องกับแผนดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน สอดรับกับแนวโน้มของสังคมผู้สูงวัยในประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้น อาชีพ “ตัวแทนประกันชีวิต” จึงถือเป็นอาชีพที่มีความสำคัญด้วยบทบาทของการให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าในทุกๆ ด้านทั้งการเงิน ความมั่งคั่งรวมทั้งสุขภาพ การแสวงหาผู้ร่วมงานในฐานะตัวแทนประกันชีวิตรุ่นใหม่จึงมีส่วนสำคัญไม่น้อยในการสร้างทีมงานที่เข้มแข็งในอนาคต เพื่อผลักดันแผนงานได้ตามเป้าหมาย

สำหรับปีนี้ กรุงเทพประกันชีวิต ได้จัดงานต้อนรับนักขายหน้าใหม่อย่างยิ่งใหญ่กับงาน Bangkok Life Grand Open House โดยได้เชิญ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้ดำเนินรายการชื่อดังของไทยจาก The Standard ในรายการ Morning Wealth มาร่วมแชร์แนวคิดของ “งานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ: Live A Life Beyond Imagination” ซึ่งได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับงานที่สามารถออกแบบได้ด้วยตนเอง เพราะอาชีพที่ว่ามั่นคงยังมีความไม่แน่นอน จึงสร้างความมั่นคงทางการเงินด้วยการมีงานหลากหลายอาชีพแล้วแต่โอกาสที่ผ่านเข้ามา เพราะบางอาชีพถ้าไม่ลองก็ไม่รู้และทุกอาชีพที่ได้ทำก็ให้เกิดความรู้ใหม่ๆ โดยมีมุมมองว่าอาชีพตัวแทนประกันชีวิตมีความสำคัญ เพราะทำให้คนสนใจเรื่องสุขภาพและการวางแผนการเงิน เพราะการมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงิน รวมทั้งมีทักษะในการบริหารจัดการเงิน หรือ Financial Literacy มีความสำคัญสำหรับทุกคน พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ที่กำลังสนใจอาชีพตัวแทนประกันชีวิตเปิดใจ เพราะเป็นอาชีพที่สนุก ได้พบเจอคนที่แตกต่างทุกวัน ซึ่งต้องออกจาก comfort zone เดินหน้าศึกษาหาความรู้อย่างตั้งใจแล้วจะพบว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะในอีก 15 ปี ข้างหน้าประเทศไทยจะเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอด (super aged society) เมื่อสัดส่วนของประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี มีสูงถึง 28% ของประชากรทั้งหมด จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้มีอาชีพตัวแทนหรือที่ปรึกษาทางการเงินในการจูงใจให้คนออมเงินเพื่อใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพหลังเกษียณอย่างมีคุณภาพ

คุณจักรพงศ์เสริมว่า อาชีพตัวแทนประกันชีวิตเป็นอาชีพที่สร้างคุณค่าให้ทั้งตัวเองและสังคม โดยกรุงเทพประกันชีวิตมีนโยบายส่งเสริมด้านความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตการวางแผนการเงิน การวางแผนสุขภาพ การวางแผนเกษียณ  และทักษะรอบด้าน เพื่อให้ตัวแทนประกันชีวิตประสบความสำเร็จสามารถขยับสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และก้าวสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจในที่สุด ด้วยโครงสร้างค่าตอบแทนที่มั่นคงสามารถส่งต่อให้ทายาท

“เส้นทางการเติบโตจะขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวแทนแต่ละคน บนโครงสร้างค่าตอบแทน CFYC ที่มั่นคง และสร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด โดยจะมีแคมแปญ Extra Reward สำหรับผู้ที่เข้าสู่อาชีพและทำผลงานได้ดีจะมีโอกาสรับ Fast Achievement Bonus กว่า 1 ล้านบาท และยังได้รับความรู้ที่เข้มข้นด้วยหลักสูตรวิเคราะห์ธุรกิจและเป้าหมายของผู้เป็นเจ้าของธุรกิจแบบ Mini MBA โปรแกรมพัฒนาคนอย่าง Smart Professional Agent (SPA) โปรแกรมที่มีการพัฒนารวมทั้งการรับรองรายได้ระดับตัวแทน, Smart Professional Financial Advisor (SPFA) เป็นโปรแกรมสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ Smart Professional Leader (SPL) สำหรับผู้ที่จบโครงการแรกแล้วอยากต่อยอดเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้บริหารหน่วย ซึ่งต้องเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้บริหาร การรีครูทคน และการพัฒนาทีม” คุณจักรพงศ์กล่าว

งาน  Bangkok Life Grand Open House ยังมีตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินของกรุงเทพประกันชีวิต  ที่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางนักขาย อาทิ คุณประพจน์ กรังพนิชย์ คุณวิรัจฉรา ศรีสุข และ คุณมนัสนันฐ์ เรืองไชยศรี มาร่วมเปิดมุมมองใหม่กับเส้นทางอาชีพที่ประสบความสำเร็จ ได้พบอิสรภาพทางการเงินและมีเวลาให้คนที่รัก นอกจากผลตอบแทนที่ได้รับแล้ว ตัวแทนทุกคนยังมีโอกาสได้รับประสบการณ์จากการศึกษาดูงาน หรือท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมากรุงเทพประกันชีวิตได้มีการสนับสนุนการร่วมเดินทางไปสัมมนาทางวิชาการ MDRT มากที่สุด และสิ่งสำคัญคือการร่วมงานกับองค์กรที่มีวัฒนธรรมการทำงานที่ใส่ใจ ทั้งกับลูกค้า พนักงาน และตัวแทนในบรรยากาศความเป็นครอบครัว อบอุ่น และความใส่ใจ

X

Right Click

No right click