

กรุงเทพฯ : 28 ตุลาคม 2564 – เอสซีจี มีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง โดยให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม เป็น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
และดูแลงาน การเงินและการลงทุน เอสซีจี
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน เอสซีจี และ General Director, Long Son Petrochemicals
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ M.B.A. Strategic Management and Finance จาก London Business School สหราชอาณาจักร
การสตรีมสดไร้คาร์บอนเป็นครั้งแรกของวงการเกมเมอร์ RazerCon 2021 ทุบสถิติความสำเร็จ เฉลิมฉลองชุมชนเกม และผนึกกำลังผู้ชมกว่า 1.5 ล้านคนทั่วโลก
Razer™ แบรนด์ไลฟ์สไตล์สำหรับเกมเมอร์ ผนึกกำลังร่วมกับชุมชนเกมจากทั่วโลก เปิดประสบการณ์แฟน ๆ จากทั่วทุกที่ไปกับงานที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ครั้งแรกของวงการ “RazerCon 2021” โดยในงานครั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Razer หมิน-เหลียง ตัน ได้ประกาศ เดินหน้าเพื่อก้าวเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ประสิทธิภาพสูงสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล พร้อม อัปเดตความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของบริษัท และประกาศเปิดตัวสินค้าใหม่จำนวนมากในรูปแบบที่พิเศษสุด
การจัดงานบนช่องทางดิจิทัลในปีนี้ได้รับการตอบรับจากแฟน ๆ ของ Razer อย่างล้นหลามแซงหน้า RazerCon 2020 ด้วยตัวเลขผู้ชมสดพร้อมกันมากกว่า 1.5 ล้านคน พร้อมจำนวนการรับชมรวมกว่า 375,000 ชั่วโมง และอิมเพรสชันที่ 250,000 ล้านบนช่องทาง YouTube, Twitch, Facebook และ TikTok
เพื่อให้เป็นแบบฉบับของ Razer อย่างแท้จริง RazerCon 2021 ใส่ใจทุกรายละเอียดของวงการเกมด้วยคอนเทนต์สุดพิเศษที่ทุกคนรอคอย และข่าวดีที่น่าตื่นเต้นจากพันธมิตรต่าง ๆ มากมาย อาทิ Intel, Microsoft, Norton Gaming และ Seagate Gaming
ยิ่งไปกว่านั้น RazerCon 2021 ยังชูผลงานอันโดดเด่นจากสตูดิโอเกมต่าง ๆ อย่าง 24 Entertainment, ArtCraft Entertainment, Capcom, Larian Studios, NEOWIZ, Prime Matter และ Saber Interactive นอกจากนี้ แฟน ๆ และผู้ชมยังได้เป็นส่วนหนึ่งของปาร์ตี้จากทาง Razer พร้อมตื่นตาตื่นใจไปกับไลฟ์เอ็นเตอร์เทนเมนต์จากเหล่าเซเลบริตี้เกมชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น CouRageJD, Cloakzy, Miro Shot, Viva La Dirt League, DJ Soda และอีกมากมาย
นอกเหนือจากการเปิดตัวสินค้าชุดใหม่อย่างชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ประสิทธิภาพสูงสำหรับพีซีแล้ว Razer ยังรุดหน้าต่อเนื่อง เปิดตัวผลิตภัณฑ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในงาน RazerCon 2021 อย่างเครื่องฟอกอากาศแบบสวม Razer Zephyr Wearable Air Purifier ที่ทุกคนรอคอย เก้าอี้เล่นเกมรุ่นใหม่จากตระกูล Razer Enki และอุปกรณ์ที่การันตีด้วยรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ สินค้าจากตระกูล Razer Kraken V3 Family
![]()
ในเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา Razer จัดทำโครงการโดยให้ผู้คนตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลกได้มีส่วนร่วมในการทดสอบ Razer Zephyr รุ่นเบตาก่อนที่จะมีการเปิดตัว โดยทางแบรนด์ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างกว้างขวางและมีผู้เข้าร่วมลงทะเบียนจำนวนมาก ด้วยข้อเสนอแนะและความคิดเห็นต่าง ๆ จากแฟน ๆ ทางทีมจึงได้ออกแบบ Razer Zephyr มาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหน้ากากที่ชาญฉลาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ตัวกรองเกรด N95 ของ Razer Zephyr ได้รับการขึ้นทะเบียนจากคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) และผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันถึงประสิทธิภาพของการใช้งาน (BFE) ที่สูงถึง 99% โดยตัวกรองนี้จะให้การป้องกันแบบสองทางและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหน้ากากแบบใช้แล้วทิ้งถึง 3 เท่า นอกจากนี้ท่านยังสามารถมั่นใจได้อีกว่า อากาศที่หายใจเข้าไปและหายใจออกมานั้นจะผ่านการกรองเป็นอย่างดี การออกแบบทางวิศวกรรมของ Razer Zephyr ช่วยให้มีการไหลเวียนของอากาศอย่างต่อเนื่อง มาพร้อมกับช่องถ่ายเทที่เอื้อให้เกิดการไหลเข้าออกของอากาศในเครื่องฟอกแบบสวมนี้ได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังยกระดับ Razer Zephyr ขึ้นไปอีกขั้นด้วยพัดลม 2 จังหวะ (4200/6200 RPM) ซึ่งช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศและการระบายความร้อนให้ดียิ่งขึ้น พร้อมมอบอากาศบริสุทธิ์และความสบายแบบเหนือ
ชั้น ยิ่งไปกว่านั้น Razer Zephyr ยังให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ด้วยตัวครอบหน้ากากแบบโปร่งใสที่มาพร้อมชั้นเคลือบกันฝ้าและไฟภายในเพื่อให้เห็นถึงการแสดงออกทางสีหน้าของผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน
และด้วย Razer Chroma RGB™ ที่อยู่ภายใน ผู้ใช้จะสามารถควบคุมไฟที่ติดตั้งและพัดลมของ Razer Zephyr ได้อย่างง่ายดายผ่านแอป Razer Zephyr ซึ่งสามารถใช้งานได้กับทั้งระบบ iOS และ Android อีกทั้ง ด้วยการคำนึงถึงความสบายและสุขภาพที่ดีตลอดขั้นตอนการออกแบบ ตัวครอบใบหน้าจึงมาในวัสดุซิลิโคนแบบอ่อนนุ่มพร้อมสายรัดคู่ที่ช่วยให้หน้ากากครอบบริเวณปากและจมูกของท่านได้อย่างพอเหมาะ ส่วนสายรัดบริเวณศีรษะและคอจะสามารถปรับได้ เพื่อช่วยให้สวมใส่ได้พอดีและปลอดภัยกับศีรษะทุกขนาด
ตัวกรองเกรด N95 ของ Razer Zephyr ช่วยรักษาประสิทธิภาพการกรองสูงสุดได้มากถึงสามวัน ส่งผลให้มีเกิดของเสียน้อยกว่าการใช้หน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวถึง 80% เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Razer Zephyr: ที่นี่
Razer Zephyr มีวางจำหน่ายที่ Razer.com ในราคา $99.99 USD / €109.99 MSRP
Razer N95 Grade Filter Pack (ฟิลเตอร์10 ชุด) มีวางจำหน่ายที่ Razer.com ในราคา $29.99 USD / €34.99 MSRP
Razer Zephyr Starter Pack (Zephyr พร้อม N95 Grade Filter Packs 3 ชุด) มีวางจำหน่ายที่ Razer.com ในราคา $149.99 USD / €159.99 MSRP
Razer Enki Family: เปิดประสบการณ์ความสบายในการเล่นเกมตลอดทั้งวัน
นอกจากหน้ากากแล้ว RazerCon 2021 ยังเปิดตัวเก้าอี้เล่นเกมรุ่นล่าสุดจากทาง Razer ในตระกูล Razer Enki ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อความสบายตลอดทั้งวัน ผ่านการวิจัยและพัฒนามาอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้เกมเมอร์ได้รับความสบายสูงสุดในการเล่นเกม
![]()
ตัวท็อปสุดสำหรับสินค้าในกลุ่มนี้คือ Razer Enki ซึ่งผ่านการรังสรรค์ด้วยการคำนึงถึงการกระจายน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด มาพร้อมรูปแบบใหม่ที่มีส่วนโค้งบริเวณไหล่ซึ่งปรับขยายได้ถึง 110 องศา ฐานที่นั่งกว้างพิเศษขนาด 21 นิ้ว และปรับเอนได้ 152 องศา นอกจากนี้ยังมีส่วนโค้งเว้าที่รับส่วนเอว ซึ่งมีผลอย่างมากต่อท่านั่ง โดยจะช่วยบรรเทาแรงกดและแรงตึงบริเวณแผ่นหลังและขา ตัวรับบริเวณไหล่จะช่วยปรับมุมท่านั่งของผู้ใช้งานให้เหมาะสม ในขณะที่ฐานนั่งที่กว้างจะช่วยกระจายน้ำหนักให้สม่ำเสมอและลงตัว
ด้านนอกของเก้าอี้หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ที่มีผิวสัมผัสสองแบบและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดความสบายแบบเหนือระดับและทนต่อการสึกกร่อน หนังที่ใช้จะผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานและกระบวนการที่มีการปล่อยคาร์บอนน้อยลง อีกทั้งยังไม่มีสารทำละลายที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นตลอดกระบวนการผลิต Razer Enki ยังมาพร้อมกับเบาะรองศีรษะคุณภาพสูงที่นุ่มเป็นพิเศษ ซึ่งช่วยเพิ่มการรองรับศีรษะและคอ
Razer Enki มีทั้งหมดสามสี ได้แก่ Razer Green, Black และ Quartz Pink เพื่อสอดรับกับความชื่นชอบและเพิ่มความเพลิดเพลินขึ้นไปอีกขั้น
Razer Enki Pro ยกระดับประสบการณ์ความสบายในการเล่นเกมตลอดทั้งวัน บริเวณด้านนอกของเก้าอี้จะเป็นพื้นผิวแบบเส้นใยคาร์บอนหุ้มด้วย Alcantara® ระดับพรีเมียมและหนังเทียมที่ทนทาน พร้อมเบาะพนักพิงแบบ Dual-Density เพื่อความผ่อนคลายของหลังตามที่ต้องการ Razer Enki Pro จะช่วยให้คุณสามารถเต็มที่ไปกับการเล่นเกมได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องหยุดพัก
สำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการรุ่นรองลงมา Razer Enki X ให้องค์ประกอบการออกแบบเดียวกันกับ Razer Enki โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสบายและความผ่อนคลายในการเล่นเกมตลอดทั้งวัน รุ่นนี้จะมาในสี Razer Green และมาพร้อมที่วางแขนแบบ 2D แถมปรับเอนได้ 152 องศา รวมถึงรองรับรูปแบบการนั่งที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งหลังตรงเพื่อโฟกัสไปกับเกมหรือเอนหลังเพื่อผ่อนคลาย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเก้าอี้เล่นเกมตระกูล Razer Enki ได้ ที่นี่
Razer Enki Pro, Razer Enki และ Razer Enki X มีวางจำหน่ายแล้วที่ Razer.com และร้านค้าปลีกบางแห่งในราคา $299 USD / €329.99 MSRP
Kraken V3 Family: เข้าถึงเกมที่เล่นและดื่มด่ำไปกับความรู้สึกอย่างเต็มที่
ตลอดช่วงการวิวัฒนาการของวงการเกม เทคโนโลยีภาพและเสียงได้พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับประสบการณ์การเล่นและความสมจริงของเกม Razer Kraken V3 Family รังสรรค์ขึ้นเพื่อให้ผู้เล่นได้เต็มอิ่มกับเสียงเกมที่สมจริงที่สุด ถือเป็นการยกเครื่องใหม่ให้กับ Kraken ที่แฟน ๆ ชื่นชอบ โดยคงไว้ซึ่งองค์ประกอบพื้นฐานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วถึงประสิทธิภาพการใช้งาน ผสานรวมกับ Razer HyperSense เพื่อเนรมิตประสบการณ์การเล่นที่สมจริง พร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ เพิ่มเติม
Razer HyperSense เป็นเทคโนโลยีระบบ Haptic อัจฉริยะที่ให้การตอบสนองทางประสาทสัมผัสที่สมบูรณ์และสมจริงโดยอิงจากสัญญาณเสียง ช่วยให้นักเล่นเกมสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวในเกมโปรดของพวกเขา พร้อมการใช้ไดรเวอร์ขั้นสูงที่ช่วยขับเสียงภายในที่ครอบหู เพื่อแปลงสัญญาณเสียงเป็นท่วงทำนองให้ได้เต็มอิ่มแบบไดนามิก
![]()
Razer ได้เปิดตัว Razer Kraken V3 Pro ในงาน RazerCon 2021 ซึ่งเป็นชุดหูฟังสำหรับเล่นเกมไร้สายตัวแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Kraken อันเป็นเอกลักษณ์ของ Razer ด้วย Razer HyperSense และตัวปรับบนชุดหูฟัง เกมเมอร์
สามารถปรับแต่งความเข้มของมิติเสียงเพื่อให้ได้ความรู้สึกที่เหมือนจริงที่สุดและสร้างการตอบสนองที่ทรงพลังได้อย่างเต็มที่
ชุดหูฟังนี้มาพร้อมไดรเวอร์ Razer TriForce Titanium 50 mm เพื่อสร้างเสียงบีทที่อิ่มแน่นและดึงผู้เล่นเข้าสู่โลกแห่งเกม ในขณะที่ THX Spatial Audio ให้ผู้ใช้มีตัวเลือกเสียงเซอร์ราวด์พร้อมคุณสมบัติการปรับแต่งเสียงที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Kraken ยังมีการปรับรูปโฉมใหม่ให้ทั้งบางและเบากว่า พร้อมด้วยวงแหวน Razer Chroma RGB แบบใหม่ล่าสุด ไมโครโฟน HyperClear Supercardioid ที่ถอดออกได้ และหัวเสียบชาร์จแบบ USB-C
กลุ่มผลิตภัณฑ์ Razer Kraken V3 ยังรวมถึง Razer Kraken V3 HyperSense ซึ่งให้ประสบการณ์มิติเสียงแบบเดียวกันแต่ในโหมดใช้สาย และ Razer Kraken V3 ที่มีสเปกที่เหมือนกันแต่ไม่มีระบบ Haptic ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดหูฟังสำหรับเล่นเกมในตระกูล Razer Kraken V3 ได้ ที่นี่
Razer Kraken V3 Pro, Razer Kraken V3 HyperSense และ Razer Kraken V3 จะวางจำหน่ายที่ Razer.com และร้านค้าปลีกบางแห่งในราคา $99.99 USD / €109.99 MSRP
Razer Book พร้อมรองรับ Windows 11 ในสีใหม่อย่าง Quartz
RazerCon 2021 ยังเปิดตัว Razer Book ในสีใหม่ที่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ อย่าง Quartz โดย Razer Book Quartz ได้ผ่านการรังสรรค์มาเพื่อการพกพาที่สะดวกและผู้ใช้งานที่ต้องการความคล่องตัวและไร้กังวล ตัวเครื่องมาพร้อม Intel EVO และ Windows 11 อีกทั้งยังยกระดับประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้นด้วยจอแสดงผลแบบไร้ขอบที่โฉบเฉี่ยว รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดวัน Razer Book Quartz ถือเป็นเพื่อนร่วมทางขนาดกะทัดรัด โดยมีน้ำหนักไม่ถึง 3 ปอนด์ และบางเพียง 0.6” ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้อย่างง่ายดาย
![]()
ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Razer Book Quartz ได้ ที่นี่
Razer Book สี Quartz มีจำหน่ายที่ Razer.com และร้านค้าปลีกบางแห่งในราคา $999.99 USD / €1,099.99 MSRP
เพิ่มความสะดวกสบายด้วย Razer Gold: ใช้ชีวิตอย่างสะดวก จ่ายด้วย Razer Gold
ทางทีม Razer Gold เครดิตเสมือนจริงสำหรับดาวน์โหลดเกมและความบันเทิงแบบครบวงจรของ Razer เพิ่งเปิดเผยว่า แพลตฟอร์มดังกล่าวได้ขยายขอบเขตให้ครอบคลุมไปทั่วโลกและมีผู้ใช้งานมากกว่า 30 ล้านคน และมีมากกว่า 42,000 คอนเทนต์ ทำให้ถือเป็นหนึ่งในบริการชำระเงินสำหรับเกมที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน
Razer Gold ยังได้ประกาศในงาน RazerCon 2021 ว่าจะเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขัน Call of Duty Mobile World Championship Finals ที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม และเผยว่า Razer Gold จะเปิดตัวการชำระเงินสำหรับ Call of Duty Mobile ในไม่ช้า ทำให้ผู้เล่น CODM สามารถเติมเงินผ่าน gold.razer.com ได้อย่างไม่ยุ่งยาก
นอกจากนี้ TikTok ยังได้ครองโลกด้วยผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคน เพื่อที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความยิ่งใหญ่ครั้งนี้ Razer Gold ได้เริ่มบูรณาการ TikTok เพื่อให้การสนับสนุนคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต่าง ๆ ผ่าน Live Gifting ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อเหรียญ TikTok ได้อย่างสะดวกผ่าน Razer Gold ภายในเดือนธันวาคม นอกจากนี้ ด้วยการเป็นพันธมิตรกับ ByteDance ผู้ใช้ยังสามารถตั้งตารอเกม Nuverse ที่จะมาร่วมทัพกับ Ragnarok X และ Dark Nemesis ได้อีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Razer Gold ได้ ที่นี่
RazerCon 2021: การเฉลิมฉลองสำหรับเกมเมอร์ โดยเกมเมอร์
บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้เริ่มดำเนินการ ใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตามแผนดำเนินการในเฟสที่ 1 เพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตภายในโรงงานผลิตยางสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นครั้งแรกของการใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ของบริดจสโตนในประเทศไทย
โดยระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังผลิต 1 เมกะวัตต์ ที่ใช้ในเฟสที่ 1 ประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์ทั้งหมด 2,160 แผง ซึ่งถูกติดตั้งบนหลังคาของโรงงาน ส่วนในเฟสที่ 2 บริษัทจะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังผลิต 4 เมกะวัตต์เพิ่มเติม พร้อมการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มีสัดส่วน 40% ของพลังงานไฟฟ้าในการผลิตทั้งหมด โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2566 ทั้งนี้ บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 30,000 ตันต่อปี *1 ( ซึ่งหมายถึงการลดลงประมาณ 50% จากระดับในปี 2554) และยังช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนได้ถึง 45% *2 ภายในปี 2566
“นอกเหนือจากการหาโซลูชั่นเพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานแล้ว บริดจสโตนยังมุ่งมั่นส่งเสริมความยั่งยืนและความเสมอภาคให้มีมากยิ่งขึ้นในสังคม ซึ่งการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์นี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการมุ่งสู่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาวของบริดจสโตน (ภายในปี 2593 และปีต่อๆ ไป) เพื่อขับเคลื่อนความเป็นกลางทางคาร์บอน” มร. โชสุเกะ นามิยามา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนมีนโยบายเดินหน้าด้วยกรอบแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะกลาง (ปี 2564 – 2566) บนวิสัยทัศน์เพื่อส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมและลูกค้า ในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืนก้าวสู่ปี 2593 ซึ่งกรอบแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ได้กำหนดขึ้นเพื่อสนับสนุนการหมุนเวียนทรัพยากร, การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, การใช้เศรษฐกิจหมุนเวียน และความเป็นการทางคาร์บอนในการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะยาวของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตน คือการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ในขณะที่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะกลางภายในปี 2573 โดยมีการกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 50% ภายในปี 2573 จากระดับในปี 2554
ตามเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะกลาง บริดจสโตนยังวางแผนดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และอีกสองบริษัทในเครือ คือ บริษัท บริดจสโตน สเปเชียลตี้ ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท บริดจสโตน เมตัลฟา (ประเทศไทย) จำกัด ภายในปี 2566 และเมื่อเร็วๆ นี้ ไทยบริดจสโตน ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กับบริษัท อิมแพคท์ โซล่าร์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการรายแรกและผู้นำในการให้บริการด้านโซลูชั่นระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังผลิตขนาดใหญ่ถึง 9.9 เมกะวัตต์ ที่โรงงานหนองแค และเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ไทยบริดจสโตนจะเป็นบริษัทที่ใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกำลังผลิตขนาดใหญ่ที่สุดของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนทั่วโลก

# # #
ข้อมูลจาก Global Web Index บริษัทชั้นนำด้านวิเคราะห์ตลาดพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์ ระบุว่า 8 ใน 9 คนไทยบนทวิตเตอร์มีความสนใจในเรื่องการออมเงินและการลงทุนและมีหลากหลายกลุ่ม ที่พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น #WhatsHappening ในโลกของการเงิน การธนาคาร การออม การลงทุน คริปโตเคอร์เรนซี NFTs และอื่นๆ อีกมากมายที่กำลังเกิดขึ้นบนทวิตเตอร์
คนไทยที่มีความรู้ความเข้าใจทางการเงินจะใช้ทวิตเตอร์เพื่อติดตามข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้น เศรษฐกิจ และเทรนด์ล่าสุดของการออมและการลงทุน ตลอดจนสนใจและมีความรู้ในเรื่องการเงินต่างๆ และมักเข้าไปมีส่วนร่วมใน บทสนทนาหัวข้อนี้อย่างต่อเนื่อง โดย 74% ของชาวทวิตภพเข้ามาใช้ทวิตเตอร์ทุกวัน และ 42% ใช้ทวิตเตอร์ วันละหลายครั้ง นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับแบรนด์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อช่วยตัดสินใจเรื่องของการออมและการลงทุน
![]()
บทสนทนาที่เกี่ยวกับเรื่องการเงินบนทวิตเตอร์ประเทศไทยเป็นอย่างไร
การออมและการลงทุน คือเรื่องสำคัญสำหรับคนไทย โดยข้อมูลจาก Brandwatch 2020-2021 ระบุว่า ชาวทวิตภพทวีตเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่า 70,000 ครั้งต่อวัน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเข้ามาปรึกษาพูดคุยในเรื่องของการลงทุนในหุ้น รวมถึงสนับสนุนให้คนอื่นลองเริ่มลงทุนด้วย ชาวทวิตภพที่บริหารเงินได้อย่างเชี่ยวชาญ 41% อยากเห็น #WhatsHappening สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนทวิตเตอร์แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังเข้ามาค้นหาข้อเสนอและคำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับการวางแผนการออม การลงทุนในหุ้น และความเสี่ยงในการลงทุน ตลอดจนแบ่งปันเคล็ดลับและความสำเร็จของตัวเองบนทวิตเตอร์
![]()
เครดิตทวีตจาก: https://twitter.com/sunandrain9/status/1379018562942070788
ข้อมูลเชิงลึกของทวิตเตอร์พบว่า แบรนด์ควรให้ความสนใจในเรื่องที่เกี่ยวข้อง เรียนรู้และทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการและอยากได้จากบทสนทนาบนทวิตเตอร์ ทวิตเตอร์พบว่าบรรดาผู้ที่มีความสนใจในเรื่องการออมและการลงทุนบนทวิตเตอร์ประเทศไทยนั้น 73% สนใจเรื่องดนตรี 68% สนใจเทคโนโลยี 67% สนใจการทำอาหาร และ 67% สนใจอาหารและเครื่องดื่ม จากข้อมูลเชิงลึกนี้เป็นโอกาสให้แบรนด์สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในบทสนทนากับกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างสร้างสรรค์
![]()
เครดิตทวีตจาก: https://twitter.com/firstchoice_TH/status/1418247069756579840
คนไทยกำลังคาดหวังนวัตกรรมจากแบรนด์
การดิสรัปชั่นกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมทางการเงินและบทสนทนาเหล่านี้เกิดขึ้นบนทวิตเตอร์ซึ่งแสดงถึงความต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพิ่มสูงขึ้น เห็นได้จาก 94% คนไทยบนทวิตเตอร์อยากเห็นข้อมูลใหม่ๆ จากแบรนด์ทางการเงิน และผู้บริโภคชาวไทย มากกว่า 2 ใน 3 อยากเห็นผลิตภัณฑ์ บริการ และแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ โดย 34% อยากจะเห็นแนวคิดริเริ่มใหม่ๆ ทั้งนี้เหตุผลอันดับหนึ่งที่ผู้คนเข้ามาใช้ทวิตเตอร์คือ “การได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจ” เพราะฉะนั้นแบรนด์ที่เน้นเรื่องนวัตกรรมจะได้พบกับโอกาสใหม่ๆ ในการคอนเน็คกับกลุ่มเป้าหมายอย่างแน่นอน
![]()
เครดิตทวีตจาก: https://twitter.com/KBank_Live/status/1443440468541456389
![]()
เครดิตทวีตจาก: https://twitter.com/Krungthai_Care/status/1445600056472530951
ทวิตเตอร์คือชุมชนของผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมากมายมักเข้ามาแบ่งปันความรู้ของตนเองบนทวิตเตอร์ และชาวทวิตภพให้คุณค่ากับความคิดเห็นของผู้อื่น ทวิตเตอร์จึงกลายเป็นสถานที่เพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาเรียนรู้และติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเงิน
ได้ดียิ่งขึ้น และสามารถเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ คนที่มีชื่อเสียงในเรื่องนี้ได้ ซึ่งกลุ่มที่สนใจในเรื่องนี้ต่างค้นหารีวิวผลิตภัณฑ์ทางการเงินและมีส่วนร่วมในบทสนทนากับผู้อื่น แชร์ความคิดเห็นและไอเดีย รวมทั้งเสนอความคิดของตัวเองในทุกเรื่อง อาทิ เรื่องตลาดหุ้น ทิปส์ในการออม และคำแนะนำในการลงทุน
![]()
เครดิตทวีตจาก:https://twitter.com/TAXBugnoms/status/1430077815550926849
จากข้อมูลเชิงลึกของทวิตเตอร์พบว่าคนที่มีความรู้ความเข้าใจทางการเงินบนทวิตเตอร์ประเทศไทย 42% เชื่อใจการรีวิวผลิตภัณฑ์ออนไลน์ และ 41% ศึกษาความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ แบรนด์ ที่มีความเชี่ยวชาญจะเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายบนทวิตเตอร์ด้วยการให้คำแนะนำและข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ และ จะมองหาจุดยืนของตัวเองในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี
![]()
เครดิตทวีตจาก: https://twitter.com/MuangThaiLife/status/1443032784952516611
ชาวทวิตภพชอบค้นพบสิ่งใหม่
ทวิตเตอร์เป็นสถานที่ที่มีบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องเงินทองเกิดขึ้นและแบรนด์ทางการเงินก็สามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคซึ่งมีตั้งแต่บุคคลทั่วไปที่สนใจด้านการเงินส่วนบุคคล คนที่ศึกษาด้านการเงินเป็นงานอดิเรก และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน คนไทยบนทวิตเตอร์มีทัศนคติของการค้นพบสิ่งใหม่ พวกเขาชอบการเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ลองสิ่งใหม่และพูดคุยกันถึงเรื่องนั้น บทสนทนาในเรื่องคริปโตเคอร์เรนซี NFTs และเทรนด์ล่าสุดในการลงทุนเป็นหัวข้อที่มีการพูดคุยกันบนทวิตเตอร์ในทุกๆ วัน
แบรนด์สามารถใช้ประโยชน์จากบทสนทนาที่เกี่ยวกับการเงินได้อย่างไร
อันดับแรกคือการรับฟัง ทุกวันจะมีบทสนทนาเรื่องการเงินที่หลากหลายจำนวนมากเกิดขึ้นบนทวิตเตอร์ประเทศไทย หากแบรนด์ต่างๆ ยอมรับฟัง ก็จะสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่มีความสำคัญกับผู้บริโภคได้มากขึ้น เมื่อแบรนด์เข้าไปร่วมวงสนทนาก็ควรนึกถึงโทนเสียง ภาษาที่ใช้ วิธีการสื่อสารรวมไปถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง ชาวทวิตภพไม่ได้เหมือนกันหมด และไม่ใช่ว่าทุกคนต้องการในสิ่งเดียวกัน ภาษาคือสิ่งที่สำคัญในการสื่อสาร หากแบรนด์กระโดดเข้าไปในบทสนทนาของงานศิลปะดิจิทัลอย่าง NFTs โดยที่ไม่สามารถเพิ่มคุณค่าให้กับบทสนทนานั้นๆ ได้ แบรนด์ควรรับฟังผู้คนต่อไป จนกว่าจะมีหัวข้อหรือเรื่องที่เป็นประโยชน์และสามารถเพิ่มลงในบทสนทนานั้นๆ ได้
![]()
เครดิตทวีตจาก: https://twitter.com/ttbbankofficial/status/1442776094051086338
ข้อมูลเชิงลึกของทวิตเตอร์พบว่าคนไทยบนทวิตเตอร์กำลังคาดหวังนวัตกรรมใหม่ๆ จากแบรนด์ พวกเขาให้คุณค่ากับความคิดเห็นของผู้อื่นและเชื่อในรีวิวบนทวิตเตอร์ แบรนด์ควรมองให้เป็นโอกาสในการเข้าไปเอ็นเกจกับบทสนทนา ทุ่มเทและสนับสนุนให้ผู้บริโภคแชร์ฟีดแบ็ก แสวงหาความคิดเห็นในเชิงรุก และไม่เพียงแค่สร้างสรรค์ในการทำการตลาด และแคมเปญเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอด้วยเช่นกัน
· แอ๊บบอตประกาศการเป็นพันธมิตรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพและโภชนาการกับสโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด และเป็นพันธมิตรระดับโลกของมูลนิธิเรอัล มาดริด
· ความร่วมมือในครั้งนี้ยังรวมถึงการให้การสนับสนุนทีมผู้เล่นชุดใหญ่ของสโมสรทั้งชายและหญิง ทีมฟุตบอล
อะคาเดมี่ รวมถึงการดำเนินงานของมูลนิธิเรอัล มาดริด
· โดยทางมูลนิธิสนับสนุนการเรียนรู้ทักษะต่างๆ ด้านการกีฬาให้กับเด็กและเยาวชนกว่า 65,000 คนต่อปีจาก 80 ประเทศทั่วโลก อาทิเช่น การให้ความรู้ในด้านน้ำใจนักกีฬา การทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ ความเคารพในเกมส์กีฬา ตลอดจนการดูแลด้านสุขภาพและโภชนาการ
· ความร่วมมือในครั้งนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของแอ๊บบอตในการแก้ไขปัญหาด้านภาวะทุพโภชนาการทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้านี้
![]()
แอ๊บบอต พาร์ค สหรัฐอเมริกา และ มาดริด ประเทศสเปน, 28 ตุลาคม 2564 — แอ๊บบอต ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพและโภชนาการกับสโมสรฟุตบอลชั้นนำอย่าง เรอัล มาดริด ภายใต้ข้อตกลงเป็นระยะเวลาสามปี ซึ่งรวมถึงการเป็นพันธมิตรระดับโลกร่วมกับมูลนิธิเรอัล มาดริด องค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อปลูกฝังการเรียนรู้ทักษะและคุณค่าต่างๆ ผ่านการกีฬาให้กับเด็กและเยาวชนทั่วโลก ความร่วมมือในครั้งนี้ยังครอบคลุมการสนับสนุนในหลากหลายด้าน ทั้งด้านการศึกษา การกีฬา ตลอดจนกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมสวัสดิการทางสังคมให้กับกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยงใน 80 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ยังช่วยสนับสนุนด้านโภชนาการให้กับทีมผู้เล่นชุดใหญ่ของสโมสรทั้งชายและหญิง ทีมฟุตบอล อะคาเดมี่ รวมถึงนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีกด้วย
เรอัล มาดริด คือหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับกว่า 600 ล้านคนทั่วโลก โดยมูลนิธิเรอัล มาดริด ก่อตั้งขึ้นในปี 2540 เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมทางสังคมและวัฒนธรรมให้กับกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะทุพโภชนาการทั่วโลกผ่านกิจกรรมด้านการกีฬา รวมถึงปลูกฝังการเรียนรู้ทักษะและคุณค่าในด้านต่างๆ อาทิ การมีส่วนร่วมและการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ ความเคารพในเกมส์กีฬา ตลอดจนการดูแลรักษาสุขภาพให้สมดุลและแข็งแรง
นายแดเนียล ซัลวาดอรี รองประธานฝ่ายบริหารธุรกิจโภชนาการของแอ๊บบอต กล่าวว่า “ฟุตบอลนับเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยมีแฟนที่หลงใหลในการเล่นกีฬาชนิดนี้ พร้อมติดตามรับชมอยู่ทั่วโลก ขณะที่แอ๊บบอตและมูลนิธิเรอัล มาดริด มีเป้าหมายร่วมกันในการสนับสนุนด้านโภชนาการเพื่อให้เด็กและเยาวชนมีสุขภาพที่ดีและเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ ความร่วมมือกันในครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถเข้าถึงเด็กและเยาวชนได้มากขึ้น เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนกว่าหลายหมื่นคนทั่วโลก”
มูลนิธิเรอัล มาดริด ได้มีการทำงานร่วมกับพันธมิตรในระดับท้องถิ่น เพื่อเฟ้นหาเยาวชนในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักอยู่ในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล เพื่อเข้าร่วมโรงเรียนกีฬา ซึ่งประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ การรับประทานของว่างเพื่อสุขภาพ และการดูแลสุขภาพฟัน ไปจนถึงกิจกรรมหลังเลิกเรียนอย่าง การให้ความรู้ด้านสุขภาพ และการฝึกสอนด้านการกีฬา เป็นต้น แต่ละกิจกรรมจะมีการแทรกเสริมกิจกรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อมประจำท้องถิ่นเข้าไปด้วย เช่น การเยี่ยมชมสถานบริการสุขภาพ นอกจากนี้ เยาวชนเหล่านี้ยังจะได้รับการตรวจดัชนีชี้วัดด้านสุขภาพตั้งแต่ช่วงเริ่มโครงการ และยังได้รับการสนับสนุนด้านโภชนาการตลอดทั้งโครงการ ทั้งนี้ มูลนิธิเรอัล มาดริด จะมีการจัดกิจกรรมคลีนิกฟุตบอลยาวตลอดสัปดาห์สำหรับเยาวชนที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านการกีฬาตามแบบแผนของสโมสรเรอัล มาดริด อีกด้วย
นายเอมิลิโอ บูตราเกโญ ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์สำหรับเรอัล มาดริด กล่าวว่า “ด้วยแนวคิดการทำงานของมูลนิธิเรอัล มาดริด เราไม่ได้มุ่งหวังที่จะพัฒนานักฟุตบอลรุ่นใหม่ แต่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตของวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ หรือนักกฎหมายมากกว่า ด้วยการร่วมทีมกับแอ๊บบอต ผู้นำด้านโภชนาการระดับโลก ทำให้เราสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กๆและเยาวชนทั่วโลกให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้”
การให้ความสำคัญกับภาวะทุพโภชนาการ
ภาวะทุพโภชนาการสามารถเกิดขึ้นได้ถึง 1 ใน 3 ของผู้คนทุกวัย ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใด หรือมีฐานะทางสังคมอย่างไรก็ตาม โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิมีอัตราการเกิดภาวะทุพโภชนาการในกลุ่มเยาวชนสูงที่สุดในโลก1 แอ๊บบอตได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านโภชนาการผ่านนวัตกรรมของบริษัทฯ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ยังได้จัดตั้ง ศูนย์ศึกษาและวิจัยเพื่อแก้ปัญหาภาวะทุพโภชนาการของแอ๊บบอต (Abbott Center for Malnutrition Solutions) ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทฯ ผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตร โดยมีเป้าหมายในการลดอัตราการเกิดภาวะทุพโภชนาการในทุกๆ ภูมิภาคของโลกภายในอีก 10 ปีข้างหน้า แอ๊บบอตจะทำงานร่วมกับโรงเรียนกีฬาเพื่อสังคมของมูลนิธิเรอัล มาดริด (Real Madrid
Foundation Social Sports Schools) ทั่วโลก ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งแรกภายใต้ศูนย์ศึกษาดังกล่าว เพื่อช่วยให้เยาวชนกลุ่มเสี่ยงสามารถเข้าถึงการมีสุขภาพดีและอนาคตที่ดีขึ้น
แผนงานนี้จะถูกขยายไปสู่ “แผนความยั่งยืนของแอ๊บบอตปี พ.ศ. 2573” ในการผลักดันและปรับเปลี่ยนการดูแลกลุ่มผู้ป่วยที่ประสบภาวะทุพโภชนาการ กลุ่มโรคเรื้อรัง และกลุ่มโรคติดเชื้อ ด้วยเป้าหมายที่มุ่งมั่นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก
ความร่วมมือนี้จะดำเนินการต่อเนื่องไปจนจบฤดูกาลของฟุตบอลระหว่างปี พ.ศ. 2566-2567 โดยจะครอบคลุมไปถึงการทำงานร่วมกับมูลนิธิโรงเรียนกีฬาเพื่อสังคม (Real Madrid Foundation Social Sports School) ในกว่า 12 ประเทศ เพื่อดำเนินการจัดตั้งการตรวจคัดกรองภาวะทุพโภชนาการ การให้ความรู้และการสนับสนุนด้านโภชนาการ ในขณะเดียวกัน ยังให้การสนับสนุนเรื่องโภชนาการสำหรับ คลีนิกมูลนิธิเรอัล มาดริด ซึ่งมีอยู่ใน 42 ประเทศ และในฐานะพันธมิตรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพและโภชนาการ แอ๊บบอตจะทำงานร่วมกับทางสโมสรอย่างใกล้ชิดเพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านสารอาหารและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาในด้านต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการให้การสนับสนุนทีมผู้เล่นชุดใหญ่ของสโมสรทั้งชายและหญิง ทีมฟุตบอล และอะคาเดมี่ของสโมสร
เกี่ยวกับสโมสรเรอัล มาดริด
สโมสรเรอัล มาดริด เป็นองค์กรด้านการกีฬาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 119 ปี โดยเป็นสโมสรที่สามารถครองแชมป์ถ้วยยุโรปได้มากที่สุดจากกีฬาฟุตบอล (13 ถ้วย) และบาสเก็ตบอล (10 ถ้วย) และยังได้รับรางวัลจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ หรือ ฟีฟ่า ในฐานะสโมสรที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 สโมสรเรอัล มาดริดมีฐานแฟนคลับอยู่ทั่วทุกมุมโลกกว่าหลายล้านคน โดยมียอดผู้ติดตามบนโลกโซเชียลกว่า 371 ล้านคน และยังเป็นสโมสรฟุตบอลที่ทรงคุณค่าที่สุดในยุโรป จากรายงาน The European Elite 2020 ของเคพีเอ็มจี นอกจากนี้ สโมสรเรอัล มาดริดยังเป็นแบรนด์กีฬาฟุตบอลที่ทรงคุณค่าที่สุดในโลกเป็นระยะเวลา 3 ปีติดต่อกันจากการสำรวจของ Brand Finance และยังมีคะแนนด้านความโปร่งใสหรือ Transparency Index ของสโมสรฟุตบอลเมื่อฤดูกาลที่แล้ว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสโมสรเรอัล มาดริด ได้ที่ www.realmadrid.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของสโมสรฟุตบอลที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลกเป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน
เกี่ยวกับมูลนิธิเรอัล มาดริด
มูลนิธิเรอัล มาดริด เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นโดยสโมสรเรอัล มาดริด เพื่อช่วยเหลือสังคมและร่วมพัฒนาโครงการเพื่อสังคมและวัฒนธรรม โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการเผยแพร่คุณค่าและบทบาทของการกีฬาในการส่งเสริมการศึกษา และการพัฒนาบุคลิกภาพของนักกีฬา นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างบูรณาการทางสังคมสำหรับผู้ที่เป็นเหยื่อของการกีดกันทางสังคม การเลือกปฏิบัติ หรือการแปลกแยกทางสังคม
ท่ามกลางการเติบโตของบริษัทด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายในตลาด อีกทั้งการปรับตัวเข้าสู่ยุค New Normal หลากหลายบริษัทต้องหาวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์การทำงานให้ได้มากที่สุด Muze เลือกใช้ระบบการทำงานแบบ Agile ซึ่งเป็นหลักการทำงานสำคัญและหัวใจของการทำงานที่ Muze เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ลูกค้า และพร้อมปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในโลกธุรกิจที่ต้องแข่งขันกับเวลา
การทำงานของ Muze ในแต่ละโปรเจกต์ ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสมบูรณ์ ประกอบไปด้วยการทำงานร่วมกันของแต่ละกันฝ่าย ภายใต้แนวคิดในการทำงานแบบ Agile ในรูปแบบ Scrum ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากความเข้าใจเรื่องความต้องการของลูกค้าที่อาจมีความไม่แน่นอน และไม่ชัดเจนในระยะแรก ซึ่งอาจทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนความต้องการของลูกค้าภายหลังได้ ดังนั้น การทำงานในรูปแบบ Agile มีจุดประสงค์เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการแก้ปัญหา ลดขั้นตอนการทำงาน และทำงานได้อย่างยืดหยุ่นพร้อมต่อการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และที่สำคัญยังสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ ซึ่งมีการปรับใช้อย่างครอบคลุมทั้งระบบการทำงาน เพื่อให้ทั้งพาร์ทเนอร์ ลูกค้า รวมถึงทีมงานของ Muze เอง สามารถสื่อสารกันได้เข้าใจ วางแผน ลงมือทำไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น แนวคิดสำคัญคือ การรับมือกับความเปลี่ยนแปลง การทำงานเป็นทีมระหว่างทีมของ Muze และลูกค้า ที่ทำงานร่วมกันเสมือนเป็นทีมเดียวกัน ใช้การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็น
หลัก เริ่มปล่อยตัวผลงานในระยะสั้นๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นถึงความคืบหน้าของงาน และยังมีการประเมิน ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายทางธุรกิจของลูกค้าให้มากที่สุด
ซึ่งขั้นตอนของการทำงานที่ Muze เริ่มต้นจากฝ่าย Product Owner (PO) หรือผู้ดูแลแต่ละโปรเจ็กต์ ให้กับลูกค้า จะเป็นผู้ประสานงานรับข้อมูล หรือความต้องการต่างๆ จากทางลูกค้า แล้วประสานงานต่อกับคนในทีม อย่าง System Analyst (SA) หรือผู้ออกแบบและวิเคราะห์ระบบการเขียนโปรแกรม (Coding) ให้มีระเบียบแบบแผน เพื่อออกแบบ Solution ที่เหมาะสมตอบโจทย์ธุรกิจ และช่วยลดเวลาในการทำงานให้กับทีม และส่งต่อให้กับทีม Developer ซึ่งเป็นผู้สร้างโปรแกรมให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชั่น หรือ ซอฟต์แวร์ต่างๆ โดยมี Designer หรือนักออกแบบ ออกแบบ UX (User Experience) / UI (User Interface) เพื่อความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีบนเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่นให้กับผู้ใช้งาน
![]()
ภายหลังจากขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม และดีไซน์ต่างๆแล้วนั้น ก่อนเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ ทีม Quality Assurance (QA) จะเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานจะสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา เมื่อผ่านการทดสอบคุณภาพแล้วนั้น Product Owner จะเป็นผู้ส่งมอบงานให้กับลูกค้า โดยมี Technical Operation Support หรือผู้ช่วยเหลือด้านเทคนิค คอยให้คำแนะนำกับผู้ใช้งานเบื้องต้น และคอยประสานงานไปยังทีม Developer เพื่อทำการแก้ไข หากพบปัญหาในการใช้งาน โดยการทำงานทั้งหมดอยู่ภายใต้การวางแผนพัฒนาบริษัท ของ CEO (Chief Executive Officer) หรือผู้บริหาร ที่คอยดูภาพรวม ความเรียบร้อยของทุกฝ่าย รวมไปถึงตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่างๆ และในส่วนด้านของเทคโนโลยี CTO (Chief Technology Officer) จะเป็นผู้ดูแลจัดการและพัฒนาเทคโนโลยีทั้งหมด ตัดสินใจเชิงเทคนิค เพื่อ
สื่อสารต่อไปยังคนในทีม รวมถึงด้านผลิตภัณฑ์ ที่มี CPO (Chief Product Officer) ดูแลทิศทาง ความเป็นไปได้ รวมถึงมั่นใจว่าตอบโจทย์ Business goal ของลูกค้าได้
การเข้ามามีบทบาทของ Agile ส่งผลให้ Muze มีการวางแผนการทำงานอย่างรอบคอบ โดยเริ่มจากขั้นตอน Sprint Grooming หรือการร่วมกันวิเคราะห์หาวิธีที่จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าระหว่าง SA และ PO เป็นหลัก เพื่อช่วยลดเวลาในการทำงานให้กับทีม จากนั้น จะเป็นขั้นตอนของ Sprint Planning หรือการวางแผนในการทำงาน และระยะเวลาในการทำงานจากโจทย์ที่ได้รับร่วมกับทุกคนในทีม (SA, PO, Dev, QA) หลังจากนั้น จะเข้าสู่การลงมือปฏิบัติจริง โดยในแต่ละวันจะมีการประชุมทีม หรือ Daily Stand-up เพื่ออัพเดทงานว่าในแต่ละขั้นตอนดำเนินการไปถึงไหน หรือมีปัญหาอย่างไร และในช่วงกลางของการทำงานจะมีการเตรียมการอย่างต่อเนื่อง ในขั้นตอน Product Backlog Refinement ว่าในขั้นตอนต่อไปต้องทำอะไรบ้าง หรือควรเพิ่มเติมปรับปรุงอย่างไร โดยเป็นการออกความเห็นร่วมกัน ระหว่างทางทีมของ Muze และลูกค้า โดยมีทีม Dev ให้คำแนะนำว่าสามารถทำในเวลาที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ หลังจากนั้นจะมีการสาธิตวิธีการใช้งานในขั้นตอน Sprint Review เพื่อ Demo Product ที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้กับ PO และผู้ใช้งานเพื่อเป็นการรายงานความคืบหน้าว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรไปแล้วบ้าง รวมถึงผลตอบรับจากทางลูกค้า สำหรับการปรับปรุงในครั้งต่อไป โดยในขั้นตอนสุดท้ายคือ Sprint Retrospective จะเป็นการพูดคุยกันภายในทีมแชร์และเสนอแนะการปรับปรุงการทำงาน โดยอาจพูดคุยกับทีมลูกค้าด้วย ว่าที่ผ่านมาเรามีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อความรู้สึกของการทำงานเป็นทีมเดียวกัน และในขณะเดียวกันก็สามารถนำคำแนะนำมาปรับการทำงานที่ดีขึ้นในครั้งถัดไป
![]()
ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัด จากการประยุกต์ใช้แนวคิดการทำงานแบบ Agile ที่ Muze นั้น คือการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ คุมประสิทธิภาพของการทำงาน และระยะเวลาในการทำงานให้อยู่ภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด ประกอบกับ Muze ยังมีบรรยากาศการทำงานที่เป็นกันเอง เปิดโอกาสให้พนักงานเสนอความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา หรือออกไอเดียต่างๆได้ จึงมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ระบบการทำงานแบบ Agile ที่ Muze นั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทำให้ทุกคนในทีมกล้าที่สื่อสาร สามารถสื่อสารกันได้ดียิ่งขึ้น ก่อให้เกิดผลงานที่ดี และการสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยม ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ Muze ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโซลูชั่นเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นให้แบรนด์ขนาดใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบ OTT (Over-the-Top) ให้กับบริษัท BECi ยักษ์ใหญ่ด้านวงการสื่อสารมวลชนของไทย การร่วมพัฒนา Omni-Channels กับ McGroup แบรนด์กางเกงยีนส์รายใหญ่ของไทยจนสามารถสร้างยอดขายเฉพาะ Online ได้กว่า 500 ล้านบาทต่อปี รวมถึงเป็นผู้พัฒนาระบบหลังบ้านมากมายให้บริษัทในเครือ True Corporation นอกจากนี้ Muze ยังพัฒนาโซลูชั่นด้าน e-Commerce อีกมากมายที่ช่วยให้แบรนด์สามารถปรับตัวและอยู่รอดในยุคดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่ง
กลุ่มไบโอซายน์ (BIS) เปิดตัว eSaote อัลตราซาวน์ระดับโลก สำหรับสัตว์เลี้ยง
รองรับธุรกิจสัตว์เลี้ยงไทย ขยายตัวแรงสวนกระแสโควิด แตะ 35,000 ล้านบาท
กลุ่มไบโอซายน์ ผู้นำด้านเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ รุกขยายธุรกิจสัตว์เลี้ยงเต็มตัว ล่าสุด เปิดตัวเครื่องอัลตราซาวน์ระดับโลกสำหรับสัตว์ “eSaote” (อีเซาเต้) จากประเทศอิตาลี รองรับตลาดสัตว์เลี้ยงไทยบูมไม่หยุด สวนทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากโควิด-19
![]()
นสพ.ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด เปิดเผยว่า “ กลุ่มไบโอซายน์ เป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ และ เวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นทั้งการจำหน่าย วัคซีน อาหารเสริมสำหรับสัตว์ ตลอดจนเครื่องมือแพทย์สำหรับสัตว์และสัตว์เลี้ยง ล่าสุด บริษัท เพ็ด เอ็กซ์ จำกัด ใน กลุ่มไบโอซายน์ (BIS) ได้สิทธิเป็นผู้ทำตลาด เครื่องอัลตราซาวน์ระดับโลกสำหรับสัตว์ “eSaote” (อีเซาเต้) จากประเทศอิตาลี แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดย eSaote เป็นแบรนด์อัลตราซาวน์ชั้นนำของโลกทั้งในคนและในสัตว์ โดยมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจโรงพยาบาลสัตว์และคลินิคสัตวเลี้ยง (จากการสำรวจปี 2019) เนื่องจากเป็นอัลตราซาวน์ที่มีโปรแกรมสำหรับสัตว์โดยเฉพาะ ตอบโจทย์การวินิจฉัยโรคทางสัตวแพทย์ได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ยังได้สนับสนุนการเรียนรู้ทางการวิชาการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเร็วๆนี้บริษัทฯได้รับการตอบรับที่ดีจากงานสัมมนาวิชาการสัตว์แพทย์ระดับภูมิภาคครั้งที่ 13 (The 13th VPAT Regional Veterinary Congress 2021) เมื่อ 17-20 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งในงานมีวิทยากรระดับโลกมาร่วมเสวนาจำนวนมาก
![]()
“ ธุรกิจคลินิกสัตว์เลี้ยงและโรงพยาบาลสัตว์ ในไทยได้ขยายตัวอย่างสูงและต่อเนื่องติดต่อกันหลายปี แม้ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ธุรกิจสัตว์เลี้ยงยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากคนไทยให้ความสำคัญกับการดูแลสัตว์เลี้ยง โดยครอบครัวและกลุ่มคนรุ่นใหม่นิยมเลี้ยงสุนัขและแมวพันธุ์ต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาค่อนข้างสูง ทำให้มีคลินิกรักษาสัตว์เกิดขึ้นทั่วประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพ ปริมณฑล และ เมืองใหญ่ต่างๆ อาทิ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ ระยอง นครราชสีมา เป็นต้น ปัจจุบันมีการประมาณมูลค่าธุรกิจสัตว์เลี้ยงสูงถึงประมาณ 35,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งกลุ่มไบโอซายน์ มีความพร้อม ที่ จะขยายธุรกิจด้านสัตว์เลี้ยงมากยิ่งขึ้น โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเวชภัณฑ์สัตว์ และโภชนาการสัตว์ รวมถึง บริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกจำนวนมาก มีความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์ด้านเวชภัณฑ์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างครอบคลุม และมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องใน 3 ปีนี้”
กลุ่มไบโอซายน์ (BIS) เป็น 1 ในผู้นำในธุรกิจเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ ทั้งปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง ที่ครบวงจรที่สุดของไทยโดยมีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทจากผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก โดย BIS เกิดจากการรวมตัวของ กลุ่มสัตว์แพทย์ที่มีทั้ง
ความเชี่ยวชาญด้านการรักษาสัตว์ และ ที่สำคัญ มีความสามารถทางการบริหารธุรกิจ ให้เติบโตอย่างมั่นคง อีกทั้งยังปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและดีเยี่ยม ด้วยคุณภาพการกระจายสินค้า การสนับสนุนด้านเทคนิค บริการหลังการขายและกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม ทำให้เป็นที่ไว้วางใจของทั้งผู้ผลิตและลูกค้า ครอบคลุมตลาดสัตว์เลี้ยง ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำในการวิจัย พัฒนา และจัดหานวัตกรรมและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ควบคู่ไปกับการบริการ เทคโนโลยีขั้นสูงในภาคสุขภาพสัตว์ในประเทศ
realme (เรียลมี) แบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลก ได้ประกาศเปิดตัว Flagship Killer รุ่นใหม่ล่าสุด “realme GT Neo2” ไปแล้วอย่างเป็นทางการซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับวงการสมาร์ตโฟนอย่างมากจากการนำเสนอโทนสีใหม่สุดจี๊ดอย่าง NEO Green ที่สื่อถึงความหรูหราสวยงาม เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และพลังของคนรุ่นใหม่ได้อย่างโดดเด่น (Technology and Vitality) โดยเป็นผลงานการออกแบบของ realme Design Studio และในวันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับสตูดิโอด้านการออกแบบอย่างเป็นทางการแห่งแรกของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนแห่งนี้ เพื่อเจาะลึกถึงการพัฒนาโทนสีของสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่สามารถมัดใจผู้ใช้งานรุ่นใหม่ทั่วโลก

โทนสี NEO Green ของ realme GT Neo2
realme Design Studio สตูดิโอด้านการออกแบบสมาร์ตโฟนอย่างเป็นทางการแห่งแรก
เราอาจเคยได้ยินกันมาบ้างว่าแบรนด์ดัง ๆ ล้วนมี Design Studio เป็นของตนเอง แต่มักจำกัดอยู่เฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์หรือโรงงานการผลิตสินค้าขนาดใหญ่ ส่วนอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนมักอยู่ในรูปของทีมนักออกแบบเท่านั้น แต่ realme ได้จัดตั้ง Design Studio แห่งแรกอย่างเป็นทางการ เพื่อทุ่มเททำงานด้านการออกแบบสมาร์ตโฟนโดยเฉพาะ
realme Design Studio ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2019 โดยมีสองดีไซเนอร์ชื่อดัง Paco และ Sire ร่วมกันบริหารงาน รวบรวมทีมนักออกแบบรุ่นใหม่ไฟแรงและฝีมือขั้นเทพมากกว่า 40 ชีวิต ซึ่งเคยสร้างสรรค์
ผลงานอันน่าประทับใจมาแล้วกว่า 100 ชิ้น และในฐานะกลุ่มนักออกแบบที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเชิงอุตสาหกรรมและการออกแบบภาพ ทำให้ realme Design Studio มุ่งมั่นผลิตงานออกแบบเชิงอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่น ตอบโจทย์ความต้องการได้แบบเหนือความคาดหมาย และนำเสนองานดีไซน์ที่แปลกใหม่ในแบบฉบับผู้นำเทรนด์เพื่อคนหนุ่มสาวอย่างแท้จริง
![]()
![]()
Paco ผู้อำนวยการฝ่าย Visual Design แห่ง realme Design Studio
และ Sire ผู้อำนวยการฝ่าย Industrial Design แห่ง realme Design Studio
![]()
ทีมนักออกแบบแห่ง realme Design Studio
โทนสีแรกที่ถูกสร้างสรรค์ในระบบสีของ realme Design Studio
ด้วยแนวคิดการผสานเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเข้ากับพลังของคนรุ่นใหม่ (Technology and Vitality) realme Design Studio จึงคิดค้นโทนสีที่จะสื่อถึงบุคลิกภาพที่ชัดเจนของคน Gen Z โดยต้องเป็นโทนสีที่มีคอนทราสต์จัดจ้านและเลือกจากกลุ่มโทนสีเขียวนีออน (Neon Green) ที่มีความอิ่มสีสูง เพื่อให้ realme GT Neo2 5G โดดเด่นสวยงามและสามารถสะกดทุกสายตาได้ในทันที
![]()

นอกจากโมเดลสีตามระบบ LAB ทาง realme Design Studio ยังกำหนดหลักเกณฑ์ของ 3 องค์ประกอบ ได้แก่ HAZE (ความขุ่น), F/A (อัตราการเรืองแสงของสี) และ RA (ความหยาบ) เพื่อเพิ่มความอิ่มตัวของสีให้กับตัวผลิตภัณฑ์ โดยโทนสี NEO Green เกิดจากการผสมกันของสีเขียวนีออนที่มีความอิ่มตัวของสี เข้ากับสีดำบริสุทธิ์ในอัตราส่วน 7:3 ซึ่งในส่วนที่เป็นสีเขียวนีออนถูกขัดเงาที่ระดับ 0.25 เพื่อให้โทนสีดูสว่างสดใสขึ้น และยังให้สัมผัสการจับถือที่เนียนลื่นสบายมือ
การสร้างสรรค์สี NEO Green ด้วยพื้นผิวสองโทนสีและเคลือบนาโนเลเยอร์ 7 ชั้น
เห็นได้ชัดว่า realme GT Neo2 5G คือสมาร์ตโฟนเครื่องแรกของวงการที่กล้าใช้โทนสีเขียวนีออนที่มีความอิ่มตัวของสีสูงสุด ผ่านการเคลือบนาโนเลเยอร์ถึง 7 ชั้น เพื่อเพิ่มความอิ่มสีขึ้นอีก 50% เมื่อเปรียบเทียบกับขั้นตอนปกติทั่วไป ซึ่งทำให้โทนสี Neo Green โดดเด่นกว่าสมาร์ตโฟนในโทนสีทั่วไปอย่างชัดเจน นอกจากนี้ นักออกแบบยังใช้ความคอนทราสต์ของ 2 โทนสีคือเขียวนีออนและดำ ร่วมกับการดีไซน์แถบยาวที่มีแรงบันดาลใจมาจากลู่แข่ง เพื่อสร้างความรู้สึกถึงเทคโนโลยีและความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว
การสร้างสรรค์สี NEO Green ด้วยพื้นผิวสองโทนสีและเคลือบนาโนเลเยอร์ 7 ชั้น
ในส่วนของการสร้างผิวสัมผัส realme ได้พัฒนา Satin Silky AG Effect บนผิวกระจก เพื่อมอบการจับมือที่เนียนลื่นสบายมือด้วยผิวกระจกด้านสีเขียวนีออน ผสานกับแถบตกแต่งสีดำที่เรียบลื่นและให้สัมผัสเย็นสบายในยามจับถือ ทำให้เกิดสองความรู้สึกที่แตกต่างพร้อมกันอย่างกลมกลืน การใช้พื้นผิวแบบสองโทนสียังช่วยให้ realme GT Neo2 5G มีความทนทานต่อการขีดข่วนและป้องกันการลื่นหลุดมือ ซึ่งส่งผลถึงสุนทรีภาพในการใช้งานโดยตรง

ห้ามพลาด! อีกโทนสีที่โดดเด่นไม่แพ้กัน คือ NEO Blue
NEO Blue มีแรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศยามพระอาทิตย์ขึ้นริมชายหาด มอบความสวยงามเจิดจ้าด้วยการเคลือบผิวแบบเมทัลลิก และมีการใช้กระบวนการเคลือบนาโนเลเยอร์ 7 ชั้นเช่นดียวกัน เพื่อมอบสัมผัสการจับถือที่กระชับมั่นคง พร้อมกับความสวยงามของฝาหลังที่แปลกตาไม่ซ้ำใคร
realme GT Neo2 5G คือสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล realme GT ที่ยังคงเน้นย้ำถึงการนำเสนอดีไซน์สุดล้ำควบคู่ไปกับนวัตกรรมไฮเทค เพื่อคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในเทคโนโลยี เหนืออื่นใด realme GT Neo2 5G ถือเป็นผลงานชิ้นแรกของ realme Design Studio สตูดิโอด้านการออกแบบแห่งแรกของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนโดยกลุ่มดีไซเนอร์ที่เข้าใจในเทคโนโลยีและพลังของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
สำหรับประเทศไทย จะนำเสนอ 2 สีด้วยกัน ได้แก่ NEO Green และ NEO Blue ในงานเปิดตัว ‘Everything in NEO’ ซึ่งจะจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของทาง realme ได้แก่ YouTube และ Facebook ในวันที่ ตั้งแต่เวลา 2564 พฤศจิกายน 314.00 – 15.00 น. และงานนี้ ทาง realme ยังได้เตรียมของรางวัลพิเศษ realme GT Neo 25G พร้อมด้วย realme air buds 2 ให้กับผู้ที่ติดตามรับชมกันอีกด้วย โดยจะมีเงื่อนไขอะไรบ้างนั้น ต้องติดตามกันในงาน
![]()
###
FSMART ผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติและการเงินครบวงจร ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยผ่าน “ตู้บุญเติม” ผนึกกำลัง CENPAY ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ผู้ให้บริการรับชำระบิลและเติมเงินที่มีศักยภาพ เปิดให้บริการทางการเงินครบวงจร ภายใต้ชื่อ “CenPay powered by บุญเติม” เพิ่มจุดTouch Point ลูกค้า จาก “ตู้บุญเติม” ขยาย เพิ่มเคาน์เตอร์แคชเชียร์พร้อมเปิดให้บริการมากกว่า 1,300 รายการ มากกว่า 1,700 จุดทั่วประเทศ
นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) “FSMART” เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทมุ่งเน้นพัฒนาแพลตฟอร์มทางการเงินเพื่อให้ครอบคลุม และครบวงจร ตอบสนองความต้องการของลูกค้า “ตู้บุญเติม” มาตลอด โดยบริษัทยังคงไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาระบบการชำระเงินอัตโนมัติ และรวบรวมบริการต่างๆ ให้มีความหลากหลาย ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภค เพื่อสามารถตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่ม เพื่อให้สะดวก ง่าย ต่อการใช้บริการมากที่สุด โดยมีจุดบริการที่ “ตู้บุญเติม” กว่า 130,000 ตู้ เป็นจุดให้ที่กระจายอยู่ในทุกชุมชนทั่วประเทศ ตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้า 20 ล้านราย พร้อมก้าวสู่บริการใน Mobile Application เน้น ง่าย สะดวกสบาย โดยในปีนี้เราได้พัฒนาระบบการชำระเงินครบวงจรผ่านการผนึกกำลังกับ CENPAY ในเครือกลุ่มเซ็นทรัลภายใต้ชื่อ “CenPay powered by บุญเติม” มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-สูง นำศักยภาพด้านบริการมุ่งสู่ Ecosystem เต็มตัวโดยบริษัทตั้งเป้าการชำระบิลผ่าน “CenPay powered by บุญเติม” เพิ่มขึ้นต่อปี 5,000 ล้านบาท
นายมนตรี สิทธิญาวณิชย์ Head of Financial Services กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลเล็งเห็นถึงศักยภาพในการให้บริการรับชำระค่าบริการของตู้บุญเติมที่มอบความสะดวกให้กับลูกค้าได้อย่างครอบคลุม และเพื่อให้ลูกค้า ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดและเป็น Central Of life สำหรับลูกค้าอย่างแท้จริง เราจึงได้จับมือกับFSMART เสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการรับชำาระบิลและเติมเงินที่มีศักยภาพ ภายใต้ชื่อ “CenPay powered by บุญเติม” ที่มีบริการรับชำระเงิน และเติมเงินมากกว่า 1,300 รายการ ทั้งค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต เบี้ยประกัน บัตรเครดิต ตั๋วเครื่องบิน รวมไปถึงการบริการเติมเงินมือถือ เติมเกมออนไลน์ กว่า 1,700 จุดทั่วประเทศภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์, ท็อปส์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่ มาร์ท, มัทสึโมโตะ คิโยชิ, เพาเวอร์บาย, ซูเปอร์สปอร์ต, บีทูเอส, ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์, ออฟฟิศเมท และ ออโต้ วัน นอกจากนี้ยังได้เปิดบริการรับฝากเงินสด ผ่านเคาน์เตอร์แคชเชียร์ในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อที่ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท ทุกสาขาทั่วประเทศอีกด้วย
“ปัจจุบันความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ส่งผลทำให้รูปแบบให้บริการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ดังนั้นการ ขยายจุดให้บริการการเงินครบวงจรผ่านเคาน์เตอร์แคชเชียร์ในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบการให้บริการทางการเงินครบวงจร รวมถึงการเป็นตัวกลางทางธุรกิจ เพื่อให้เครือข่ายของบุญเติมเป็น Business Ecosystem ที่มีศักยภาพที่จะเกิดขึ้นพร้อมการให้บริการในรูปแบบ Digital มากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทมีศักยภาพพร้อมหลายๆด้าน ทั้งทางด้านการพัฒนาระบบที่บริษัทเป็นผู้ออกแบบ และผลิตระบบการให้บริการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมการนำจุดแข็งด้าน Network การเข้าถึงพื้นที่ การมีฐานข้อมูลการใช้บริการของลูกค้าขนาดใหญ่ จาก “ตู้บุญเติม” ทำให้บริษัทมีศักยภาพเพียงพอที่จะขยายการให้บริการเพิ่มขึ้นในรูปแบบของ offline to online จากการให้บริการผ่านตู้อัตโนมัติไป ยังเคาน์เตอร์ภายในร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมถึงการเปิดให้บริการผ่านแอปพลิเคชันที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ซึ่งในการดำเนินธุรกิจแบบ offline to online และ Business Ecosystem ในครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ให้กับกลุ่มธุรกิจบริการของบริษัทอย่างแน่นอน” นายณรงค์ศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย
- 2C2P ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการชําระเงินระดับโลกประกาศความร่วมมือกับ UnionPay International เพื่อนําเสนอโซลูชันการตรวจสอบการชําระเงิน UnionPay 3-D Secure (3DS) ให้กับเครือข่ายร้านค้าของ 2C2P ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และฮ่องกง ทําให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้นสําหรับการชําระเงินช็อปปิ้งออนไลน์
ในฐานะผู้ให้บริการชําระเงินรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดตัวเทคโนโลยีการรับรองความถูกต้องของ UnionPay ทาง 2C2P จะเปิดตัว UnionPay 3DS ในเดือนตุลาคมเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและต่อมาในกัมพูชาฮ่องกงอินโดนีเซียมาเลเซียพม่าฟิลิปปินส์และสิงคโปร์
เทคโนโลยีการตรวจสอบการชําระเงินออนไลน์รุ่นใหม่ของ UnionPay เป็นไปตาม EMV 3-D Secure ซึ่งเป็นโปรโตคอลความปลอดภัยล่าสุดที่ออกแบบมา เพื่อลดการฉ้อโกง การชําระเงินและทําให้ธุรกรรมเดบิตและบัตรเครดิตออนไลน์ไม่ติดขัด
นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการชําระเงินออนไลน์อย่างครบวงจร และการเป็นพันธมิตรกับยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนลแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นดังกล่าว นอกจากนี้ยังช่วยให้ร้านค้าของเรา สามารถเข้าถึงลูกค้าที่หลากหลายและช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้จ่ายในร้านค้าได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย ในเครือข่ายการชําระเงินออนไลน์ที่กว้างขวางของ 2C2P ซึ่งรวมถึงสายการบิน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เก็ต”
“บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาในด้านการให้บริการชำระเงินออนไลน์แบบครบวงจร โดยเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกันขยายขีดความสามารถการให้บริการชำระเงินผ่านบัตรยูเนี่ยนเพย์ครั้งนี้จะเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถให้ลูกค้าใช้จ่ายในร้านค้าชั้นนำ รวมถึงบริการต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การใช้ระบบชำระเงินออนไลน์ของทูซีทูพี ได้แก่ สายการบิน ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต เครื่องสำอางค์ อีบุ้ค ได้อย่างสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย นอกจากนี้ยังมั่นใจว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรยูเนี่ยนเพย์ออนไลน์จะเพิ่มขึ้นด้วยอย่างแน่นอน เนื่องจากสิทธิประโยชน์มากมายที่ทางทูซีทูพีและยูเนี่ยนเพย์ได้เตรียมมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกค้าผู้ใช้บริการไปจนถึงสิ้นปีนี้”
ด้านนายไช่ ฮุ่ยหมิง ผู้จัดการทั่วไป ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "UnionPay เป็นแบรนด์การชําระเงินระดับโลกที่ให้โซลูชันการชําระเงินที่รวดเร็วสะดวกและปลอดภัยสําหรับฐานผู้ถือบัตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศไทยยังคงอยู่ช่วงเว้นระยะห่าง เน้นการช็อปปิ้งออนไลน์ในช่วงการแพร่ระบาด ความร่วมมือของเรากับ 2C2P จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การชําระเงินออนไลน์สําหรับผู้ถือบัตร UnionPay ทําให้การชําระเงินของพวกเขาราบรื่นในเครือข่ายผู้ค้าที่กว้างขวางของ 2C2P"
ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มกราคม 2565 ผู้ถือบัตรยูเนี่ยนเพย์ที่ออกในประเทศไทย 5,000 รายแรกจะได้รับรหัสบัตรกํานัล Grab Food มูลค่า 300 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายขั้นต่ํา 2,000 บาท และรหัสบัตรกํานัล Grab Food มูลค่า 200 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายขั้นต่ํา 1,000 บาท ผ่านออนไลน์ที่ร้านค้า 2C2P เช่น AIS Online Store, aCommerce (dolce-gusto and mamypoko-club), Bangkok Airways, Boonthavorn, Central Online, DDC Group, Dhipaya Insurance, easyBills, iStudio by SPVi, JD Central, J.I.B, King Power, Meb Market, Mercular, Nok Air, OfficeMate, PowerBuy, Robinson Online, SB Design, SCG Home, SE-ED, Thai Airways Thai Lion Air, Thai Route, Thai Smile, Thailand Post Mart, Ticket Melon และ Zillion สำหรับ airasia Super App ผู้ถือบัตรยูเนี่ยนเพย์ 1,000 รายแรกที่มีบัตรยูเนี่ยนเพย์ที่ออกในประเทศไทยจะได้รับส่วนลด 100 บาท เมื่อสั่งอาหารผ่าน airasia food โดยจะเริ่มโปรโมชั่นได้เร็วๆนี้
บัตรยูเนี่ยนเพย์ออกโดย อิออน ธนสินทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารแห่งประเทศจีน ไอซีบีซี ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารกรุงไทย บริษัทบัตรกรุงไทย และ LH Bank
นายปิยชาติ ตั้งข้อสังเกตว่าคนไทยจํานวนมากใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดจากการสํารวจ Future Shopper 2021 ของผู้ตอบแบบสอบถาม 28,000 คนใน 17 ตลาด 94% ของผู้บริโภคชาวไทยซึ่งเป็นส่วนแบ่งที่สูงที่สุดในการสํารวจ - กล่าวว่าการช็อปปิ้งออนไลน์ได้มาช่วยพวกเขาเมื่อปีที่แล้ว
"ความร่วมมือครั้งนี้กับยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นอีกก้าวหนึ่งของ 2C2P เพื่อยืนยันความเป็นผู้นําของเราในฐานะแพลตฟอร์มการชําระเงินระดับโลก เนื่องจากให้บริการชําระเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยแก่ลูกค้า 2C2P เพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งที่ร้านค้าชั้นนํา การโอนเงิน หรือจ่ายค่าน้ํา-ค่าไฟฟ้า และอื่นๆ" นายปิยชาติกล่าวเสริม