December 18, 2025

 ดีแทคและลาซาด้า (Lazada) เล็งเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยบนแพลตฟอร์ม จึงร่วมกันจัดแพ็กเกจลดต้นทุนค่าใช้บริการอินเทอร์เน็ตพร้อมค่าโทร ช่วยเพิ่มศักยภาพการขายของทางออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการร้านค้าเดิม รวมถึงร้านค้ารายใหม่บนแพลตฟอร์มลาซาด้า ให้ดำเนินธุรกิจได้ไม่สะดุด ขายได้รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา

โดยดีแทคจัดแพ็กเกจสุดพิเศษนี้ให้เฉพาะกับผู้ประกอบการร้านค้าบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ได้ใช้งานโทรศัพท์มือถือรายเดือนสุดคุ้ม ทั้งเน็ตไม่อั้นแบบเต็มสปีด โทรฟรีได้ทุกค่าย พร้อมรับสิทธิพิเศษอีกมากมาย สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเป็นร้านค้าบนแพลตฟอร์มลาซาด้า เพื่อรับสิทธิ์สมัครแพ็กเกจสุดคุ้มจากดีแทค สามารถสมัครได้ที่ แอปพลิเคชั่น Lazada seller center ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sellercenter.lazada.co.th

นางบุรณิศ มารัญพาล มอสควา ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานพันธมิตรและช่องทางจัดจำหน่าย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การเติบโตของการใช้ดิจิทัลมากขึ้นอย่างเป็นปรากฎการณ์ในกลุ่มลูกค้าดีแทค โดยดีแทคได้ให้ความสำคัญกับการกำหนดวาระติดสปีดดิจิทัล (Fast Forward Digital) หนึ่งในภารกิจนี้ คือการขยายบริการดิจิทัลให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากขึ้นผ่านโมเดลการทำงานแบบเอไจล์กับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมอื่น (Go beyond connectivity) ซึ่งความร่วมมือกับลาซาด้า นับเป็นการสร้างพันธมิตรไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยได้เข้าถึงบริการเชื่อมต่อ จากแพ็กเกจพิเศษ ที่เพิ่มศักยภาพการขายของทางออนไลน์ และให้สิทธิประโยชน์ กับผู้ประกอบการไทย

นางสาวธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า ธุรกิจ SMEs นับเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย ลาซาด้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับดีแทค ในการช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ได้ใช้งานแพ็กเกจโทรศัพท์มือถือที่คุ้มค่า ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ช่วยให้ต่อยอดธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ลาซาด้าเป็นแพลตฟอร์มที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกมิติ เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องมือสนับสนุน โซลูชัน รวมถึงแคมเปญส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะเมกะแคมเปญในช่วงส่งท้ายปีอย่าง Lazada 11.11 Our Biggest One-Day Sale และ 12.12 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ซึ่งจะช่วยมอบผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ขายบนแพลตฟอร์ม อันนำไปสู่การขับเคลื่อนให้ภาคธุรกิจของไทยกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

บริษัท พอว์ดักส์ จำกัด ตัวแทนนําเข้าและจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ YORA รายเดียวในประเทศไทย โดยการรวมตัวครั้งสำคัญของ 4 ผู้บริหารรุ่นใหม่ได้แก่ เจส แดงบุญเรือง, มารีญา พูลเลิศลาภ, นริศ วิทยาวรากรณ์ และ สุวชิระ วิจิตรพรกุล เปิดตัวสนั่นวงการอาหารสัตว์เลี้ยงกับแบรนด์ YORA อาหารสัตว์เลี้ยงครบคุณค่าโภชนาการเกรด พรีเมี่ยมจากประเทศอังกฤษ และยังถือเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์นำเข้าเจ้าแรกในประเทศไทย ที่ผลิตจากแมลง (Hermetia illucens Larvae) หรือลูกหนอน Black Soldier Fly ผ่านกระบวนการการผลิตมาตรฐานขั้นสูงที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงเท่านั้นยังได้รับการสนับสนุนจากสมาคมสัตวเเพทย์เเห่งประเทศอังกฤษ British Veterinary Association อีกด้วย

 เจส แดงบุญเรือง หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท พอว์ดักส์ จำกัด กล่าวว่า “เมื่อคุณเลือกอาหารสุนัขของโยรา ไม่เพียงแค่จะได้ดูแลสุนัขของคุณเท่านั้น คุณจะได้

ดูแลสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้ไปพร้อมๆ กันอีกด้วย อาหารสุนัขของโยราทุกสูตรนั้นใช้เวลาในการพัฒนากว่า 5 ปี เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสุนัขในทุกเพศ และทุกวัย และเป็นสูตรที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ (Hypoallergenic) ซึ่งส่งผลที่ดียิ่งขึ้นไปอีกสำหรับสุนัขในกลุ่มที่มีอาการแพ้โปรตีน ที่ทำมาจากไก่, หมู, และเนื้อวัว อย่างแท้จริง เพราะโยราเป็นโปรตีนที่ได้จากแมลง ผู้เลี้ยงจึงสามารถสบายใจในเรื่องของสุขภาพองค์รวมได้ ไม่ว่าจะเป็นการย่อยที่ง่ายขึ้น ลดอาการคัน ขนร่วง และคราบน้ำตา ซึ่งเป็นอาการแพ้อาหารของสุนัขไปได้ครับ อีกทั้งการทำฟาร์มลูกหนอนช่วยลดโลกร้อนที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจก และประหยัดทรัพยากรธรรมชาติได้หลายร้อยเท่าตัว เมื่อเทียบกับการทำฟาร์มปศุสัตว์ใหญ่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนให้สุนัขมาทานโยราจะสามารถลดค่า CO2 Emissions หรือก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์ในอากาศ ได้สูงถึง 8,800 ตัน หรือการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ คือ การ ขับรถ 21,880 ไมล์หรือบินจากสนามบินลอนดอน ประเทศอังกฤษ ไปโรมประเทศอิตาลี 40 ครั้ง ด้วยความตั้งใจจากพวกเราทีมบริหารทุกคน ที่เล็งเห็นถึงคุณค่าของโยรา อยากจะดูแลสัตว์เลี้ยงของพวกเรา และโลกใบนี้ไปพร้อมกัน เราจึงเสาะแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนรักสัตว์เลี้ยง จึงเป็นที่มากับการนำเข้า และในที่สุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ YORA โดยเริ่มจากอาหารสุนัข (ทั้ง 5 สูตรและขนมขบเคี้ยว 2 รสชาติ) โยราเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขที่ทำจากแมลงแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่ได้วางจำหน่ายในท้องตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และล่าสุดอาหารแมวของโยราที่เพิ่งเปิดตัวไปที่ประเทศอังกฤษ มีคิวจะมาประเทศไทยในไตรมาสแรกปี 2022 เช่นกัน นอกจากนี้ตัวบรรจุภัณฑ์ของ YORA ทุกชิ้น ทำจากพลาสติก LPDE (Low Density Polyethylene) จึงสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ส่วนหมึกพิมพ์ก็ทำมาจากถั่วเหลือง ไม่มีสารพิษตกค้างแน่นอนครับ”

 

YORA ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบ Holistic ที่ใช้โปรตีนทางเลือกแบบใหม่ และยังเป็นแบรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลกในขณะนี้ มีให้เลือก 5 สูตรอาหารตามความเหมาะสมทุกช่วงวัย ดังนี้

 

1. YORA Complete All Breeds: อาหารสำหรับสุนัขโตเต็มวัยทุกสายพันธุ์ - สูตรครบคุณค่าโภชนาการสำหรับสุนัขโตเต็มวัย ตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป

ส่วนผสมโปรตีนหลักจากแมลงและผักสร้างความสมดุลย์ในร่างกายและสุขภาพที่ดี ขนาดเม็ด 1.00 cm ทรงสามเหลี่ยมเคี้ยวง่าย และช่วยในการขัดฟัน

2. YORA Puppy: อาหารสำหรับลูกสุนัขตั้งแต่เริ่มหย่านมจนถึง12 เดือน – สูตรโปรตีนจากแมลง สูงถึง 26% เสริมการเจริญเติบโตของร่างกายและกล้ามเนื้อให้สมบูรณ์ มีส่วนผสมจากสาหร่ายทะเล DHA Dried Algae บำรุงสมองและระบบเส้นประสาทให้ลูกสุนัขที่คุณรัก ขนาดเม็ด 0.5 cm เคี้ยวง่ายไม่ติดคอ

3. YORA Small Breeds: อาหารสำหรับสุนัขโตเต็มวัย สายพันธุ์เล็ก - สูตรสำหรับสุนัขสายพันธุ์เล็ก เช่น Chihuahua, Pomeranian, Yorkshire Terrior, Pug, Shih Tzu และอื่นๆ ที่มีสัดส่วนโปรตีนจากแมลงและไขมันที่สูงกว่า เพื่อการเผาผลาญของสุนัขไซซ์เล็ก ขนาดเม็ด 0.7 cm เคี้ยวง่าย อร่อยเต็มคำ

 

4. YORA Large Breeds: อาหารสำหรับสุนัขโตเต็มวัย สายพันธุ์ใหญ่ – สูตรสำหรับสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ เช่น Great Dane, Siberian Husky, Golden Retriever, Newfoundland, Mastiff และอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของ Glucosamine Chondroitin และ MSM (Methylsulfonylmethane) เพื่อบำรุงข้อและกระดูกเป็นพิเศษ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคข้อกระดูก ขนาดเม็ด 1.50 cm ทรงสามเหลี่ยม เคี้ยวง่ายและช่วยขัดฟัน

 

5. YORA Light / Senior: อาหารสำหรับสุนัขสูงวัยหรือควบคุมน้ำหนัก - สูตรไขมันต่ำสำหรับสุนัขสูงวัย หรือต้องควบคุมน้ำหนัก หรือทำหมัน มีส่วนผสมของ Lycopene และสมุนไพรเช่น Marigold, Milk Thistle และ Peppermint ที่ช่วยในการบำรุงสายตา ลดการบวม และยังต้านอนุมูลอิสระ Glucosamine Chondroitin และ MSM (Methylsulfonylmethane) เพื่อบำรุงข้อและกระดูกสุนัขสูงวัย ขนาดเม็ด 1.00 cm เคี้ยวง่ายช่วยขัดฟัน ส่งต่อความรักให้น้องหมาแสนรักด้วยขนมอบขบเคี้ยวของสุนัข 2 รสชาติ (*ทานได้ทุกวัยตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป)

 

 · YORA Rewards Treats: ขนมอบขบเคี้ยวสำหรับสุนัข (100 กรัม)- รสชาติหอมอร่อย ส่วนผสมหลักจากแอปเปิ้ล แครอท และข้าวโอ๊ต อุดมด้วยโปรตีนจากแมลง

· YORA Dreamer Treats: ขนมอบขบเคี้ยวสำหรับสุนัข (100 กรัม) - สูตรช่วยผ่อนคลายลดความเครียดที่มีส่วนผสมของสมุนไพรอาทิ Chamomile, Lemon Balm, และ Valerian Root

 

 บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดโครงการประจำปี “Seeds for the Future 2021” ขึ้นในกรุงเทพฯ เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ฝึกฝนทักษะด้านไอซีที และให้นิสิตนักศึกษาที่มีความสามารถได้ค้นพบศักยภาพที่แท้จริงของตน ผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมภาคปฏิบัติกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม โดยมีพิธีปิดงานและพิธีมอบประกาศนียบัตรได้รับเกียรติจากนางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาเป็นประธานในพิธีฯ

 

ในปี 2564 นี้ นิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรีจำนวน 15 คน จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.), สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยรังสิต ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมในโครงการ โดยตลอดหลักสูตรได้มีนักศึกษาจากประเทศอุซเบกิสถาน และเบลารุส เข้าร่วมในชั้นเรียนออนไลน์พร้อมกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรมระหว่าง 3 ประเทศ

 

คอร์สฝึกอบรมแบบเร่งรัดในระยะเวลา 8 วัน ประกอบด้วยหลักสูตรไอซีทีที่ถ่ายทอดสดมาจากสำนักงานใหญ่ของหัวเว่ยในเซินเจิ้น ประเทศจีน รวมถึงคลาสแบบออฟไลน์ที่จัดขึ้นที่สำนักงานของหัวเว่ย ประเทศไทย เช่นการเยี่ยม

ชมศูนย์ Thailand 5G Ecosystem Innovation Center (5G EIC) การจัดเวิร์กช็อปเขียนพู่กันจีนและศึกษาตัวอักษรภาษาจีน ทำให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในวัฒนธรรมจีนมากขึ้น พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมไอซีทีในประเทศของเพื่อนต่างชาติร่วมชั้นเรียน

 

การอบรมและเนื้อหาในหลักสูตรโครงการนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญของหัวเว่ย โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาทักษะของนิสิตนักศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการทำงานทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากหลักสูตรออนไลน์ในหัวข้อ 5G, IoT, AI และคลาวด์ คอมพิวติ้ง นิสิตนักศึกษาผู้เข้าร่วมยังได้มีโอกาสร่วมกันระดมความคิดสร้างสรรค์และทำโปรเจ็กต์กลุ่ม “TECH4Good” ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อร่วมกันพัฒนาสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ นอกจากนี้นิสิตนักศึกษาที่ผ่านหลักสูตรฝึกอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรจากหัวเว่ยเพื่อเป็นหลักฐานการสำเร็จหลักสูตร

 

หลักสูตรนี้ทำให้เราเห็นภาพรวมของอุตสาหกรรมและทิศทางของวงการไอซีทีในอนาคต เนื้อหาที่เราได้เรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและทักษะต่าง ๆ นั้นจัดทำขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญจริงที่ตั้งใจถ่ายทอดความรู้เชิงลึกที่หาไม่ได้ที่ไหน รวมไปถึงเวิร์คช้อปการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การไปเยี่ยมชมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และโครงการ TECH4Good ที่แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีไปปรับใช้เพื่อยกระดับคุณภาพของสังคมในด้านต่าง ๆ ช่วยให้เราสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตการทำงานจริง ดิฉันมั่นใจว่าความรู้และทักษะที่ได้จากโครงการนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพในการทำงานและเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แก่พวกเรา ต้องขอขอบคุณหัวเว่ยที่จัดกิจกรรมดี ๆ แบบโครงการ Seeds for the Future นี้ขึ้นมา” นางสาวพัชรินทร์ บุญสมเชื้อ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ตัวแทนนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ Seeds for The Future กล่าว

 

ระหว่างพิธีมอบประกาศนียบัตร นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในโลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีว่า “หนึ่งในภารกิจหลักของกระทรวงฯ คือการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน และด้วยการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน เราจึงได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลคุณภาพสูงและส่งเสริมการพัฒนาอีโคซิสเต็มดิจิทัลที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน” พร้อมเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม รากฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในปัจจุบัน แท้จริงแล้วคือการพัฒนาบุคลากรไอซีที กระทรวงฯ เชื่อว่าการศึกษาเชิงปฏิบัตินั้นสร้างประโยชน์มากมายแก่ผู้เรียนเมื่อพวกเขาเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน เราจึงพร้อมสนับสนุนโครงการพัฒนาศักยภาพบุคคลอย่าง “Seeds for the Future” ของหัวเว่ยอย่างเต็มที่ตลอดมา ดิฉันขอขอบคุณหัวเว่ยที่ได้ ร่วมทุ่มเท เพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร จนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีความสามารถ และการมีส่วนร่วมของหัวเว่ยในการช่วยขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ประเทศไทย 4.0 อย่างเต็มความสามารถตลอดมา” นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวสรุป

 

หัวเว่ยมีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านไอซีที ภายใต้พันธกิจ ‘Grow in Thailand, Contribute to Thailand’ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาคนี้ โครงการ Seeds for the Future ซึ่งริเริ่มขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2551 เราได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมไอซีทีให้แก่คนรุ่นใหม่มาโดยตลอด และด้วยประสบการณ์ระดับโลกในด้านไอซีทีกว่าหลายสิบปี เราจะร่วมเดินหน้าพัฒนาหลักสูตรดิจิทัล ให้ความรู้ในห้องเรียนสอดคล้องกับทักษะสำหรับการทำงานในชีวิตจริง เราพร้อมจับมือกับภาครัฐและพันธมิตร เพื่อยกระดับแรงงานดิจิทัลที่จะเข้ามาพลิกโฉมประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน” นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย ประเทศไทย กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างพิธีปิดงาน

 

 

 

 

นางสาวราอูชัน เยสบูลาโตวา (H.E. Ms. Raushan Yesbulatova) (ขวาสุด) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำประเทศไทย, มร.วลาดีมีร์ วี. ซอสนอฟ (Mr.Vladimir V.Sodnov) (ยืนกลาง) กงสุลใหญ่สหพันธรัฐรัสเซีย ประจำจังหวัดภูเก็ต ร่วมพิธีเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถาน จังหวัดภูเก็ต อย่างเป็นทางการ โดยมองว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งชาวคาซัคสถาน ซึ่งก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถาน กว่า 70,000 คน มาเยือนประเทศไทยทุกๆ ปี และภูเก็ตถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยม เชื่อว่าหากรัฐบาลไทยยอมรับวัคซีน Sputnik V จะยิ่งช่วยฟื้นฟูจำนวนนักท่องเที่ยว ชาวคาซัคสถาน เพราะประมาณ 80% ของประชากรที่ได้รับวัคซีนทั้งหมดของคาซัคสถาน ได้รับการฉีดวัคซีนของ Sputnik V.

 

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว คือ บริษัทสายการบินแห่งชาติของคาซัคสถาน Air Astana (แอร์แอสตานา) ที่ยังคงขยายเครือข่ายระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ได้เริ่มเที่ยวบินใหม่จากอัลมาตีไปภูเก็ต โดยให้บริการ 2 เที่ยวบิน ต่อสัปดาห์ (วันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์) และกำลังวางแผนที่จะเพิ่มเที่ยวบิน เป็น 5 เที่ยวบิน ต่อสัปดาห์

 

ในการนี้ ได้มอบสิทธิบัตรของกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐคาซัคสถาน ให้นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด (ที่ 2 จากซ้าย) ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์แห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำประเทศไทย ซึ่งมั่นใจว่าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคาซัคสถานกับไทย โดยมี นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ (ซ้ายสุด) รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต , นางสาวเบลล่า ทรอมเมอโชวา (Bella Tormysheva) (ที่ 2 จากขวา) รองประธานฝ่ายสื่อสารองค์กร สายการบิน Air Astana ร่วมในพิธีเปิด ณ สถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถาน จังหวัดภูเก็ต เมื่อเร็วๆนี้

=================================================

“เซเว่น อีเลฟเว่น” ผนึกทัพหลากพันธมิตรองค์กร Tech และหลากมืออาชีพด้าน AI จัดค่าย Creative AI Camp ปีที่ 4 แบบเข้มข้นเกือบ 2 เดือนผ่านออนไลน์ ชูแนวคิด “AI Altering The World” หวังร่วมพัฒนาเยาวชนไทยพร้อมรับมือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เปลี่ยน Landscape ทุกอาชีพ ทุกธุรกิจและ ทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ลุยติวทักษะเทคโนโลยีกลุ่ม ABCD ควบคู่องค์ความรู้ด้านธุรกิจโดยเจ้าของ Use case สร้าง “พลเมือง AI สร้างสรรค์” ผสานหลากองค์ความรู้ สู่ไอเดียผลงานนวัตกรรมตอบโจทย์สังคม

 

นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า "การส่งเสริมการเรียนรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) แก่เยาวชนไทย ถือเป็นวาระสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ บริษัทจึงได้ร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตรทั้งไทยและนานาชาติ จัดค่าย Creative AI Camp ปีที่ 4 ขึ้นภายใต้แนวคิด “AI Altering The World” ในรูปแบบ Phenomena Work-based Education Learning สร้างการเรียนรู้ผ่าน VDO Conference บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ระยะเวลาเกือบ 2 เดือนเต็ม เพื่อให้เยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและอาชีวศึกษา ได้มีโอกาสศึกษาศาสตร์และองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลต่อการพลิกโฉมทั้งสังคมและธุรกิจโลก"

 

โลกของเรากำลังอยู่ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เป็นโลกในยุค Digitization ที่ทุกอาชีพ ทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรม กำลังถูกเปลี่ยนภูมิทัศน์หรือ Landscape ไปอย่างสิ้นเชิง และ AI คือตัวแปรสำคัญที่สุดตัวหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต กระบวนการทำงาน พร้อมทั้งสร้างสรรค์ Business Model ใหม่ๆ ขึ้นบนโลกแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แนวคิดการจัดค่ายในครั้งนี้ จึงมุ่งหวังการเข้าไปสร้างความตระหนักให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง ว่า AI ในวันนี้ไม่ใช่แค่ Gimmick แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ตัวเยาวชนเองอาจเป็นทั้งผู้ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลง และเป็นผู้มีศักยภาพในการสร้างสรรค์ AI มาพลิกโฉมโลกในอนาคต” นายก่อศักดิ์ กล่าว

 

ด้าน รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล หนึ่งในที่ปรึกษากรรมการจัดค่าย Creative AI Camp กล่าวว่า AI เข้ามาสัมผัสและเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งโดยรู้ตัวและโดยไม่รู้ตัว ค่าย Creative AI Camp จะเปิดโอกาสให้เยาวชนจากหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศได้ตระหนักถึงสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และได้เข้ามาเรียนรู้ร่วมกันกับเพื่อนใหม่ สร้างสรรค์ไอเดียในการพัฒนานวัตกรรม โดย

ปีนี้ ทางค่ายได้เชิญวิทยากรที่ทำงานจริงในด้าน AI จากหลากหลายบริษัทชั้นนำของโลก มาร่วมเป็นวิทยากร เพื่อให้เยาวชนเห็นภาพความต้องการใช้งานจริงของแต่ละองค์กร และเข้าถึงแนวคิดที่จำเป็นสำหรับการสร้างสรรค์ผลงาน

 

สำหรับพันธมิตรและวิทยากรหลักในการจัดค่ายปีนี้ มีมากกว่า 20 ราย อาทิ คณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM), ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จากบริษัท โกซอฟต์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไอโนว์พลัส จำกัด, SUNPLEX GROUP, Ambient Group, Data Scientist จากบริษัท AI ชั้นนำในญี่ปุ่น, Amazon Web Service (AWS) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มคลาวด์และให้บริการระบบคลาวด์ระดับโลก และ บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ให้บริการด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับงานบริการและอุตสาหกรรมแบบครบวงจร

 

ด้านนายป๋วย ศศิพงศ์ไพโรจน์ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สำนักปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกเหนือจากการบูรณาการวิธีสร้างสรรค์ AI ผ่านปรัชญาการเล่นหมากล้อม (Creative AI Convergence by Go Philosophy) และการเพิ่ม IQ ผ่านความรู้เกี่ยวกับกลุ่มเทคโนโลยี ABCD อันประกอบด้วย AI (ปัญญาประดิษฐ์), Blockchain (บล็อกเชน), Cloud และ Digital Data แล้ว ปีนี้จะมีการแบ่งกลุ่มเยาวชนเพื่อการเรียนรู้ใน 2 สายงาน ได้แก่ 1.Business AI มุ่งเน้นองค์ความรู้เชิงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้ AI และ 2.Technical AI มุ่งเน้นทักษะเชิงลึกด้านเทคโนโลยี

 

ความสำเร็จของการสร้างสรรค์ AI ไม่ได้เกิดขึ้นจากแค่เข้าใจการเขียนอัลกอริทึม หรือมีทักษะการเขียนโปรแกรม เทรนด์ที่เราเห็นบนโลกขณะนี้คือ สตาร์ทอัพหรือ Tech Company จำนวนมาก ประสบความสำเร็จในการพลิกโฉมโลก เพราะเข้าใจ User Experience หรือ UX เข้าใจภูมิทัศน์ของสังคม เข้าใจภูมิทัศน์ของธุรกิจต่างๆ จึงสร้างสรรค์ AI ที่เข้าไปช่วยพัฒนาหรือช่วยแก้ปัญหาอย่างตรงจุดได้ ปีนี้เราจึงเน้นให้วิทยากรมืออาชีพมาช่วยสอดแทรกประสบการณ์จริงที่สัมผัสกับภาคส่วนต่างๆ ให้เยาวชนเห็นภาพมากขึ้น เช่น เรื่อง Robotics Process Automation หรือ RPA เรื่อง Automation จะนำมาเกี่ยวข้องกับสังคมและธุรกิจอย่างไร ขณะเดียวกัน ก็จะปรับกระบวนการคิดของเยาวชนให้มีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะ Reskills หรือ Re-training ตัวเองทุก 4-5 ปี ให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงขององค์ความรู้ในอนาคต นายป๋วย กล่าว

 

ทั้งนี้ ค่ายในปีนี้ ถือเป็นปีที่มีกระแสตอบรับสูงมาก โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมค่ายถึง 439 คนจากทั่วประเทศ ก่อนคัดเหลือเพียง 40 คนเพื่อเข้าร่วมค่ายจริง สะท้อนถึงความสนใจของเยาวชนต่อด้าน AI และความสนใจต่อค่าย Creative AI Camp โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือก นอกจากจะได้เป็นสมาชิกร่วมเรียนรู้ในค่ายแล้ว ยังได้สิทธิเป็นสมาชิก Creative AI Club ชุมชนและพื้นที่การเรียนรู้ด้าน AI ที่มีอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการเรียนรู้และ

Workshop อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือก ยังสามารถยื่นสมัครเข้ามาเพื่อพิจารณาได้ในค่ายปีถัดไป

 

สำหรับค่าย Creative AI Camp จัดขึ้นภายใต้ปณิธานองค์กร  'ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน' มุ่งเน้นให้เหล่าเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติ ได้พัฒนาทักษะความสามารถจนกลายเป็น “คนพันธุ์ AI หัวใจโกะ” (CreativeAIness) วิถีความเป็นมนุษย์ AI สร้างสรรค์ สามารถสร้างสรรค์ AI ผสมผสานปรัชญาหมากล้อม เพื่อประโยชน์ของสังคม และกลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งการเปลี่ยนโลกในอนาคต

 

 SHR RING (THAILAND) ประกาศการเริ่มต้นระยะเวลาในการเปิดรับสมัครทุนในการโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติในด้านที่เกี่ยวเนื่องกับ metaverse [การแบ่งปันสภาพแวดล้อมของโลกเสมือนจริงของผู้คนผ่านทางอินเทอร์เน็ต] และ digital identity [การยืนยันตัวตนแบบดิจิทัล] รวมถึง NFTs โดยบริษัทยินดีเปิดรับแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของการใช้ข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับ digital identity ซึ่งอยู่ภายในสภาพแวดล้อมของ metaverse ตลอดจนการพัฒนาและการใช้งาน NFT พร้อมยูทิลิตี้สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ในการเข้าถึงสถานที่ การยืนยันตัวตน หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่ไม่รวมกับ NFT art ด้วย

 

ทุนนี้จะได้รับการจัดการโดย ShareRing Lab — หน่วยงานใหม่ภายใต้บริษัท ShareRing ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการวิจัยเชิงนวัตกรรมในสาขาที่เกี่ยวข้อง ความคิดริเริ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ ShareRing ในการสำรวจแนวทางใหม่ๆ ในการออก การจัดเก็บ การตรวจสอบ และการแบ่งปันข้อมูลและเอกสารต่าง ๆ

 

บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2561 และเติบโตจนกลายเป็นธุรกิจเทคโนโลยีระดับโลก โดยมีพนักงานกระจายอยู่ใน 11 ประเทศ และในกว่า 5 ภูมิภาคทั่วโลก ShareRing มีต้นกำเนิดจากระบบเศรษฐกิจการแบ่งปันและการเช่า และได้พัฒนาไปสู่ระบบนิเวศข้อมูลส่วนบุคคลดิจิทัลที่สามารถตรวจสอบได้โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาดำเนินการ

 

สำหรับปีนี้ ทุนสนับสนุนจะมีให้สำหรับผู้สมัครในประเทศไทยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอันใกล้ ShareRing มีแผนที่จะเปิดรับใบสมัครจากประเทศออสเตรเลีย ฮ่องกง และประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ShareRing ขอเชิญนักวิจัยและนักวิชาการสมัครทั้งแบบรายบุคคลและแบบกลุ่ม รวมทั้งยินดีต้อนรับนักวิจัยรุ่นเยาว์และรุ่นต้นสายอาชีพเป็นพิเศษด้วย ทุนวิจัยทั้งหมด 3 ทุน จะพร้อมให้ใช้งานได้ในปี 2564 โดยใช้ได้สูงสุดครั้งละ 150.000 บาท โดยเงินช่วยเหลือจะครอบคลุมถึงโครงการวิจัยเป็นระยะเวลาสามเดือน หลังจากนั้นจะต้องทำการส่งรายงานผล แต่อย่างไรก็ตามสิทธิ์ในวรรณกรรมและสิทธิบัตรทั้งหมดจะยังคงอยู่กับผู้รับทุน

 

รับใบสมัครที่สมบูรณ์ ภายในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2564 นี้ และสามารถดูคำแนะนำโดยละเอียด รวมถึงแบบฟอร์มใบสมัครขอรับทุน ได้ที่ https://forms.gle/CJvjPfEFuwvq4o959 รายละเอียดเพิ่มเติม PDF shorturl.at/wGZ69

ทั้งนี้  ShareRing  เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่สร้างระบบบนบล็อกเชนที่ทำงานร่วมกันได้ซึ่งมีความปลอดภัยสูงสำหรับการออก จัดเก็บ เข้าถึงและแบ่งปันการยืนยันตัวตนส่วนบุคคลและข้อมูลที่ตรวจสอบได้ บุคคลและองค์กรสามารถทำธุรกรรมในสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัยและเป็นที่เชื่อถือได้ เป็นศูนย์กลางในการสร้างความน่าเชื่อถือในระดับสูง กล่าวคือโซลูชัน ID เป็นแบบอธิปไตยที่จะต้องเข้ารหัส โดย ShareRing ใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนในการสร้าง "ลายนิ้วมือ" ที่ไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อยืนยันข้อมูลประจำตัวส่วนบุคคลและเอกสารต่าง ๆ ที่ตรวจสอบได้ของแต่ละบุคคล มีอำนาจอธิปไตยในตนเอง ซึ่งหมายถึง บุคคลยังคงสามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวจะอยู่บนอุปกรณ์ส่วนตัวของตนในรูปแบบที่เข้ารหัสเท่านั้น และไม่เคยถูกจัดเก็บไว้ที่ส่วนกลางแต่อย่างใด

 

 

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้น ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้รับนโยบายจากรัฐบาลให้เร่งจัดทำมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยมอบหมายธนาคารออมสินจัดทำมาตรการสินเชื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ธนาคารออมสินตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเติมเม็ดเงินเสริมสภาพคล่อง ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินโดยเร็ว จึงได้เร่งรัดพัฒนาแอปพลิเคชันมายโม่ (MyMo) ให้สามารถพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบนสมาร์ทโฟน หรือ Digital Lending เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า สามารถยื่นกู้และรับโอนเงินกู้เข้าบัญชีได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องไปติดต่อสาขา เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ ซึ่งหลังจากธนาคารเริ่มปล่อยสินเชื่อผ่าน MyMo เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2564 ด้วยระยะเวลาเพียง 10 เดือน ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยแล้ว จำนวนประมาณ 1.5 ล้านราย ผ่านมาตรการต่าง ๆ อาทิ สินเชื่อเสริมพลังฐานราก สินเชื่อสู้ภัย COVID-19 สินเชื่อฉุกเฉินสำหรับผู้มีรายได้อิสระ และสินเชื่ออิ่มใจ วงเงินสินเชื่อรวมกว่า 24,000 ล้านบาท นับว่าธนาคารประสบความสำเร็จสามารถเติมเม็ดเงินช่วยเหลือประชาชนเป็นจำนวนมาก ด้วยระยะเวลาอันสั้น ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวด

ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 วงเงินให้กู้สูงสุด 10,000 บาท เพื่อช่วยเหลือรายย่อย และสินเชื่ออิ่มใจ วงเงินให้กู้สูงสุด 100,000 บาท สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม ยังคงเปิดให้ยื่นขอกู้ผ่านแอป MyMo ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยมาตรการสินเชื่อทั้ง 2 โครงการ มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินของผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงเป็นสินเชื่อที่มีเงื่อนไขผ่อนปรน เช่น ไม่ต้องใช้หลักประกัน ไม่ต้องมีบุคคลค้ำ หรือปลอดชำระเงินงวด (ตามหลักเกณฑ์ของแต่ละโครงการ) เป็นต้น ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115

กรุงเทพฯ ประเทศไทย — กาตาร์ แอร์เวย์ส สายการบินแห่งปี 2564 โดยสกายแทร็กซ์ (Skytrax) จัดโปรโมชั่นสุดคุ้มส่งท้ายปีเส้นทางจากประเทศไทยสู่ยุโรปและอเมริกา โดยตั๋วเครื่องบินโดยสารมีราคาเริ่มต้นที่ 17,300 บาท*

 หลังจากที่ประเทศไทยได้มีการวางแผนที่จะเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสในเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ทำให้ประชาชนคนไทยหลายคนเฝ้ารอการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งมีความคาดหวังที่จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตและเริ่มเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์สได้มอบโปรโมชั่นสุดคุ้มส่งท้ายปีเพื่อเอาใจคนที่คิดถึงการเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศแถบยุโรปและอเมริกา โดยตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดมีราคาเริ่มต้นที่ 17,300 บาท* และชั้นธุรกิจมีราคาเริ่มต้นที่ 53,525 บาท สำหรับโปรโมชั่นนี้ ผู้เดินทางสามารถทำการจองได้ตั้งแต่วันที่ 25-31 ตุลาคม 2564 และสามารถเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2564 – 25 เมษายน 2565

 นายจัสติน เคสเทล ผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส กล่าวว่า “กาตาร์ แอร์เวย์ส เป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศที่ได้รับรางวัลการันตีมากมาย โดยล่าสุดเราได้รับรางวัลสายการบินแห่งปีเป็นครั้งที่หกโดยสกายแทร็กซ์ และยังได้รับรางวัลสำคัญอื่น ๆ อีก 5 รางวัล เราจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าผู้โดยสารจะได้รับประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและประทับใจในการบริการของเรา” นายจัสติน กล่าวต่อ “เรายืนหยัด

ในการขยายเส้นทางบินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันให้บริการแล้วกว่า 140 จุดหมายปลายทางทั่วโลก และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้ต้อนรับผู้โดยสารที่จะเดินจากประเทศไทยกับสายการบินของเราเร็ว ๆ นี้”

 สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์สยังมีมาตรการช่วยเหลือผู้โดยสารที่ยืดหยุ่น ผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนแปลงวันเดินทางหรือจุดหมายปลายทางได้ไม่จำกัดครั้งและขอคืนเงินค่าบัตรโดยสารได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม สำหรับบัตรโดยสารที่เดินทางก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 โดยผู้เดินทางสามารถเข้าไปที่ www.qatarairways.com/flexibility

 นอกจากนี้ กาตาร์ แอร์เวย์สยังได้ออกออกโปรโมชั่นเสริมส่งท้ายปีสุดคุ้มอีกมากมาย ดังนี้

 · ผู้จองตั๋วเครื่องบินสำหรับเดินทางทั้งขาไปและกลับภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สามารถโหลดน้ำหนักสัมภาระได้เพิ่มถึง 10 กก.* หรือสามารถโหลดสัมภาระได้เพิ่ม 1 ชิ้น* ขึ้นอยู่กับเส้นทางที่กำหนด

· รับส่วนลดเพิ่ม 7%* ตามเส้นทางที่กำหนด เมื่อทำการชำระเงินผ่านบัตร KTC โดยใส่รหัสโปรโมชั่นโค้ด: KTCTH21

· รับส่วนลดเพิ่ม 10%* ตามเส้นทางที่กำหนด เมื่อทำการชำระเงินผ่านบัตร Mastercard โดยใส่รหัสโปรโมชั่นโค้ด: MASTERCARD

· รับส่วนลดเพิ่ม 10%* ตามเส้นทางที่กำหนด เมื่อทำการชำระเงินผ่านบัตร UOB โดยใส่รหัสโปรโมชั่นโค้ด: UOBQR21

· รับส่วนลดค่าตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR สำหรับเดินทางต่างประเทศกับโรงพยาบาลที่ร่วมรายการ เพียงแสดงบัตรโดยสารของกาตาร์ แอร์เวย์สขณะเข้ารับบริการ ซึ่งโรงพยาบาลที่ร่วม ได้แก่ โรงพยาบาลพญาไท 1 โรงพยาบาลพญาไท 2 โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธินโรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลปิยะเวท

· สมัครสมาชิก Privilege Club วันนี้ รับโบนัสทันที 1,500 ไมล์ โดยกรอกรหัสโค้ด JOINSEA21 เมื่อทำการกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียน

· *หมายเหตุ: เงื่อนไขตามที่สายการบินฯ กำหนด

 ผู้โดยสารสามารถมั่นใจถึงความปลอดภัยในการเดินทางกับกาตาร์ แอร์เวย์ส ซึ่งเป็นสายการบินสากลแห่งเดียวในโลก รวมถึงท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด ที่ได้รับการจัดอันดับมาตรฐานระดับ 5 ดาวจากสถาบันสกายแทร็กซ์รวมมากถึง 4 ประเภท ได้แก่ สายการบินระดับ 5 ดาว ท่าอากาศยานระดับ 5 ดาว มาตรฐานความปลอดภัยของสายการบินด้านการป้องกันโควิด-19 ระดับ 5 ดาว และมาตรฐานความปลอดภัยของสนามบินด้านการป้องกันโควิด-19 ระดับ 5 ดาว มาตรฐานเหล่านี้ตอกย้ำให้เห็นถึงมาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยที่ผ่านการตรวจสอบและการประเมินอย่างมืออาชีพและมีมาตรฐานสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อปกป้องผู้โดยสารอย่างดีที่สุด

สำหรับผู้ที่สนใจทำการจองตั๋วเครื่องบิน สามารถเข้าไปได้ที่ https://www.qatarairways.com/th-th/offers/winter-escape.html

 

พันธมิตรจะทำให้แบรนด์ต่างๆ สร้างประสบการณ์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นผ่านการรับฟังและดำเนินการตามความคิดเห็นของลูกค้า

Alida ผู้นำด้านการบริหารประสบการณ์ลูกค้าแบบครบวงจร Total Experience Management (TXM) ประกาศเข้าร่วมเครือข่ายพันธมิตรเพื่อมอบประสบการณ์ลูกค้าชั้นนำในอุตสาหกรรม (CX) และข้อมูลเชิงลึกแก่องค์กรต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิก

“เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับ Alida  ประสบการณ์เชิงลึกของ Alida และแพลตฟอร์ม Total Experience Management ระดับแนวหน้าช่วยเสริมความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเชิงลึกของเรา และทำให้เราสามารถขยายบริการที่เรานำเสนอให้กับลูกค้าของเรา” พงษ์ศักดิ์ หนุนชู รองประธานบริหารอาวุโสของ Stream กล่าว “เราพร้อมที่จะนำเสนอข้อมูลชุมชนเชิงลึก Insights Communities ที่ทันสมัยซึ่งบุกเบิกโดย Alida และเพิ่มการมุ่งเน้นของเราในด้านนี้  ลูกค้าของเราจะได้รับประโยชน์มหาศาลจากความเชี่ยวชาญพิเศษของ Alida และเครื่องมือที่เพิ่มขึ้นในการจัดการประสบการณ์ลูกค้า”

Stream ร่วมมือกับลูกค้าในอุตสาหกรรมการธนาคาร ประกันภัย การดูแลสุขภาพ โทรคมนาคม การค้าปลีก และการผลิต เพื่อสร้างโซลูชันเชิงกลยุทธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ เพื่อปรับปรุงเส้นทางของลูกค้าดิจิทัลโดยใช้โซลูชัน CX ชั้นนำของอุตสาหกรรม  เมื่อใช้ร่วมกับแพลตฟอร์ม TXM ของ Alida แล้ว Stream สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับโซลูชันและความเชี่ยวชาญในการสนับสนุนลูกค้าในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของพวกเขาในการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

Steven Medeiros รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของ APAC กล่าวว่า "เราโชคดีที่ได้ต้อนรับ Stream เข้าสู่เครือข่ายพันธมิตรของเรา เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่ปรึกษาด้าน CX และสนับสนุนองค์กรต่างๆ เพื่อนำทางความต้องการใหม่ๆ ของเศรษฐกิจดิจิทัล  เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ขยายความร่วมมือและการดำเนินงานในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านการนำเสนอเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับลูกค้าของพวกเขา”

Alida Partner Network ช่วยให้องค์กรทุกขนาดเติบโตได้โดยการจัดหาซอฟต์แวร์ การเปิดใช้งานและการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญที่จำเป็นในการนำความต้องการของลูกค้าไปปฏิบัติ  ในฐานะผู้มีอิทธิพลระดับโลกในการสร้างชุมชนที่มีส่วนร่วมและออนไลน์สำหรับความคิดเห็นของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พันธมิตรได้มอบความไว้วางใจให้ซอฟต์แวร์ของ Alida ช่วยให้พวกเขาส่งมอบข้อมูลเชิงลึกอันทรงพลังและความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับลูกค้า

“สตรีมเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับเครือข่ายพันธมิตรของ Alida เราตั้งตารอที่จะได้ทำงานร่วมกับทีมของพวกเขาเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าทั่วเอเชีย” Gary Smith รองประธานอาวุโส ช่องทางและพันธมิตรพันธมิตรกล่าว

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรกับ Alida เยี่ยมชม www.alida.com/partners

 

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณมานพ กาศกระโทก ผู้อำนวยการธุรกิจ ฝ่ายตัวแทน สำนักงาน 30G จังหวัดนครราชสีมา (คนที่ 5 จากซ้าย) พร้อมตัวแทนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ร่วมส่งมอบน้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ณ ศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลโนนสูง จำนวน 1,500 ขวด ทั้งนี้ บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ขอส่งมอบกำลังใจให้แก่ประชาชน และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ และจะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

X

Right Click

No right click