December 06, 2025

วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของไทยรุกตลาดซัมเมอร์เมืองไทยด้วย "Mega Buffet" หนึ่งในซิกเนเจอร์โปรโมชันยอดนิยมที่อยู่คู่วัตสันมานานกว่า 12 ปี พร้อมสร้างสีสันให้วงการอีกครั้ง ภายใต้แนวคิด "ชอปง่าย จ่ายคุ้ม" ที่ผสานความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคแบบอินไซต์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยความหลากหลายที่คุ้มค่าอย่างลงตัว

เจาะลึกความสำเร็จของ "Mega Buffet" ปรากฏการณ์ชอปปิงที่ได้ทั้งความสนุกและความคุ้มค่า

หากพูดถึง Buffet ในเมืองไทย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ แต่ถ้าหากกับตลาดเพื่อสุขภาพและความงามแล้ว วัตสันคือผู้บุกเบิกที่นำเอากิมมิคความสนุกนี้มาปรับใช้กับการชอปปิงได้อย่างกลมกล่อม ครอบคลุมทุกหมวดสินค้ายอดนิยม อาทิ สกินแคร์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์ด้านราคา แต่ยังมอบอิสระในการเลือกที่หลากหลายให้กับผู้บริโภค สะท้อนความเข้าใจในวัฒนธรรม “Buffet” ที่คนไทยคุ้นเคยและผูกพันในแง่ "ความหลากหลาย" และ "ความคุ้มค่า" ที่จับต้องได้

อิศราวดี มีป้อม Customer Controller วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า " เรามองว่าการสร้างประสบการณ์ชอปปิงที่เอื้อให้ลูกค้าได้ออกแบบการซื้อด้วยตนเองเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในระยะยาว นี่คือแก่นแท้ของ Customer-Centric ในแบบฉบับวัตสัน"

ความสนุก 3 ประการ

  1. ความหลากหลายของสินค้า (Product Variety)

วัตสันคัดสรรสินค้ามากกว่า 2,000 รายการจากแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ผิวกาย เครื่องสำอาง อาหารเสริม และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

  1. รูปแบบโปรโมชันที่เข้าใจง่าย (Simple Promotion)

คอนเซ็ปต์ “Buffet” ที่ลูกค้าเข้าใจได้ทันทีถึงความคุ้มค่า และการจ่ายราคาเดียว การสื่อสารชัดเจนและไม่ซับซ้อน สร้างความรู้สึกคุ้มค่าทันทีที่เห็น

  1. ความเข้าใจลูกค้า (Customer-Centric)

จากผลสำรวจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าวัตสันกว่า 4,000 คน พบว่า

  • 87% ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มค่ามากกว่าราคาถูก
  • 76% ต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกสินค้าที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน

คุณอิศราวดี กล่าวเสริมว่า "ยุคนี้ไม่ใช่แค่ราคาถูกที่ชนะใจผู้บริโภค แต่เป็นการมอบประสบการณ์ที่พิเศษและตรงใจ นี่คือกุญแจสำคัญที่ทำให้แคมเปญ Mega Buffet ของเราประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง”

Watsons Mega Buffet ชวนทุกคนมามิกซ์แอนด์แมทช์สินค้าที่ใช่ จำนวน 3 ชิ้นคละได้ในราคาเดียว เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ เริ่มต้นที่ 99 บาท และ 199 บาท สำหรับสมาชิกวัตสันคลับ เอนจอยชอปปิงได้ตั้งแต่ 22 เมษายน – 21 พฤษภาคม 2568 ที่ร้านวัตสันทุกสาขาทั่วประเทศ และทางวัตสันออนไลน์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย หรือ Line Official @WatsonsTH, เว็บไซต์ Watsons.co.th หรือผ่านแอป WatsonsTH ดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store และ App Store  

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ ผศ.สุดา ปีตะวรรณ ที่ปรึกษาด้านบัญชีและการเงิน บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) พร้อมด้วยนายสุริศักดิ์ ทำนุวงศ์ รองผู้ว่าการธนาคารแห่งสปปลาว ท่านนาง แพงสี แพงเมื่อง หัวหน้าสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์ลาว นายเสียวสวาท ทีระกุล ผู้อำนวยการตลาดหลักทรัพย์ลาว และดร.เทพสวรรค์ กิตติวงศ์ ผู้อำนวยการบริษัทหลักทรัพย์ BCEL-KT ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน เข้าร่วมแสดงความยินดีในพิธีเปิดการซื้อขายหุ้นวันแรกอย่างเป็นทางการของ Lao-China Securities Public Company (LCS) โดยมีนายลิน ลี ผู้อำนวยการบริษัท ให้การต้อนรับ โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างสง่างามสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาตลาดทุนของบริษัทฯ งานครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญของ LCS ในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน พร้อมทั้งตอกย้ำบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ณ ตลาดหลักทรัพย์ลาว (LSX) เมื่อเร็วๆนี้

‘137 ดีกรี®’ (137 degrees®) ประกาศความสำเร็จ 10 ปี ตอกย้ำเบอร์หนึ่งนมอัลมอนด์ในไทยมูลค่าตลาด รวมกว่า 800 ล้านบาท เปิดตัวนวัตกรรมนมอัลมอนด์โปรตีนสูง 11 กรัม 2 รสชาติ สูตรออริจนอล และช็อคโกแลตเป็นเจ้าแรกในไทย ดึง ‘ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต’ ตัวจริงสายสุขภาพสื่อสารแบรนด์พรีเมียมปีที่ 2 ตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจตัวเองมากขึ้น ตั้งเป้าปีนี้ยอดขายเติบโต 2 หลัก จากแผนบุกค้าปลีกทั่วไทย ควบคู่ HORECA กลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร การจัดเลี้ยง และตลาดส่งออก 35 ประเทศทั่วโลก เปิดแผนก้าวต่อไปมุ่งสู่ยุคของ Zero Carbon

นางสาวอริสา อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด เปิดเผยว่า กระแสความนิยมการบริโภคอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในปี 2025 และแนวโน้มปี 2026 เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนจากตลาดนมอัลมอนด์ปี 2024 มีมูลค่ากว่า 825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อนหน้า 671 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดนมอัลมอนด์เป็นอันดับหนึ่งท่ามกลางสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูง และมีผู้เล่นใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

โปรตีนสูง 11 กรัม นวัตกรรมใหม่นมทางเลือก

ล่าสุด “137 ดีกรี®” ได้เปิดตัวนวัตกรรม นมอัลมอนด์ ยูเอชที โปรตีนสูง 11 กรัมเป็นเจ้าแรกในไทย 2 รสชาติ สูตรออริจินอลและช็อคโกแลต ที่ดื่มง่าย ไม่สากคอ ยูเอชทีพร้อมดื่ม และพกพาง่าย เก็บได้นานถึง 1 ปี แม้ไม่ได้แช่เย็น ซึ่งเป็นตัวเลือกช่วยคุมความหิว
และเติมเต็มโปรตีนที่ร่างกายต้องการต่อวันได้ดี

นางสาวอริสา กล่าวว่า หลักของการบริโภคโปรตีนที่พอดีต่อร่างกาย ผู้บริโภคแต่ละคนอาจจะไม่ได้ต้องการโปรตีนเสริมในปริมาณที่สูงที่สุดเสมอ เพราะหากบริโภคโปรตีนเข้าไปแต่เกินความจำเป็นของร่างกายจะทำให้สะสมเป็นไขมันส่วนเกิน และอาจทำให้ไตทำงานหนักได้ บริษัทฯ จึงได้นำเสนอนมอัลมอนด์โปรตีนสูง 11 กรัมที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจการมีสุขภาพที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน 

‘ชมพู่ อารยา’ Presenter Marketing ปีที่ 2

นอกจากนี้  “137 ดีกรี®” ได้เปิดตัว “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” นักแสดงและเซเลบริตี้ ที่ใส่ใจในสุขภาพและรักการออกกำลังกาย รวมทั้งยังเป็นลูกค้าที่บริโภคจริงมาเป็นระยะเวลานานมาทำหน้าที่เป็นตัวแทนสื่อสารแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้างเป็นปีที่ 2 หลังจากปีที่ผ่านมาสามารถสร้างกระแสตอบรับที่ดีมากในตลาด 

“ภาพลักษณ์ของคุณชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ช่วยตอกย้ำความพรีเมียมของสายสุขภาพให้กับแบรนด์ 137 Degrees® ได้ดีประกอบกับการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง นมอัลมอนด์โปรตีนสูง มีความเข้ากันอย่างเหมาะเจาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณชมพู่ ที่ใส่ใจสรรหา
และบริโภคโปรตีนให้ครบถ้วนในชีวิตประจำวันทั้งวันที่ออกกำลังกายก็ตาม” นางสาวอริสา กล่าว

‘137 degrees®’ 10 ปีที่แข็งแกร่ง

ภายใต้แบรนด์ “137 ดีกรี®” นางสาวอริสา กล่าวว่า แบรนด์ผู้บุกเบิกตลาดนมทางเลือกเจ้าแรกในไทย และได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับ 1 ในไทยมาตลอดระยะเวลา 10 ปี

สำหรับแผนการตลาดเชิงรุกในปีนี้ เน้นทำคอนเทนต์ (Content) ไปพร้อมกับการตลาดอีคอมเมิร์ช (E-Commerce) ที่เน้นสื่อสารใน 4 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1.คุณประโยชน์ และการเข้าถึงไลฟ์สไตล์ 2.ข้อมูลในโลกออนไลน์ 3.คุณภาพของสินค้าและบริการ
4.โปรโมชัน ทั้งนี้เพื่อสอดรับไปกับผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสนใจเนื้อหาและซื้อสินค้าออนไลน์ผ่าน E-Commerce Platforms มากขึ้น

“ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพสินค้าของเรา หากนึกถึงนมทางเลือกพรีเมียม ในราคาจับต้องได้ หลายคนจะนึกถึง 137 ดีกรี® เป็นอันดับแรก” นางสาวอริสา กล่าว

รุกทุกช่องทาง ‘ไทย-ทั่วโลก’

นอกจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว นางสาวอริสา กล่าวว่า การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศเป็นอีกเป้าหมายสำคัญที่ผลักดันให้มากขึ้นในปีนี้

ปัจจุบัน บริษัทฯ เพิ่มศักยภาพพร้อมแข่งขันกับตลาดนมทางเลือกที่มีมากขึ้น เน้นกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ ทั้ง 77 จังหวัด รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ห้างค้าปลีกใหญ่ที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งแต่ในละช่องทางมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง รวมถึงช่องทาง HORECA ที่เป็นช่องทางบริการ (โรงแรม ร้านอาหาร การจัดเลี้ยง) โดยเป็นผลมาจากระยะหลังมีผู้บริโภคแสดงความต้องการทานอาหาร และเครื่องดื่มแลคโตสฟรีมากยิ่งขึ้น ทำให้ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงแรม หลายๆ แห่งมีช่องทางการนำเสนอสินค้าทางเลือกที่เป็นนมอัลมอนด์ให้กับผู้บริโภคอย่างแพร่หลายมากขึ้นกว่าเดิมมาก

ขณะที่การขยายตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันได้ส่งออกแล้วกว่า 35 ประเทศทั่วโลก และยังคงมุ่งมั่นในการขยายตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

นมอัลมอนด์ ตัวท็อปพอร์ตสินค้าสุขภาพ

ปัจจุบัน แบรนด์ “137 ดีกรี®” มีกลุ่มนมอัลมอนด์ และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างมาก รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวล่าสุด นมอัลมอนด์โปรตีนสูง 11 กรัม สูตรออริจินอล และช็อคโกแลต เพราะนอกจากประโยชน์ด้านโภชนาการแล้ว ยังมีจุดเด่นด้านรสชาติอร่อย ดื่มง่าย เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย ในราคาที่จับต้องได้เพียง 29 บาท

โดยภาพรวมของแบรนด์ “137 ดีกรี®” มีผลิตภัณฑ์ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มนมอัลมอนด์ มี 11 รสชาติ นมอัลมอนด์สูตรดั้งเดิม, สูตรอันสวีทเทนด์ (ไม่เติมน้ำตาล), สูตรกาแฟลาเต้,นมอัลมอนด์ผสมมอลต์, นมอัลมอนด์สูตรอโวคาโดและผักรวม, นมอัลมอนด์สูตรแครอทและผักรวม, นมอัลมอนด์สูตร A to Zinc, นมอัลมอนด์สูตร DHA, นมอัลมอนด์สูตรเมล็ดแอพพริคอท และนมอัลมอนด์ผสมน้ำนมถั่วเหลืองโปรตีนสูง (สูตรดั้งเดิม หรือสูตรช็อคโกแลต)

2. กลุ่มนมวอลนัท มี 2 รสชาติ นมวอลนัทสูตรดั้งเดิมและสูตรชาเขียวมัทฉะ 3. กลุ่มนมพิสตาชิโอ มี 2 รสชาติ นมพิสตาชิโอ สูตรดั้งเดิมและสูตรดับเบิ้ลช็อคโกแลต และ 4. กลุ่มนมแมคคาเดเมีย

ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 2 หลัก

จากภาพรวมตลาดนมอัลมอนด์ และเครื่องดื่มสุขภาพที่เติบโตนั้นเป็นผลมาจากคนไทยมีแนวโน้มดื่มเครื่องดื่มรสหวานลดลงในทุกกลุ่มอายุ ในทางตรงกันข้าม กระแสความนิยมการบริโภคอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกลับพบว่าเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่ผู้บริโภคตระหนักถึงการบริโภคที่สนับสนุนการมีสุขภาพที่ดี ทำให้ปัจจุบันผู้บริโภคยุคใหม่มีแนวคิดในการเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่เปลี่ยนแปลงไป มุ่งเน้นความพึงพอใจในรสชาติ และให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการ  แหล่งที่มาของอาหารที่สนับสนุนการมีสุขภาพที่ดี พร้อมด้วยแพคเกจจิ้งดีไซน์ทันสมัย พกพาสะดวก และ ซื้อหาง่าย ซึ่ง “137 ดีกรี®” เป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างตรงจุดสำหรับตลาดนมทางเลือก เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย

นางสาวอริสา กล่าวว่า บริษัทฯ เน้นการรักษาสัดส่วนแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคอันดับ 1 ในไทยและภูมิภาคต่อไป และยังคงเติบโตในอัตรา Double Digits % ต่อปี

พร้อมกันนี้ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาสิ่งใหม่ และไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ จากวัตถุดิบคั้นสดจากถั่วเต็มเมล็ด ราคาจับต้องได้ เพื่อครองใจผู้บริโภคในหลายประเทศทั่วโลกต่อไป รวมถึงการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ และให้ความสำคัญกับการลดใช้พลังงานและของเสียออกจากโรงงาน ผ่านการใช้ Renewable Energy เพื่อปรับตัวให้เข้ากับนโยบายของหลายประเทศที่ปัจจุบันมุ่งเข้าสู่ ยุคของ Zero Carbon การทำธุรกิจที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

เวียตเจ็ท (เวียดนาม) รับมอบเครื่องบินแอร์บัส A321neo ACF หมายเลขทะเบียน VN-A516 เข้าประจำการเป็นลำที่ 117 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของฝูงบิน รองรับแผนการขยายเส้นทางบินและการเติบโตในปี 2568 พร้อมเตรียมเปิดเที่ยวบินตรงใหม่จากโฮจิมินห์ซิตี้ สู่ นาโกย่า และ ฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น

เครื่องบินลำใหม่ออกเดินทางจากเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี และลงจอด ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต โฮจิมินห์ซิตี้ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 โดยพร้อมให้บริการทันช่วงวันหยุดสำคัญของเวียดนาม เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีการรวมชาติและวันแรงงาน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการเดินทางเพิ่มสูงขึ้น การเสริมฝูงบินครั้งนี้จะช่วยรองรับผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครื่องบินแอร์บัส A321neo ACF ลำใหม่มาพร้อมห้องโดยสารที่ทันสมัย กว้างขวาง และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 20 และลดมลพิษทางเสียงได้ถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า สะท้อนความมุ่งมั่นของเวียตเจ็ทในการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนความยั่งยืน

การรับมอบเครื่องบินครั้งนี้นับเป็นลำที่ 3 ของปี 2568 โดยเวียตเจ็ทยังมีแผนรับมอบเครื่องบินลำใหม่จากทั้งแอร์บัสและโบอิ้งอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เตรียมมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในสายการบินที่มีฝูงบินทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดในภูมิภาค

พร้อมกันนี้ เวียตเจ็ทเดินหน้าขยายเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศ เปิดให้บริการเส้นทางบินตรงใหม่ 2 เส้นทาง จาก โฮจิมินห์ซิตี้ สู่ นาโกย่า (สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน) และ ฟูกุโอกะ (สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน) โดยเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของทั้งสองเส้นทางได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ณ ท่าอากาศยานปลายทางในญี่ปุ่น

นอกจากนี้ สายการบินฯ ยังเตรียมเปิดบริการใหม่ 4 เส้นทาง เชื่อมต่อฮานอยและโฮจิมินห์ซิตี้กับปักกิ่งและกวางโจว ประเทศจีน รวมถึงเส้นทางใหม่สู่ประเทศอินเดีย และเตรียมเปิดบริการเส้นทาง ฟู้โก๊วก – สิงคโปร์ ในเดือนพฤษภาคมนี้

เวียตเจ็ทตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเพิ่มทางเลือกการเดินทางให้กับผู้โดยสาร พร้อมส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะสายการบินยุคใหม่ที่เชื่อมโยงเวียดนามกับจุดหมายปลายทางสำคัญทั่วโลก

นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ พร้อมด้วย ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH ร่วมแถลงผลการดำเนินงาน พร้อมตอบข้อซักถามจากผู้ถือหุ้น ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบ Hybrid Meeting ณ ห้องเลอ คองคอร์ด บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมสวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดา และผ่านระบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568

การประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย  โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในอัตราหุ้นละ 2.60 บาท โดยบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 1.60 บาท  และจะจ่ายส่วนที่เหลืออีกในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568  โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 11 มีนาคม 2568

นอกจากนี้ คณะผู้บริหารได้เผยถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้หลักธรรมาภิบาล โดยครอบคลุมทั้งธุรกิจประกันภัยซึ่งเป็นแกนหลัก กลุ่มธุรกิจสนับสนุน และกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและต่อเนื่องให้กับผู้ถือหุ้น พร้อมเดินหน้านำพาองค์กรสู่การเป็น Sustainable Company อย่างแท้จริงในระยะยาว

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ นายภาณุพงศ์ ขันธโมลีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรวอลเลย์บอลสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, มลิกา กันทอง, สุพัตรา ไพโรจน์ และทีมนักกีฬาสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค ที่เดินทางมาเพื่อมอบถ้วยแชมป์ พร้อมแสดงความขอบคุณแก่ ทิพยประกันภัย ในฐานะผู้สนับสนุนหลักในการแข่งขันวอลเลย์บอลไทยแลนด์ ลีก ฤดูกาล 2024–2025

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กล่าวแสดงความยินดีกับทีมนักกีฬา โค้ช และทีมงานทุกท่าน ที่ร่วมแรงร่วมใจ ฝ่าฟันอุปสรรค และมุ่งมั่นจนสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ตลอดเส้นทางตั้งแต่ฤดูกาล 2022–2023 จนถึงปัจจุบัน ทิพยประกันภัยได้ให้การสนับสนุนสโมสรสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค อย่างต่อเนื่อง และได้เห็นถึงความพยายาม ความทุ่มเท ความมีวินัย ตลอดจนจิตวิญญาณนักสู้ที่งดงามของทุกคน วันนี้เรารู้สึกยินดีและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นถ้วยแชมป์อีกครั้งในฤดูกาลต่อ ๆ ไป

นอกจากนี้ ทิพยประกันภัยยังมุ่งมั่นสนับสนุนวงการกีฬาหลากหลายรูปแบบ ไม่เพียงในระดับสโมสร หากยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเยาวชน ผ่านการสร้างโอกาส จุดประกายแรงบันดาลใจ และเสริมสร้างศักยภาพนักกีฬารุ่นใหม่ เพื่อก้าวขึ้นสู่ทีมชาติและสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติต่อไป”

"กีฬาไม่เพียงเป็นเวทีแห่งการแข่งขัน หากยังหล่อหลอมคุณค่าอันสำคัญ อาทิ น้ำใจนักกีฬา ความสามัคคี การทำงานเป็นทีม ตลอดจนการส่งเสริมสุขภาพที่แข็งแรง ทั้งยังมีบทบาทในการพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสมดุล เราพร้อมเดินหน้าสนับสนุนวงการกีฬาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน"  ดร.สมพร กล่าวทิ้งท้าย

ชวนลูกค้าคนพิเศษสนุกยกครอบครัว ณ สวนสนุกดรีมเวิลด์

โรช ไทยแลนด์ ห่วงประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด เร่งเตือนตรวจสายตาสม่ำเสมอจักษุแพทย์ย้ำ อย่าชะล่าใจคิดว่าตาพร่าตามวัย ชี้อาการผิดปกติของสายตาอาจเป็นสัญญาณโรคตาร้ายแรง ตรวจพบไว เริ่มการรักษาเร็ว ช่วยป้องกันการสูญเสียการมองเห็นได้




ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายที่สำคัญหลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ  โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ปี 2567 ผู้สูงอายุคิดเป็น 20.70% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ และคาดการณ์ว่าในปี 2576 จะมีสัดส่วนประชากรสูงอายุเกิน 30% ทำให้ไทยกลายเป็น “สังคมสูงอายุระดับสุดยอด หรือ Super Aged Society” ซึ่งหมายถึงสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 28% หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด ส่งผลให้ประเทศเผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจสวัสดิการและสุขภาพที่เกิดจากการเสื่อมถอยที่มาพร้อมวัย 

โรชบริษัทด้านไบโอเทคชั้นนำของโลกทำการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับสุขภาพสายตาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2567 (Roche APAC Vision Health 2024) พบว่า เกือบ 1 ใน 5 ของวัยกลางคน-ผู้สูงอายุชาวไทยไม่เคยไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ ซึ่งประเทศไทยครองแชมป์ละเลยการตรวจสุขภาพตาสูงสุดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกที่สำรวจ ได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย ฮ่องกง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน โดยข้อมูลชี้ว่า มากกว่า 93% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยมองว่า การสูญเสียการมองเห็นเป็นเรื่องปกติของวัยชรา"ดวงตา" คือกุญแจสำคัญของคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ

สุขภาพตาถือเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่คุกคามคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเผยผล คัดกรองผู้สูงอายุ 7 ล้านคนใน 12 เขตสุขภาพพบปัญหาด้านการมองเห็นเป็นความเสื่อมถอยทางสุขภาพที่พบมากที่สุด 



 

นางสาวกอบกุล กวั่งซ้วน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวว่า สถานการณ์ผู้สูงอายุไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนจากอดีตสู่ปัจจุบัน โดยผู้สูงอายุต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพตาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและจิตใจ ทั้งนี้ ผู้สูงอายุมีรายจ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นตามอายุ การส่งเสริมให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจตาอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นหนึ่งในมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และการมองเห็นที่ลดลงส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของผู้สูงอายุเองและกระทบต่อครอบครัวด้วย

ผลสำรวจของโรชเปิดเผยว่า แม้ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทย ประมาณ 3 ใน 4 รับรู้ถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นในวัยสูงอายุ แต่มีเพียง 50% ของผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีที่ตรวจสายตาเป็นประจำ3 ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่าง ในการนำความรู้ความเข้าใจไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งเป็นประเด็นที่ภาครัฐกำลังพยายามส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

“พฤติกรรมของผู้สูงอายุที่มีครอบครัวและคนดูแลมักจะสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพตาได้ดีแต่กลุ่มเปราะบางอาจเผชิญความท้าทายในการเข้าถึงการตรวจรักษา ทางกรมกิจการผู้สูงอายุ จึงขอเชิญชวนผู้สูงอายุที่มีปัญหาสายตาเข้ารับการตรวจรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและรักษาคุณภาพชีวิตที่ดี” นางสาวกอบกุล กล่าว

“กรมกิจการผู้สูงอายุได้ส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ เช่น การส่งเสริมกิจกรรมจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุเกือบ 30,000 ชมรมทั่วประเทศ และกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุกว่า 3,000 แห่ง เป็นการให้ความรู้และส่งเสริมทักษะต่าง ๆ เช่น การให้ความรู้สิทธิสวัสดิการ กฎหมายมรดก สิทธิสวัสดิการ และด้านนันทนาการ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีกิจกรรมและความรู้ที่เหมาะสมกับความสนใจ นอกจากนี้ ยังเน้นให้ผู้สูงอายุมีความทรงพลัง สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ทำงานได้ และลดการพึ่งพาลูกหลาน”  นางสาวกอบกุล กล่าวเพิ่มเติม

สุขภาพตาผู้สูงอายุ: ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม

ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงภารดี คุณาวิศรุต จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจอตา โรงพยาบาลมหาราช นครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า “4 โรคตาที่พบมากที่สุดในผู้สูงอายุในประเทศไทย  ได้แก่ ต้อกระจก เบาหวานขึ้นจอตา จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม และต้อหิน”  โดยกว่า 54% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีปัญหาด้านการมองเห็น “สถิตินี้สอดคล้องกับภาพรวมของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ผู้สูงอายุมักมองว่าอาการผิดปกติในการมองเห็นเป็นเรื่องปกติของวัย ทั้งที่แท้จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณของโรคตาร้ายแรง หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างทันเวลาอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นถาวรได้”

 

หนึ่งในโรคตาที่พบบ่อยและร้ายแรงในผู้สูงอายุก็คือโรคจอตาเสื่อม(Neovascular Age-related Macular Degeneration หรือ nAMD) โรคนี้เกิดจากการสร้างเส้นเลือดผิดปกติใต้จอตา ซึ่งสามารถรั่วหรือแตกได้ ทำให้เกิดการสะสมของของเหลวหรือเลือดส่งผลให้การมองเห็นแย่ลงอย่างรวดเร็ว เป็นภาวะที่ต้องระวังเป็นพิเศษในผู้สูงอายุ ควรปรึกษาจักษุแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการตามัวหรือมองเห็นจุดดำลอย เพราะหากไม่ได้รับการรักษาที่เร็วพอ อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นถาวร ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาหลายรูปแบบ 1.การฉีดยาเข้าน้ำวุ้นตา ซึ่งส่วนใหญ่ออกฤทธิ์ผ่านกลไกเดียว มีส่วนช่วยลดการงอกของเส้นเลือดที่จอประสาทตา ทำให้การมองเห็นดีขึ้น แต่อาจใช้ไม่ได้ผลในผู้ป่วยบางราย หรืออาจต้องฉีดบ่อยเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีขึ้น อย่างไรก็ดีในปัจจุบันการฉีดยาเข้าน้ำวุ้นลูกตามีการพัฒนามากขึ้น มีนวัตกรรมใหม่ที่ยับยั้ง 2 กลไกหลักของการเกิดโรค ช่วยทั้งลดการงอกและการรั่วของเส้นเลือด ลดการอักเสบ และเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือด ออกฤทธิ์ได้นานขึ้น 2. การใช้เลเซอร์ ซึ่งวิธีนี้ช่วยชะลอโรคได้ แต่ไม่ช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นมากนัก 3. การผ่าตัด ซึ่งมิได้ทําในทุกราย จักษุแพทย์จะพิจารณา อย่างไรก็ตาม การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพการเสื่อมของจอตาของผู้ป่วยแต่ละราย ควรปรึกษากับจักษุแพทย์เพื่อได้รับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสม

“ผู้สูงอายุมักเข้าใจผิดว่าอาการผิดปกติในการมองเห็นเป็นเรื่องปกติของวัยหรือจากการใช้สายมาก ทำให้ละเลยการตรวจรักษา ทั้งที่อาการนี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น เช่น การรับประทานอาหารลำบาก การหกล้ม และอาจกลายเป็นผู้ป่วย ติดเตียงได้ การตรวจสุขภาพตาปีละครั้งหรือพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ จะช่วยวินิจฉัยและรักษาโรคตาในระยะแรก ทำให้รักษาได้ผลดีและป้องกันการสูญเสียการมองเห็นถาวร ดังนั้นแล้ว ผู้สูงอายุควรใส่ใจตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ หรือรีบไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีความผิดปกติของการมองเห็น โดยเฉพาะโรคจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุและโรคตาอื่นๆ ที่พบได้บ่อย เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรก และเริ่มต้นรักษาเร็ว จะช่วยให้สามารถรักษาโรคตาบางชนิดให้หายได้” ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงภารดี กล่าวเสริม

โรชผนึกภาคีดูแลสุขภาพตา ยกระดับคุณภาพชีวิตสังคมไทย

นายแมทธิว โคทส์, ผู้จัดการทั่วไป, โรช ไทยแลนด์ เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว กล่าวว่า ไทยถือเป็นประเทศที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุต่อจำนวนประชากรสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ และจากผลสำรวจของเราชี้ว่า หากมีปัญหาสายตา ผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยกว่าครึ่ง (57.8%) จะกังวลเรื่องสุขภาพจิตซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในเอเชียแปซิฟิก ขณะที่อีก 42.4% หวั่นคุณภาพชีวิตจะลดลง ซึ่งไม่เพียงบั่นทอนจิตใจ แต่ยังนำมาซึ่งภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่ายา ค่าตรวจ ค่ารักษาเฉพาะทาง รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ตามมาเมื่อการมองเห็นบกพร่องจนต้องพึ่งพาผู้อื่น

การป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วยการพาผู้สูงอายุไปตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุและครอบครัวประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจที่พบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ดูแล (45.4%) ประสบปัญหาทางการเงินเนื่องจากการดูแลผู้ป่วย อีกทั้ง 33% มีรายได้ลดลง และ 36% มีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดในภูมิภาค

โรชจึงร่วมมือกับโรงพยาบาลต่างๆ ดำเนินการโครงการเพื่อส่งเสริมการให้ความรู้ด้านสุขภาพตาแก่ผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพตา รวมถึงผู้สูงอายุในประเทศผ่านการสร้างสื่อการเรียนรู้ที่เข้าใจง่าย เช่น โบรชัวร์ วิดีโอ และเว็บไซด์ เพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนและเข้าถึงคนไทยในวงกว้าง “เราทำงานร่วมกับจักษุแพทย์และโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อจะส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของตาและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และกระตุ้นให้สนใจตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น โดยอย่างช้าที่สุดควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งทางภาครัฐมอบสิทธิตรวจสุขภาพตาฟรี ความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากมุ่งส่งเสริมสุขภาพตาของผู้สูงอายุแล้ว โรชยังหวังให้คนไทยมีสุขภาพตาที่ดี" นายแมทธิว กล่าวทิ้งท้าย

นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นางนุชนารถ เองตระกูล  นางสาวสินีนารถ เองตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสอี บิซ กรุ๊ป  ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และกัลยาณมิตรธรรม  ร่วมจัดโครงการ พลังบุญทิพยร่วมสร้าง ครั้งที่ 238  พิธีมหามงคลเทวาภิเษกบวงสรวงเทพหนุมานทิพย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ทั่วอนันตจักรวาล เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และพันธมิตร รวมถึงประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ณ  ESC PARK รังสิต

พร้อมทำงานบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อปกป้องคนไทยจากภัยไซเบอร์

X

Right Click

No right click