December 06, 2025

ด้วยเทคโนโลยี EMV ที่ระยะหลังเป็นที่นิยมของผู้ถือบัตรเครดิต เพราะสามารถแตะจ่ายได้อย่างสะดวกรวดเร็วทุกการเดินทาง โดยเฉพาะรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง รวมถึงทางพิเศษซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแตะจ่ายค่าผ่านทางได้ถึง 6 สายทาง ได้แก่ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร, ศรีรัช, อุดรรัถยา, ประจิมรัถยา, ฉลองรัช และกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM รวบรวมโปรโมชั่นบัตรเครดิต ฉบับอัพเดตประจำปี 2568 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10% และสิทธิประโยชน์อีกมากมาย คุ้มค่าการเดินทางเป็นอย่างมาก

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูล โทร. 0 2624 5200 หรือติดตามทางช่องทางต่างๆ ได้ที่ Facebook (เฟซบุ๊ก) และ X (เอ็กซ์): BEM Bangkok Expressway and Metro / Instagram (อินสตาแกรม): mrt_bangkok และ Mobile Application (โมบายแอปพลิเคชัน) : Bangkok MRT

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) หรือ อบก. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในการผลักดันและส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกจากการจัดแข่งขันกีฬา ในรูปแบบคาร์บอนนิวทรัลอีเวนต์ (Carbon Neutral Event) เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) พร้อมจัดงานแถลงความร่วมมือ โดยมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนาม และ ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมในพิธี และ นางสาวชรัญญา เพชรสุวรรณนาคะ นางสาวไทย พิษณุโลก 2568 และ Miss Climate Change” ร่วมเป็นกระบอกเสียงในการสร้างการรับรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ์เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ณ ห้องอารีย์สัมพันธ์ ชั้น 3 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

 

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย เรามุ่งมั่นสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวทันต่อสถานการณ์โลกและปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050 ได้ในที่สุด

โอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับทุกองค์กรกีฬาที่ได้ร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในการมุ่งมั่นดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกจากการจัดแข่งขันกีฬา ในรูปแบบคาร์บอนนิวทรัลอีเวนต์ (Carbon Neutral Event) และร่วมเป็นพลังสำคัญในการผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม สิ่งนี้สะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการร่วมมือกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศของเรา

ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เปิดเผยว่า ปัจจุบัน วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายเร่งด่วนของโลก ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งนี้ วงการกีฬา มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม การจัดแข่งขันกีฬานั้นมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นจากการเดินทาง การใช้พลังงาน หรือการใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการรองรับนักกีฬา คณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ ผู้ชม และนักท่องเที่ยว

ดังนั้น อบก. ซึ่งเป็นหน่วยงานให้บริการทางวิชาการ รับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG Certify Body) โดยดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม จึงร่วมกับ กกท. จัดงานในวันนี้ขึ้นเพื่อแถลงความร่วมมือ ในการร่วมเป็นเครือข่ายผลักดัน และสนับสนุนให้ กกท. รวมทั้งสมาคมกีฬาต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เห็นประโยชน์ของการมีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย เสริมสร้างให้สมาคมกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดแข่งขันกีฬา มีความรู้ความเข้าใจ มีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจกและชดเชยด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) เพื่อให้เป็นการจัดแข่งขันกีฬาในรูปแบบ Carbon Neutral Event ซึ่งเป็นการกระตุ้นตลาดคาร์บอนภายในประเทศ โดยในปีงบประมาณ 2568 อบก. มีเป้าหมายส่งเสริมให้เกิดปริมาณการซื้อขายและถ่ายโอนคาร์บอนเครดิต ซึ่งมาจากโครงการ T-VER จำนวน 900,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยในจำนวนนี้มาจากการส่งเสริมการทำกิจกรรมชดเชยคาร์บอนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น องค์กร ผลิตภัณฑ์ การจัดงานอีเวนต์ และระดับบุคคล รวมจำนวน 140,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

สำหรับองค์กรกีฬา ที่ร่วมลงนามความร่วมมือและประกาศเจตนารมณ์เป็นองค์กรที่มุ่งมั่นดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกจากการจัดแข่งขันกีฬา เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 4 องค์กร ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย สมาคมการจัดการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย

ดร.ณัฐริกาฯ  กล่าวด้วยว่า ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ อบก. จะร่วมพัฒนาองค์ความรู้ด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการชดเชยคาร์บอนที่เหมาะสมกับบริบทของ กกท. รวมถึงภาคส่วนด้านการกีฬา และสมาคมกีฬาต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการสร้างจิตสำนึกและพฤติกรรมที่ดีให้กับบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่ในสาขากีฬา ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วม ผ่านการสนับสนุนความรู้เชิงเทคนิค และการอบรม รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้เรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการชดเชยคาร์บอน ผ่านช่องทางการสื่อสารของ อบก.

“ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ จะมีส่วนผลักดันการจัดแข่งขันกีฬาของไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับสากล ตอบโจทย์ทั้งนักกีฬา ผู้ชม นักท่องเที่ยว และนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ตลอดจนสอดรับนโยบายรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และพัฒนาตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตโดยส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนเครดิตของอาเซียนได้ในที่สุด” ดร.ณัฐริกาฯ  กล่าวในตอนท้าย

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ร่วมกับ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงาน “ดีค้าบ เฟสติวัล” (Decarb Festival) ภายใต้แนวคิด “ดีค้าบ – The Decarb Mission” ลดคาร์บอนให้โลกคูลล์ รับปีที่ 20 ของโครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพาเวอร์กรีน (Power Green Camp) หวังปลุกพลังคนรุ่นใหม่ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช่วยลดโลกร้อนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบสร้างสรรค์ (Decarbonization) ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 2-3 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บ้านปูมุ่งผสานพลังงานที่หลากหลายสู่การพัฒนาโซลูชันพลังงานใหม่ที่ยั่งยืน เพื่อให้พร้อมรับเทรนด์พลังงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ Energy Symphonics เราเชื่อว่าการรักษาสมดุลทางพลังงานจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับการจัดการด้านพลังงานบนโลกใบนี้และมีส่วนสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา เราได้ส่งเสริมการลดกระบวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเป็นระบบ (Decarbonization) ในพอร์ตธุรกิจ อาทิ การใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนควบคู่ไปกับระบบแบตเตอรี่ และการส่งเสริมการเดินทางและขนส่งด้วยยานพาหนะไฟฟ้า
ทั้งนี้ เราตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนลง 20% ภายในปี 2030 และก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2050

“บ้านปู ตระหนักดีว่าการบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ซึ่งรวมถึง ‘คนรุ่นใหม่’ บ้านปูและมหาวิทยาลัยมหิดลจึงร่วมสนับสนุนกิจกรรมค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพาเวอร์กรีน (Power Green Camp) มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 20 และปีนี้มาพร้อมความพิเศษด้วยการเพิ่มกิจกรรม ‘ดีค้าบ เฟสติวัล’ (Decarb Festival) ที่มุ่งปลุกพลังสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่มีแพสชันด้านสิ่งแวดล้อมได้มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ร่วมกันตลอด 2 วัน (ระหว่างวันที่ 2-3 พฤษภาคม) ที่อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ”

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อิทธิโชติ จักรไพวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ปัจจุบันโลกเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนและรุนแรงต่อเนื่อง ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลภาวะ ตลอดจนการขยายตัวของเมือง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน มหาวิทยาลัยมหิดลของเรามีนโยบายขับเคลื่อนในด้านสิ่งแวดล้อมหลายด้าน โดยเฉพาะที่คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นคณะสิ่งแวดล้อมแห่งแรกของประเทศไทย เรามุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนแบบสหวิทยาการอย่างบูรณาการ เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรที่ไม่เพียงมุ่งเน้นด้านวิชาการ แต่ยังมุ่งปลูกฝัง ‘หลักคิดและจิตสำนึก’ ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้แบบสหวิทยาการและการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่สามารถเชื่อมโยงประเด็นทางสิ่งแวดล้อม สังคม และการพัฒนา สู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่กล้าออกแบบอนาคตอย่างมีความรับผิดชอบ สอดรับกับวิสัยทัศน์ Top Priority In Environment – เรื่องสิ่งแวดล้อม ต้อง ENVI MAHIDOL”

นายศิวัช แก้วเจริญ ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม หรือกรมลดโลกร้อน กล่าวว่า “ประเทศไทยได้เดินหน้าตามแผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 -2573 (NDC Action Plan on Mitigation 2021 - 2030) ตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2030, มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี 2050 และ Net Zero Emission ในปี 2065 ซึ่งภาครัฐได้กำหนดกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 สาขา ได้แก่ สาขาพลังงาน คมนาคมขนส่ง การจัดการของเสียชุมชนและน้ำเสียอุตสาหกรรม กระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ และเกษตร รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือและกลไกในการสนับสนุนอีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้จะเผชิญข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี และเงินทุน กรมลดโลกร้อนยังคงมุ่งมั่นสร้างความร่วมมือและส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนให้บรรลุตามเป้าที่ประเทศกำหนด และเชื่อว่าการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน การศึกษา และประชาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับเยาวชน ซึ่งถือเป็นพลังที่สำคัญของเครือข่ายความร่วมมือในการขับเคลื่อนเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมในอนาคต รวมทั้งส่งเสริมเยาวชน   ในการปรับตัวให้พร้อมรับมือต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ โครงการพัฒนาเครือข่ายเด็กและเยาวชนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (CCE Children & Youth) โครงการอีโคสคูล (Eco-school) เพื่อเป้าหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนสู่อนาคตเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม”

ทั้งนี้ นอกจากการเสวนาในหัวข้อ “เชื่อมโยงภารกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำ: รัฐ-การศึกษา-เอกชน” ภายในงานยังมีเสวนาในหัวข้อ “20 ปี Power Green Camp สร้างพลังเยาวชนด้วยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม” นำโดย นายรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสายอาวุโส-สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน),รศ. ดร.นพพล อรุณรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, น.สพ.ศรัณย์ นราประเสริฐกุล สัตวแพทย์และนักแสดงที่มีแพสชันด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงศิษย์เก่าเยาวชนค่ายเพาเวอร์กรีน รุ่น 17 เพื่อสะท้อนบทบาทและพลังของของโครงการ Power Green Camp ในการปลูกฝังความรู้และจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน ผ่านการบูรณาการวิทยาศาสตร์เข้ากับการเรียนรู้และการลงมือปฎิบัติจริง รวมทั้งการมีส่วนร่วมของโครงการฯ ในการส่งเสริมศักยภาพเยาวชนเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งในปัจจุบันและอนาคต

 

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี! ระหว่างวันนี้ถึง 3 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และถ้าอยากเดินทางแบบลดคาร์บอน บ้านปูได้จัดรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า 100% มูฟมี (MuvMi) รับ-ส่งฟรีระหว่างสถานีรถไฟฟ้า MRT สามย่านและอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กเพจ https://www.facebook.com/powergreencamp

หลัง ครม.ไฟเขียว มอบ 928 ทุน เสริมแกร่งเด็กไทยเรียนรู้ดิจิทัล ใช้ชีวิตต่างแดน เปิดโอกาสสำหรับโลกอนาคต

ตอบทุกไลฟ์สไตล์ ให้ใช้ชีวิตได้อย่าง “มั่นใจ ปลอดภัย คุ้มค่า สะดวก รักษ์โลก” 

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ทำรายการรับ-ส่งเงินโอนต่างประเทศ Western Union ผ่านช่องทาง krungsri app สำเร็จเป็นครั้งแรก ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด รับ Shopee e-Coupon รวมมูลค่า 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 – 30 มิถุนายน 2568

สำหรับบริการรับ-ส่งเงินโอนต่างประเทศ Krungsri Western Union บน krungsri app ไม่ต้องสมัครหรือรอการอนุมัติ ใช้งานได้ทันที เพียงมีบัญชีธนาคารกรุงศรี เพื่อรับเงินจากต่างประเทศหรือใช้ส่งเงินไปต่างประเทศ และ krungsri app ก็รับ-ส่งเงิน โอนต่างประเทศได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/personal/wu-on-krungsri-app-shopee 

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มอบความคุ้มค่าที่มากกว่าให้กับลูกค้าที่เป็นนักเดินทางและนักช้อปที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ทีทีบี บัตรเครดิต ทีทีบี โกลบอลเฮ้าส์ และบัตรเครดิต ทีทีบี ดิสนีย์ ประเภทบุคคลธรรมดา ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี มหานคร พัทยา ภูเก็ต สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และซิตี้บูทีค วัน แบงค็อก รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 6,400 บาท เมื่อมียอดแบ่งชำระ 0% นาน 6 เดือน ตั้งแต่ 30,000 บาท ขึ้นไป / เซลล์สลิป ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ถึง 30 มิถุนายน 2568 สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชัน ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/kingpower-ipp-apr25

ทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าบัตรเครดิตใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 7% - 16% ต่อปี เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้ และอนาคต

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงาน “MOF Journey 150 ปี เส้นทางการคลังไทย” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม 2568 พร้อมเยี่ยมชมบูธธนาคารออมสิน ร่วมกับนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง โดยมี นายธีรัชย์ อัตนวานิช ประธานกรรมการธนาคารออมสิน นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ร่วมพิธีและให้การต้อนรับ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง

 

ซึ่งธนาคารได้จัดโปรโมชันเงินฝากเพื่อส่งเสริมการออม ได้แก่ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 150 วัน อัตราดอกเบี้ยแบบ Step up เฉลี่ย 2.55% ต่อปี หรือเทียบเท่าเงินฝากประจำ 3.00% ต่อปี จองสิทธิ์ภายในงาน จำนวนจำกัด วันละ 150 สิทธิ์ และ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ สลากออมสินพิเศษ 1 ปี “ออมร้อย ชิงร้อยล้าน” ลุ้นรับรางวัลพิเศษมูลค่ารวม 100 ล้านบาท แบ่งเป็น รางวัลพิเศษ มูลค่า 1 ล้านบาท งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 จำนวน 30 รางวัล และรางวัลพิเศษ มูลค่า 70 ล้านบาท งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 จำนวน 1 รางวัล รวมถึง เงินฝาก Smart Junior เพื่อเด็กและเยาวชนที่มีอายุ 7 – 23 ปีบริบูรณ์ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.50% ต่อปี และได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 2.10% ต่อปี เมื่อมียอดเงินฝากคงเหลือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาฝากรวม 30 เดือน เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1 บาท และเปิดบัญชีเงินฝาก 100 บาทขึ้นไป รับกระปุกออมสินคอลเลกชันพิเศษ GSB Love Earth ณ Hall 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568

เปิดฉากแล้ววันนี้ งาน "Pet Expo Thailand 2025" งานแสดงสินค้าสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในไทย จัดยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 25 ปี ระหว่างวันที่ 1-4 พ.ค. นี้ ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 300 บริษัท กว่า 850 บูธ นำเสนอสินค้า บริการ และนวัตกรรมล้ำสมัยสำหรับสัตว์เลี้ยงทุกประเภท ไฮไลท์สัตว์แปลกหายากจากทั่วโลก พร้อมทั้งกิจกรรมประกวดมากมาย คาดผู้เข้าชมตลอด 4 วันกว่า 200,000 คน

ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้จัดพิธีเปิดงาน "Pet Expo Thailand 2025" งานแสดงสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีบริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้สนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานต่าง ๆ ผู้ประกอบการในวงการสัตว์เลี้ยง และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง นอกจากนี้ ภายในงาน บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ยังได้มอบเงินสนับสนุนให้แก่ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย 1. มูลนิธิเพื่อสัตว์เกาะลันตา 2.บ้านกัญญาภัทรเพื่อหมาแมวที่ถูกทอดทิ้ง 3.หมาจรชะอำ เพื่อช่วยเหลือสุนัขและแมวที่ถูกทอดทิ้ง

สำหรับงาน "Pet Expo Thailand 2025" ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "มิตรภาพเพื่อนรัก ไร้พรมแดน - Friendship Beyond Frontier" โดยครั้งนี้จัดยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 25 ปี ระหว่างวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2568 บนพื้นที่จัดแสดงกว่า 22,000 ตารางเมตร อัดแน่นฮอลล์ 5-8 จัดเต็มชั้น LG ซึ่งรวบรวมผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 300 บริษัท กว่า 850 บูธ พร้อมนำเสนอสินค้า บริการและนวัตกรรมล้ำสมัยสำหรับสัตว์เลี้ยงทุกประเภท

 

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวในพิธีเปิดงาน Pet Expo Thailand 2025 ว่า การจัดงานในปีนี้มุ่งขยายขอบเขตการนำเสนอให้ครอบคลุมกลุ่มต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยในปัจจุบันที่มีมูลค่าผลประกอบการรวมกว่า 258,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัวและพร้อมลงทุนเพื่อการดูแลอย่างดีที่สุด

สำหรับไฮไลท์สำคัญที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเปิดงาน คือโซน Exotic Pet ที่นำเสนอสัตว์หายากจากทั่วโลก โดยเฉพาะ "เต่ายักษ์อัลดาบร้า" เต่าบกขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก และ "เต่าซูคาต้า" เต่าบกใหญ่อันดับ 3 ของโลก นอกจากนี้ยังมีสัตว์แปลกตาอีกมากมาย เช่น หนูจิงโจ้ สกั๊งค์ กบต้นไม้ งูหลามบอล แมงมุมทารันทูล่า และสัตว์อื่น ๆ อีกเพียบ ที่หาชมได้ยากในประเทศไทย พร้อมการประกวดเหมียวเพื่อนซี้ ในวันศุกร์ที่ 2 และการประกวดงูใหญ่ ในวันอาทิตย์ที่ 4 และกิจกรรมอีกมากมาย

 

โซน Pet Village ก็ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน โดยจัดแสดงนกหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งนกแก้วซันคอนัว นกเค้าแมวยักษ์ นกเค้าหน้าขาว นกเค้าแมวอินทรีไซบีเรีย นกแก้วแอฟริกันเกรย์ ฯลฯ พร้อมด้วยสัตว์ฟาร์มอย่าง Call Duck, Pygmy Goat, Pot Bellied Pig, Angola Goat, แกะ และ Pony Shetland รวมถึงไฮไลท์พิเศษอย่าง "Bobby Capybara and Friend" คาปิบาร่าแสนน่ารักที่มาพร้อมเพื่อนพิเศษให้ผู้เข้าชมได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และชินซิลล่าพันธุ์ ROYAL PERSIAN ANGORA ซึ่งเป็นสายพันธุ์เกิดใหม่มาจัดแสดงภายในงานด้วย

สำหรับคนรักกระต่ายและสัตว์ฟันแทะ งานนี้ได้นำกระต่าย French Lop พันธุ์หูตก ไซซ์ยักษ์ ฉลาดที่สุดในโลก สี Blue Point ซึ่งเป็นสีหายาก หนึ่งเดียวในเอเชียมาจัดแสดง และในวันเสาร์ที่ 3 และอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม จะมีการประกวดกระต่ายและหนูเควี่ ARBA Sanctioned Show โดย Siam Rabbit and Cavy Association ที่มีกรรมการชื่อดัง Wade Burkhalter และ Aik Kang Beh จาก American Rabbit Breeders Association (ARBA) ของประเทศสหรัฐอเมริกามาร่วมตัดสิน

 

ในส่วนกิจกรรมก็อัดแน่นไม่แพ้กัน งานนี้มีการแข่งขัน "เหมียวหม่ำๆ" และ "เหมียวนักตบ" โดย Katty Boss ให้คุณได้ชมความน่ารักของเหล่าแมวเหมียว รวมถึงการแข่งขัน "หมาน้อยลมกรด", "หมาฉันไปไหนก็ได้ - My Dog Anywhere", "วิ่งข้ามรั้ว", "High Jump", "Dog Agilities" และ "สเก็ตบอร์ดดิ้ง" ที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมจำนวนมาก

นอกจากการแข่งขันสำหรับสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังมีกิจกรรมฮาเฮสำหรับทุกคนในครอบครัว เช่น "นุดลากเลื่อน", "ไฮไฟว์", "ตาจ้องตาน้องเหมียว & น้องหมา", "แปะสลัดสบัด", DIY มงกุฎเทพเจ้า และเกมส์ฮาเฮอีกมากมาย ส่วนผู้ที่สนใจการดูแลสัตว์เลี้ยง ยังมีกิจกรรม Workshop "มือใหม่หัดเล็มตกแต่งมังคุด" จาก I-tail, Workshop เทคนิคฝึกน้องไม่แย่งของกิน และ "Dog's Yoga" กีฬาสาธิตที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจด้วย

 

ภายในงานยังมีโซนเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่รวบรวมสินค้าล้ำสมัย อาทิ ปลอกคอ GPS, กล้องติดตามสัตว์เลี้ยง, เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ, อุปกรณ์ IoT ต่างๆ ตลอดจนแอปพลิเคชันที่ช่วยบันทึกข้อมูลสุขภาพสัตว์เลี้ยงอย่างแม่นยำ ฯลฯ สะท้อนเทรนด์การใช้นวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อการดูแลสัตว์ (Smartization) ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง

สำหรับกิจกรรมพิเศษที่พลาดไม่ได้ คือ การปรากฏตัวของเหล่าศิลปินคนดัง โดยในงาน Pet Expo Thailand 2025 ปีนี้ ทั้งผู้จัดงานและผู้ร่วมแสดงสินค้าแบรนด์ดังต่างล็อกคิวบรรดาศิลปินตัวท็อป เพื่อมามอบความบันเทิง สนุกสนาน อบอุ่นและประทับใจให้กับผู้เข้าชมงานและแฟนคลับแบบจัดเต็มตลอดระยะเวลา 4 วัน อาทิ Royal Canin ตัวจริงเรื่องสุขภาพหมาแมว x สกายนานิ, “มาร์โว่ แปลงร่างเป็น หม่าโว้ววววว” โดยแจม รัชตะ, แนท ณัฐสิทธิ์ โดยแบรนด์ Ramy, เจมส์ จิรายุ Fan Meeting โดยแบรนด์ Smart Heart, ต้าเหนิง โดยแบรนด์ Unicharm, อาโป ซองนี้เพื่อเหมียว โดยแบรนด์ Ostech, ไดโนกรธัสส์ แม้ก กรธัสส์ โดยแบรนด์ VIF และ Nekko x เจมีไนน์โฟร์ท

 

นายศักดิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า "Pet Expo Thailand 2025 ไม่ใช่เพียงงานแสดงสินค้า แต่คือพื้นที่แห่งมิตรภาพ ความรัก และแรงบันดาลใจระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง เราต้องการสร้างชุมชนคนรักสัตว์เลี้ยงที่เข้มแข็ง เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ และแหล่งรวมนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับการดูแลเพื่อนสี่ขาอย่างดีที่สุด คาดว่าตลอดระยะเวลาจัดงาน 4 วันจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 200,000 คน โดยเราได้เตรียมพื้นที่จอดรถในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่รองรับได้กว่า 3,000 คัน และสถานที่ที่จอดรถในบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ ลานตลาดนัดโรงงานยาสูบ, อาคารจอดรถ Thai Bev Head Quarter, ลาน The PARQ, อาคาร The PARQ, ลานจอดรถ FYI รวมพื้นที่ถึง 5,000 คัน และร่วมทำโปรโมชันพิเศษกับ LINE MAN Eco มอบส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ใช้บริการที่ต้องการเดินทางมางาน"

 

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน Pet Expo Thailand 2025 สามารถเดินทางมาได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ เริ่มเวลา 09.30 น.) ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีโปรโมชั่นพิเศษมากมายสำหรับผู้เข้าชมงาน อาทิ สินค้าลดสูงสุดถึง 50% และโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 จากแบรนด์ชั้นนำ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.petexpothailand.net เฟซบุ๊ก Petexpoclub ช่องทางทวิตเตอร์ @PetexpoclubTH1 หรือแอดไลน์เพิ่มเพื่อน เพื่อติดตามทุกความเคลื่อนไหวของงานและโปรโมชั่นเด็ด ๆ ก่อนใครได้ที่ @petexpoclub

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เร่งเดินหน้าการเป็นเจ้าภาพหลัก สำหรับประเทศไทยในการร่วมจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24–27 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ภายใต้การนำของ 3 กระทรวงใหญ่ของไทย อย่าง กระทรวง ดีอี, กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ที่ผนึกกำลังร่วมกันจัดขึ้น เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้นำและผู้แทนจากประเทศต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนนักวิชาการจาก 194 ประเทศสมาชิก UNESCO มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง แชร์ความรู้ และข้อมูลสำคัญ ตลอดจนวิสัยทัศน์ ที่นำไปสู่การวางรากฐานอนาคตจริยธรรม AI ที่โปร่งใสเป็นธรรม เคารพสิทธิมนุษยชนสอดคล้องตามมาตรฐานสากล ‘UNESCO Recommendation on the Ethics of AI’ สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน เพื่อให้การพัฒนา AI เป็นไปในทิศทางที่รับผิดชอบต่อสังคมโลกอย่างแท้จริง

โดยการประชุมนี้มีไฮไลท์ของการหารือระดับนโยบายที่สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิมนุษยชนกับการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล, ธรรมาภิบาล AI มาตรฐานและแนวปฏิบัติที่โปร่งใส ตรวจสอบได้และรับผิดชอบ, AI กับอนาคตการศึกษา สู่การเปลี่ยนแปลงแห่งการเรียนรู้ ที่เพิ่มโอกาส,  การขับเคลื่อนนวัตกรรม AI และการลดความเหลื่อมล้ำ, AI และอนาคตของแรงงาน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน เป็นต้น

“ประเทศไทยเราไม่เพียงพร้อมในฐานะเจ้าภาพจัดงาน แต่เราพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านจริยธรรม AI ไปพร้อมประชาคมโลก และร่วมแสดงศักยภาพผ่านบทบาทเชิงรุกในการขับเคลื่อนจริยธรรมและนโยบายการกำกับดูแล AI ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ตลอดจนทิศทางการขับเคลื่อนโครงการ AI Governance Practice Center ศูนย์กลางพัฒนาขีดความสามารถด้าน AI Governance แห่งแรกของเอเชียแปซิฟิก ที่มุ่งส่งเสริมความร่วมมือระดับนานาชาติ เร่งพัฒนาแนวทางและมาตรฐานด้าน AI ที่สอดคล้องกับหลักจริยธรรมและธรรมาภิบาล ตามแนวทาง UNESCO ต่อนานาประเทศ นายประเสริฐ กล่าว

พร้อมกันนี้ผู้เข้าร่วมประชุมงาน ยังจะได้สัมผัสและเรียนรู้ความงดงามของวัฒนธรรมไทยอย่างใกล้ชิด ทั้งการดื่มด่ำกับความยิ่งใหญ่ของเมืองมรดกโลก การแสดงศิลปะแห่งจิตวิญญาณไทย พร้อมเปิดประสบการณ์กับวิถีชีวิตที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนอัตลักษณ์ของประเทศไทยอย่างภาคภูมิ แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงพลัง Soft Power ของประเทศสู่สายตานานาชาติที่จะต่อยอดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ในอนาคต

นอกจากกิจกรรมข้างต้น งานนี้ยังมี Side Event ที่น่าสนใจ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วมที่นอกเหนือจากการประชุมวิชาการที่จัดขึ้น ทั้งจากสถาบันการศึกษา นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญที่สนใจ ผ่านกิจกรรมต่างๆ กับ “Bangkok AI Week 2025” ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรม AI Pitching จากสถาบันการศึกษา อย่าง การแข่งขัน  Beyond Green AI for a Thriving Future Pitch Competition จาก AI Engineering Institute (AIEI) และ CMKL University รวมถึง กิจกรรม Call for Papers – UNESCO Global Forum on Ethics of AI 2025 จากมหาวิทยาลัยบูรพา ที่เปิดพื้นที่ให้นักวิชาการ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญ ร่วมส่งบทความด้านจริยธรรม ธรรมาภิบาล และความยั่งยืนที่เชื่อมโยงกับ AI เพื่อร่วมนำเสนอและอภิปรายผ่าน Side Event ที่จัดขึ้น สู่การร่วมสร้าง ‘แลนมาร์กทางด้านจริยธรรมและนโยบาย AI’ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ไปด้วยกัน - ติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการประชุมนานาชาติ  The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 เพิ่มเติมได้ที่ https://www.globalforumethicsai.com/ หรือเพจเฟซบุ๊ก ETDA Thailand

X

Right Click

No right click