December 20, 2025

ต้อนรับปีใหม่...กับนวัตกรรมยุคใหม่จากทรูออนไลน์ ย้ำผู้นำเน็ตบ้านไฟเบอร์อันดับ 1 ของไทย มุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานบรอดแบรนด์เพื่อคนไทย ทั้งเร็ว แรง เสถียร ครอบคลุม 77 จังหวัด เปิดตัว “เราเตอร์ 2 ระบบ” รายแรกและรายเดียวในไทย ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ทั้ง ระบบสายไฟเบอร์ และสัญญาณเน็ตมือถือ โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ช่วยให้เชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด ในกรณีฉุกเฉิน เมื่อเกิดปัญหาการเชื่อมต่อไฟเบอร์ เราเตอร์จะเปลี่ยนไปใช้อินเทอร์เน็ตมือถือแบบอัตโนมัติทันที อำนวยความสะดวกให้ใช้งานออนไลน์ในบ้านได้แบบต่อเนื่องไม่ต้องตั้งค่า WIFI ใหม่ หรือไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น เทรดหุ้น ไลฟ์สตรีม เป็นต้น ลูกค้าใหม่ที่สนใจ สามารถสมัครแพ็กเกจเน็ตบ้านเราเตอร์ 2 ระบบ สุดคุ้ม ราคาเริ่มต้นเพียง เดือนละ 690 บาท ความเร็ว 700/700 Mbps พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย สัมผัสความเร็วแรง คุ้มค่า เหนือใคร ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2568

นายสกลพร หาญชาญเลิศ หัวหน้าสายงานโพสต์เพย์ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรูออนไลน์ มอบของขวัญปีใหม่ ให้ลูกค้าเน็ตบ้านได้คุ้มยิ่งกว่า และมั่นใจทุกการเชื่อมต่อ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยยุคดิจิทัล และด้วยวิถีของผู้นำตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทรูออนไลน์ได้พัฒนานวัตกรรมที่หลากหลายเพื่ออัปเกรดชีวิตคนไทยยุคดิจิทัล โดยคำนึงถึงพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ที่เปลี่ยนไป โดยล่าสุด ทรูออนไลน์เป็นรายแรกและรายเดียวในไทยที่ได้พัฒนา เราเตอร์ 2 ระบบ ให้รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์แบบแรงเต็มสปีด และสำรองด้วยอินเทอร์เน็ตมือถือ ในกรณีฉุกเฉินที่เกิดปัญหาการเชื่อมต่อผ่านไฟเบอร์ เราเตอร์จะเปลี่ยนไปใช้อินเทอร์เน็ตจากสัญญาณเน็ตมือถือแบบอัตโนมัติทันที ไม่ต้องตั้งค่า WIFI หรืออุปกรณ์ภายในบ้านใหม่แต่อย่างใด ให้การเชื่อมต่อโลกออนไลน์แบบไม่มีสะดุด และที่สำคัญคือไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตบ้านแบบต่อเนื่อง เช่น เทรดหุ้น ไลฟ์สตรีม หรือประชุมออนไลน์ เป็นต้น ลูกค้าใหม่ที่สนใจ สามารถสมัครแพ็กเกจเน็ตบ้านเราเตอร์ 2 ระบบ สุดคุ้ม ราคาเริ่มต้นเพียง เดือนละ 690 บาท พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2568 ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าเน็ตบ้านทรู ยังได้รับการปกป้องและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานด้วยบริการ “True CyberSafe” ระบบป้องกันภัยไซเบอร์แบบเรียลไทม์ โดยอัตโนมัติ ช่วยปกป้องได้แม่นยำด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ช่วยบล็อกหรือแจ้งเตือน เมื่อลูกค้าเผลอคลิกลิงก์อันตรายจาก SMS หรือเว็บบราวเซอร์ โดยความร่วมมือกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เป็นบริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ทรูออนไลน์ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยขั้นสุดให้แก่ลูกค้าผู้ใช้บริการเน็ตบ้านทรู ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามไซเบอร์ต่างๆ สัมผัสความเร็วแรง คุ้มค่า เหนือใคร”

พิเศษต้อนรับปีใหม่ ! ลูกค้าใหม่ที่สนใจ สามารถสมัครแพ็กเกจเน็ตบ้านเราเตอร์ 2 ระบบ สุดคุ้ม ราคาเริ่มต้นเพียง เดือนละ 690 บาท พร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ดังนี้

ต่อที่ 1 : เพิ่มความเร็วให้ฟรี! จาก 500/500 เป็น 700/700 Mbps นาน 24 เดือน

ต่อที่ 2 : มอบความปลอดภัยให้ทุกคนในครอบครัว ด้วยกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ พร้อม Cloud Service

ต่อที่ 3 : มอบประกันชีวิต และประกันที่อยู่อาศัย คุ้มครองนาน 24 เดือน

ต่อที่ 4 : มอบความบันเทิง จากกล่องทรูไอดี ทีวี และแพ็กเกจ TrueID Plus+ และ TrueVisions NOW นาน 24 เดือน

ลูกค้าปัจจุบันที่สนใจ สามารถสมัครเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจเป็นเราเตอร์ 2 ระบบ สุดคุ้ม ราคาเริ่มต้นเพียงเดือนละ 690 บาท พร้อมรับสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่นกัน

สมัครได้แล้ววันนี้ที่ ทรูช็อป ดีแทคช็อป ทุกสาขา โทร. 02 700 8000 รายละเอียดเพิ่มเติมที่ true.th/trueonline

แกร็บ ประเทศไทย ขานรับนโยบายรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 ชวนพันธมิตรค้าปลีกชั้นนำและผู้ประกอบการรายย่อยตบเท้าร่วมแคมเปญ “GrabMart Easy E-Receipt 2.0” มอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีเมื่อช้อปสินค้าที่ร่วมรายการผ่านบริการแกร็บมาร์ท (GrabMart) โดยผู้ใช้บริการสามารถขอรับใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบผ่านแอปพลิเคชันเพื่อนำมาใช้ลดหย่อนภาษีปี 25681 ตามที่จ่ายจริงได้สูงสุดถึง 30,000 บาท2 พร้อมส่งดีลพิเศษทริปเปิลความคุ้ม “ลดหย่อนง่าย คุ้มได้ 3 ต่อ” มอบส่วนลดสูงสุด 20% ตลอดแคมเปญ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568

นายจิรกิตต์ กว้างสุขสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มเดลิเวอรียอดนิยม แกร็บพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการ ‘Easy E-Receipt 2.0’ ซึ่งเป็นการขยายผลจากมาตรการเดิมตามมติคณะรัฐมนตรีที่ประกาศเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเราพร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่ซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคบนแกร็บมาร์ทสามารถขอใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จากร้านค้าที่ร่วมรายการได้โดยตรง ซึ่งในปีนี้แกร็บได้ยกขบวนสินค้ามากกว่า 1.6 ล้านรายการจากร้านค้าพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการค้าปลีกและแบรนด์ชั้นนำ นำโดย ท็อปส์, โลตัส, กูร์เมต์ มาร์เก็ต, โฮมโปร, เบทาโกร, บิวเทรียม, บีทูเอส, บู๊ทส์, มัทสึโมโตะ คิโยชิ, มูจิ, มาร์คแอนด์สเปนเซอร์, ออฟฟิศเมท, โอเรียนทอล พริ้นเซส รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยจากทั่วประเทศอีกมากมาย”

 

พร้อมกันนี้ แกร็บยังเอาใจเหล่านักช้อปด้วยโปรโมชัน “ลดหย่อนง่าย คุ้มได้ 3 ต่อ” โดยผู้ที่ซื้อสินค้าผ่านแกร็บมาร์ท จากร้านค้าที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568 จะได้รับความคุ้มค่าแบบ 3 ต่อ ต่อที่หนึ่ง: รับสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2568 จากการใช้จ่ายตามจริงสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท ต่อที่สอง: พิเศษสำหรับผู้ใช้ใหม่ รับส่วนลดทันที 20% เพียงกรอกรหัส EASY20 (สูงสุด 350 บาท เมื่อซื้อสินค้าขั้นต่ำ 800 บาท) และ ต่อสุดท้าย: รับส่วนลดเพิ่มทันที 15% ในการสั่งซื้อครั้งถัดไป เพียงกรอกรหัส EASY15 (สูงสุด 300 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าขั้นต่ำ 1,000 บาท)

ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านบริการแกร็บมาร์ทพร้อมใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีตามมาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” ได้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยสามารถติดตามรายละเอียดของแคมเปญฯ ขั้นตอนการขอใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ทาง https://www.grab.com/th/blog/grabmart-easy-e-receipt

ชีวิตในยุคที่โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นของคนไทย “ทรู คอร์ปอเรชั่น” บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย ได้นำศักยภาพของเครือข่าย 5G มาพลิกโฉมวงการสาธารณสุขไทย ผ่านโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ขั้นสูงสำหรับผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลด้วยแนวทาง “สาธารณสุขอัจฉริยะ”

โดยร่วมกับโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงาน กสทช. พร้อมนำร่องแล้วที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน จากรายงานสถิติสาธารณสุขล่าสุดของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสูงถึง 349,126 ราย และมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 10 และทุพพลภาพถึงร้อยละ 60 โดยที่น่าวิตกคือผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุน้อยกว่า 70 ปี ทั้งนี้ โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการตายของคนไทยอันดับ 2 รองจากมะเร็ง

นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยระบบสารสนเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เครือข่าย 5G ของทรู คอร์ปอเรชั่นมีจุดเด่นทั้งด้านความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ ความเสถียร และความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลาย ซึ่งเป็นหัวใจการเชื่อมต่อดิจิทัลที่สำคัญสู่ ‘Mobile Stroke Unit’ ให้สามารถดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้เสมือนอยู่ในการรักษาของแพทย์อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะการส่งภาพสแกนสมองจากเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองที่มีไฟล์ขนาดใหญ่ และสัญญาณชีพของผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ด้วยความละเอียดสูง ช่วยให้ทีมแพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและทันเวลา พลิกวิกฤตนาทีชีวิต ก่อนผู้ป่วยจะเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ซึ่งลดอัตราการเสียชีวิตและทุพพลภาพของคนไทย”

ความสำคัญของ 5G การเชื่อมต่อความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ (Low Latency) สู่ “Mobile Stroke Unit”

· การสื่อสารดิจิทัลคุณภาพและความเร็วสูง: อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยให้การสื่อสารระหว่างแพทย์และผู้ป่วยผ่านวิดีโอคอลมีความคมชัดและไม่สะดุด ทำให้การวินิจฉัยและการให้คำปรึกษามีประสิทธิภาพแม่นยำโดยเฉพาะเวลาที่ทุกวินาทีมีความหมายต่อชีวิต

· การรับ-ส่งดาต้า: การส่งและรับข้อมูลทางการแพทย์ เช่น ภาพถ่าย เอกซเรย์ หรือผลตรวจต่าง ๆ ต้องการความเร็วในการเชื่อมต่อที่สูง เพื่อให้ข้อมูลถูกส่งอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

· การขยายบริการสาธารณสุข: อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทำให้บริการทางการแพทย์ ยกระดับสู่ “สาธารณสุขอัจฉริยะ” สามารถเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลหรือชนบท ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์

โครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ มีแผนที่จะนำรถ Mobile Stroke Unit จำนวน 21 คัน กระจายสู่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ 6 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 แห่ง ภาคใต้ 4 แห่ง และภาคกลาง 2 แห่ง ซึ่งเริ่มที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน เป็นแห่งแรก

รถ Mobile Stroke Unit นี้ได้รับการออกแบบให้เป็นเสมือนโรงพยาบาลเคลื่อนที่ โดยจะไปหาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว จากการที่ได้รับแจ้งจากผู้ป่วยหรือญาติที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยมีหลักการทำงานที่สำคัญต่อชีวิตในภาวะวิกฤตจากโรคหลอดเลือดสมอง ดังนี้

· รถพยาบาลเฉพาะทางสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ทำหน้าที่เสมือนโรงพยาบาลเคลื่อนที่สู่ชุมชน ช่วยลดระยะเวลารักษาและอัตราการเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ

· เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT Scanner) ให้ภาพสแกนสมองภายในไม่กี่วินาที ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาได้รวดเร็ว ทั้งกรณีหลอดเลือดอุดตันและเลือดออกในสมอง

· ติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัย ทั้งเครื่องฉีดสารทึบรังสี เครื่องตรวจเลือด พร้อมระบบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทางไกล (Teleconsultation) และสามารถให้ยาสลายลิ่มเลือดได้ทันที

· ระบบกล้องบันทึกภาพและสนทนากับผู้ป่วยขณะอยู่บนรถ ช่วยให้ทีมแพทย์วางแผนการรักษาล่วงหน้าก่อนถึงโรงพยาบาล

นายประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เทคโนโลยี 5G ที่มีความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ และความเสถียร ช่วยให้การส่งข้อมูลทางการแพทย์ขนาดใหญ่ ทั้งภาพ CT Scan สมองและสัญญาณชีพของผู้ป่วย สามารถทำได้แบบเรียลไทม์อย่างแม่นยำและรวดเร็ว แม้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะอยู่ห่างไกลหลายร้อยหรือหลายพันกิโลเมตร ช่วยให้การวินิจฉัยและวางแผนการรักษาทำได้ทันที นับเป็นการยกระดับการเข้าถึงการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สำหรับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่ขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหลอดเลือดสมอง”

ทั้งนี้ องค์การโรคหลอดเลือดสมองโลก (World Stroke Organization: WSO) เผยว่าประชากรทั่วโลก 1 ใน 4 คนเคยประสบกับโรคหลอดเลือดสมอง ดังนั้นการดูแลสุขภาพและการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคร้ายนี้ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสังเกตอาการ “โรคหลอดเลือดสมอง” ด้วยตนเอง ตามหลัก B.E.F.A.S.T. เบื้องต้น ได้แก่

· Balance: เดินเซ เวียนศีรษะ บ้านหมุนฉับพลัน

· Eye: ตามัว มองเห็นภาพซ้อนฉับพลัน

· Face: ปากเบี้ยว หน้าเบี้ยวเฉียบพลัน

· Arm: แขนขาอ่อนแรงหรือชาครึ่งซีก

· Speech: พูดไม่ชัด เสียงเปลี่ยน ลิ้นแข็ง พูดไม่รู้เรื่อง

· Time: ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

ผู้ป่วยที่มีอาการโรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke จะต้องให้ยาสลายลิ่มเลือดภายใน 4 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งทุกๆ 1 นาทีที่เสียไปนั้น สมองและเซลล์ประสาทจะตาย 1.9 ล้านตัว หากพบแพทย์ล่าช้า อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรืออาจจะเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต กลายเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวร ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ กล่าวคือ หากผู้ป่วยหรือญาติมีอาการเดินเซ มองเห็นภาพซ้อน หน้าเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง หรือพูดไม่ชัด ให้รีบโทร 1669 ทันที หากผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวทางโรงพยาบาลจะส่งรถฉุกเฉินไปรับผู้ป่วย พร้อมกับแจ้งทีมปฏิบัติการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) ออกปฏิบัติการเพื่อออกรับผู้ป่วย เมื่อถึงจุดนัดพบ จะย้ายผู้ป่วยเข้ารถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เพื่อเริ่มการรักษาทันที

สำหรับความร่วมมือดังกล่าวในโครงการนี้ นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จที่ทางทรู คอร์ปอเรชั่นได้ร่วมมือกับศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2563 โดยเป็นโครงการที่ร่วมพัฒนาหน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) ในรูปแบบของรถมาจากความคิดริเริ่มของศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช พัฒนารถต้นแบบคันแรกเสร็จในปี 2561

“ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย มีความมุ่งมั่นที่จะนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาพัฒนาระบบสาธารณสุขอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ขั้นสูงของประชาชนไทยในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม” นายประเทศ กล่าวในที่สุด

8 มกราคม 2568 – บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 700 MHz ช่วงความถี่ 713-723 MHz คู่กับ 768-778 MHz (เดิมเป็นของบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด) ได้ดำเนินการชำระค่าใบอนุญาตคลื่น 700 MHz งวดที่ 5 เป็นจำนวนเงิน 1,881,488,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมยื่นหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินสำหรับการชำระเงินค่าคลื่นความถี่ในส่วนที่เหลือ ให้แก่สำนักงาน กสทช. ตามเงื่อนไขที่กำหนด เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 โดยมีนายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร (ที่ 3 จากซ้าย) หัวหน้าสายงานรัฐกิจสัมพันธ์และกำกับดูแล และนางสาววีณา จ่างเจริญ (ขวาสุด) ผู้เชี่ยวชาญสายงานกลยุทธ์กฎระเบียบการกำกับดูแลกิจการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ ในการชำระค่าคลื่นความถี่ โดยมีนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน (ที่ 2 จากซ้าย) รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วยนางพุธชาด แมนมนตรี (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการสำนัก สำนักการอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม 1 (ปท.1) ณ สำนักงาน กสทช.

ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งพัฒนาบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ครอบคลุมทุกย่านคลื่นความถี่ ทั้งคลื่นความถี่ต่ำ กลาง และสูง โดยได้นำคลื่น 700 MHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ต่ำมาพัฒนาการให้บริการและขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สัญญาณครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมนำอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสู่ผู้ใช้บริการทุกคน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้เทคโนโลยี 5G และ 4G ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้ลูกค้าทั้งทรูและดีแทคได้ใช้บริการที่มีคุณภาพยิ่งขึ้นจากการพัฒนาโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง

แกร็บ ประเทศไทย เดินหน้าปลุกพลังคนรุ่นใหม่ เสริมแรงบันดาลใจให้ Gen Z ผ่านการประกวดแผนธุรกิจ GrabSpark 2024 เปิดเวทีโชว์ศักยภาพในการนำเสนอไอเดียที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี-บิ๊กดาต้าเสริมทักษะด้านธุรกิจและนวัตกรรม พร้อมปลูกฝังแนวคิดด้านความยั่งยืนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจยุคดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมให้คนรุ่นใหม่ก้าวสู่โลกธุรกิจอย่างมั่นใจ โดย 4 นิสิตจากรั้วจามจุรีสามารถฝ่าด่านการแข่งขันกับผู้สมัครนับพันจาก 32 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ จนคว้ารางวัลชนะเลิศด้วยแผนธุรกิจ “Ever Grow and Never Ending” นำเสนอโซลูชันที่ช่วยผลักดันให้บริการซูเปอร์แอปเติบโตแบบก้าวกระโดด พร้อมเชื่อมโยงคนในอีโคซิสเต็มเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืนให้ธุรกิจ

 

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นปีที่สามแล้วที่ แกร็บ ประเทศไทย ได้จัดการประกวดแผนธุรกิจ GrabSpark โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของนิสิตนักศึกษาไทย ซึ่งถือเป็นตัวแทนของ Gen Z ที่จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีอัตราการเติบโตกว่า 2 เท่าของ GDP ในปีนี้1 โดย Gen Z เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและโลกอินเทอร์เน็ต ทำให้ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ฉับไว เห็นโลกกว้าง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ มองเห็นโอกาสใหม่ๆ และกล้าตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นเจเนอเรชันที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Social Impact) ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจในการดำเนินธุรกิจของแกร็บที่มุ่งพัฒนาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหา (Pain Point) และตอบสนองความต้องการให้กับผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ การเปิดเวทีให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพผ่านการนำเสนอแผนธุรกิจถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่แกร็บต้องการผลักดันให้พวกเขาได้ใช้ความรู้และทักษะที่มีคิดต่อยอดเพื่อพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ โดยสามารถใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าและเทคโนโลยีดิจิทัลมาบูรณาการ ทั้งยังส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีม พร้อมปลูกฝังแนวคิดด้านความยั่งยืนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจและธุรกิจแห่งอนาคตอีกด้วย”

การประกวดแผนธุรกิจ GrabSpark จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2022 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ GrabCampus ที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้กับกลุ่มนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยในปีนี้แกร็บได้เปิดโอกาสให้เยาวชนจากทุกสถาบันเข้าร่วมการประกวดแผนธุรกิจภายใต้โจทย์ “The Next Chapter of Superapp: Unlocking Potential for Accelerated Sustainable Growth” เพื่อนำเสนอไอเดียและแผนการตลาดในการผลักดันบริการซูเปอร์แอปให้สามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดและยั่งยืน โดยมีนิสิตนักศึกษากว่า 1,116 คนจาก 32 มหาวิทยาลัย ทั่วประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อแสดงศักยภาพ และชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และสิทธิพิเศษ Fast-track เพื่อเข้าร่วมโปรแกรม GrabIntern ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกงานที่ แกร็บ ประเทศไทย เพื่อสัมผัสประสบการณ์การทำงานในธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม พร้อมต่อยอดสู่การพัฒนาทักษะในระดับมืออาชีพในโลกธุรกิจจริง

ทั้งนี้ หลังผ่านการประกวดที่เข้มข้นและการพิจารณาตัดสินจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหาร ผู้มากประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในหลายสาขา ทีมที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในการประกวดแผนธุรกิจ GrabSpark 2024 ไปครองคือ ทีม G Good จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นด้วยแผนธุรกิจที่ชื่อ “Ever Grow and Never Ending”

นางสาวคณิตา เนตรดวงมณี ตัวแทนจากทีม G Good กล่าวว่า “แผนธุรกิจของเรามุ่งเน้นไปที่การสร้างความสมดุลระหว่างการสนับสนุนพาร์ทเนอร์ร้านค้าของแกร็บและการตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการ โดยเรามองเห็นโอกาสในการพัฒนาบริการ GrabFood และ GrabMart ซึ่งมีฐานลูกค้าแข็งแกร่งอยู่แล้ว พร้อมต่อยอดความสำเร็จที่มีอยู่เดิม โดยสำหรับ GrabFood เราได้วิเคราะห์และออกแบบโซลูชันที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้พาร์ทเนอร์ร้านค้า และพัฒนาฟีเจอร์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างรอบด้าน ตั้งแต่การเดินทางไปจนถึงการทานอาหารที่ร้าน ส่วน GrabMart เราเน้นการขยายพาร์ทเนอร์ในระบบเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพ พร้อมสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่พาร์ทเนอร์ร้านค้าอีกด้วย นอกจากนี้ เรายังเสนอการทำ Gamification ที่เชื่อมโยงบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความเพลิดเพลินและความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว โดยเรามั่นใจว่าแผนธุรกิจนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับพาร์ทเนอร์และผู้ใช้บริการ ผ่านกลยุทธ์ที่เน้นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแกร็บในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม”

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “เคทีซี” โดย นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช (กลางขวา) ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต เป็นตัวแทนส่งมอบเงินบริจาคจำนวน 25,513,630 บาท ให้แก่ นางสาวอรุณี อัชชะกุลวิสุทธิ์ (กลางซ้าย) ผู้อำนวยการ แผนกส่งเสริมความร่วมมือภาคเอกชน UNHCR ณ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ถนนกรุงเกษม โดยเงินบริจาคมาจากสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีร่วมบริจาคผ่านคะแนนสะสม KTC FOREVER (ทุก 1,000 คะแนน แทนเงิน 100 บาท) รวมถึงการบริจาคตรงเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ความขัดแย้ง และวิกฤติด้านมนุษยธรรมทั่วโลก

นางสาวอรุณี อัชชะกุลวิสุทธิ์ กล่าวถึงความสำคัญของการบริจาคว่า “ปัจจุบันมีผู้ลี้ภัยกว่า 120 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เช่นการบริจาคผ่านบัตรเครดิตเคทีซี มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและคุ้มครองผู้ลี้ภัยในทุกด้าน ซึ่งจากสถิติพบว่า ผู้ลี้ภัยมักตกอยู่ในสถานะนี้เฉลี่ยถึง 17 ปี การสนับสนุนที่ต่อเนื่องจะช่วยให้เรามีงบประมาณเพียงพอเพื่อช่วยชีวิตพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างอนาคตใหม่ให้กับกลุ่มที่เปราะบางได้อย่างยั่งยืน”

“เคทีซีขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ร่วมเป็นพลังสำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ให้ผู้ลี้ภัยทั่วโลก และขอยืนยันความมุ่งมั่นในการสนับสนุนโครงการ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับสังคมอย่างยั่งยืน” นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช กล่าวปิดท้าย

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมกับ ปั๊มน้ำมันบางจาก จัดแคมเปญ “เติมสบาย รับชิล ๆ” ให้กับผู้ถือบัตรเครดิต ttb และบัตรเครดิต ttb Global House ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม ประเภทบุคคลธรรมดา รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% เมื่อเติมน้ำมันครบ 600 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป ที่ปั๊มน้ำมันบางจากทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2568

· บัตรเครดิต ttb reserve infinite และบัตรเครดิต ttb reserve signature จำกัดเครดิตเงินคืนสูงสุด 30 บาท / ครั้ง สูงสุด 4 ครั้ง หรือ 120 บาท / เดือน และสูงสุด 1,440 บาท / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย

· บัตรเครดิต ttb และบัตรเครดิต ttb Global House จำกัดเครดิตเงินคืนสูงสุด 18 บาท / ครั้ง สูงสุด 4 ครั้ง หรือ 72 บาท / เดือน หรือสูงสุด 864 บาท / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย

สามารถลงทะเบียนภายในเดือนที่ทำรายการเพื่อรับสิทธิ์ผ่านแอป ttb touch หรือส่ง SMS พิมพ์ BKC เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4899777 ลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวรับสิทธิ์ตลอดรายการ สำหรับบัตรเครดิต ttb reserve สามารถรับสิทธิ์ได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชัน ได้ที่  http://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/bangchak-jan25 

 **ทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าบัตรเครดิตใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 7-16% ต่อปี เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้ และอนาคต

เคทีซีประกาศความสำเร็จแคมเปญ “บุฟเฟ่ต์ มา 2 จ่าย 1" ที่ได้รับความนิยมจากสมาชิกมาตลอด 9 ปี พร้อมเปิดตัวแคมเปญปีที่ 10 อย่างยิ่งใหญ่

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต เผยถึงความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของแคมเปญ “บุฟเฟ่ต์ มา 2 จ่าย 1” ที่จัดมาตลอด 9 ปี โดยได้รับการตอบรับจากสมาชิกเพิ่มขึ้นทุกปี พร้อมย้ำว่า “หมวดร้านอาหารยังคงเป็นหมวดที่มีความถี่ในการใช้จ่ายสูงที่สุดสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี” ในปีนี้ เคทีซียังคงตอกย้ำผู้นำตลาดบุฟเฟ่ต์ มอบประสบการณ์ความคุ้มค่าให้แก่สมาชิก โดยร่วมมือกับร้านบุฟเฟ่ต์ชั้นนำกว่า 100 ร้านทั่วประเทศ อาทิ MO-MO-PARADISE / Wisdom International Buffet / Tenjo / Katei Shabu / Sukishi / Kouen / Shabushi / MK BUFFET ฯลฯ มอบสิทธิพิเศษ “แลกคะแนนรับสิทธิ์บุฟเฟ่ต์มา 2 จ่าย 1” เพียงใช้ คะเเนนเริ่มต้น 1,699 คะแนน KTC FOREVER แลกรับสิทธิ์บุฟเฟ่ต์ 1 ท่าน และชำระค่าบุฟเฟ่ต์ผ่านบัตรเครดิตเคทีซีอีก 1 ท่าน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 - 28 กุมภาพันธ์ 2568

เคทีซีมั่นใจว่าแคมเปญนี้จะยังคงเป็นที่นิยมและตอบโจทย์ทุกความต้องการของสมาชิก พร้อมยกระดับการรับประทานอาหารสุดพิเศษที่สมาชิกจะได้รับจากพันธมิตรที่ร่วมรายการ โดยคาดว่าในปีนี้จะมีสมาชิกใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้า และจะมีสมาชิกจำนวนมากที่เข้าร่วมแคมเปญ เนื่องจากความคุ้มค่าและความหลากหลายของร้านที่เข้าร่วมรายการ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที https://www.ktc.co.th/promotion/dining/buffet/buffetmania หรือสอบถามที่ KTC PHONE 02 123 5000 สำหรับผู้สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท คลิก https://ktc.today/apply-card หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

· เวลา 21.00-22.00 น. สุดฮิตเคานต์ดาวน์ส่งความสุขทั้งมือถือและเน็ตบ้านทั่วไทย

· เฟซบุ๊กยังครองแชมป์แอปยอดนิยมมือถืออันดับ 1 ใช้งานพุ่งข้ามปี

1 มกราคม 2568 - ทรู คอร์ปอเรชั่นเผยดาต้าฉลองต้อนรับปีมะเส็ง 2568 เทรนด์การใช้งานมือถือ เน็ตบ้านสุดคึกปีนี้ไทยจัดเคานต์ดาวน์กระหึ่ม อาทิ ไอคอนสยามกับงานเฉลิมฉลองศักราชใหม่ "Amazing Thailand Countdown 2025" พร้อมเชิญ "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" ศิลปินไทยที่ดังระดับโลกมาเยือน เผยยอดใช้งานดาต้าพื้นที่ไอคอนสยามในคืนเคานต์ดาวน์สูงมากกว่า 200% จากการใช้งานในช่วงเทศกาล ด้าน Mobility Data การเดินทางท่องเที่ยวปีใหม่ และการใช้มือถือจากผู้ใช้งานแบรนด์ทรู และดีแทคสุดพีคจากเทศกาลตามคาดการณ์ พบไฮไลท์น่าจับตา 10 จังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยและต่างชาติ พร้อมรายงาน 5 แอปพลิเคชันครองใจคนใช้งานทั้งมือถือและเน็ตบ้าน ขณะที่แอปทรูไอดี (TrueID) โดยรวมมียอดผู้ใช้งานในช่วงเทศกาลเพิ่มขึ้นราว 500%

นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ยกระดับประสบการณ์ในการให้บริการเครือข่ายมือถือและอินเทอร์เน็ตเต็มประสิทธิภาพตลอดช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีมะเส็งที่ผ่านมา โดยเราได้วางแผนอย่างแม่นยำผ่านการวิเคราะห์ Mobility Data และติดตามพฤติกรรมผู้ใช้มือถือในพื้นที่จัดงานเคานต์ดาวน์ทั่วประเทศ ส่งผลให้การเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณทั้ง 5G, 4G และ WiFi มีประสิทธิภาพสูงสุดและตรงจุด พร้อมทีมปฏิบัติการภาคสนามที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ดูแลคุณภาพสัญญาณทั้งในจุดเคานต์ดาวน์หลักของกรุงเทพมหานครและสถานที่ยอดนิยมในต่างจังหวัด รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย ทำให้ผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแชร์ภาพ วิดีโอ ไลฟ์สตรีม และส่งข้อความอวยพรได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลของคนไทยให้ก้าวสู่ปีใหม่ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับโลก"

สถิติจากการใช้งานมือถือแบรนด์ “ทรูมูฟ เอช”ช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568

· 10 จังหวัดยอดนิยมคนไทย - นักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. บุรีรัมย์ 2. ศรีสะเกษ 3. นครราชสีมา 4. สุรินทร์ 5. อุบลราชธานี 6. ชัยภูมิ 7. ร้อยเอ็ด 8. เพชรบูรณ์ 9. นครสวรรค์ 10. กาฬสินธุ์ (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ทรูมูฟ เอชในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567)

· จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจคนไทยปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่คนไทยนิยมเดินทางช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “อุทัยธานี” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นราว 60% โดยเป็นข้อมูลสะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทยนิยมมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งอุทัยธานี เป็นเมืองรองตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุค

ใหม่ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ใกล้ชิดธรรมชาติ และวิถีชุมชน อีกทั้งระยะทางที่ใกล้กรุงเทพฯ ทำให้สามารถไป-กลับได้ภายในวันเดียว เหมาะกับคนที่มีเวลาจำกัดแต่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่

· 10 จังหวัดยอดนิยมนักท่องเที่ยวต่างชาติ - สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. เชียงราย 2. ภูเก็ต 3. สุราษฎร์ธานี 4. กรุงเทพมหานคร 5. ตาก 6. กระบี่ 7. สงขลา 8. เชียงใหม่ 9. เพชรบุรี 10. ประจวบคีรีขันธ์ (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ทรูมูฟ เอชในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567)

· จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจนักท่องเที่ยวต่างชาติปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไปช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “เชียงราย” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นราว 200% และยังคงครองแชมป์ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา

· 5 แอปพลิเคชันยอดนิยม – แอปพลิเคชันที่มีการใช้งานสูงสุดในช่วงเทศกาลเคานต์ดาวน์สู่ปีใหม่ คือ 1. Facebook 2. YouTube 3. LINE 4. TikTok 5. WhatsApp

· ช่วงเวลาดีๆ ที่นิยมใช้งานสูงสุด (Peak hour period) คือ เวลา 21.00-22.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2567

สถิติจากการใช้งานมือถือแบรนด์ “ดีแทค” ช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568

· 10 จังหวัดยอดนิยมคนไทย - นักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6.ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8.บุรีรัมย์ 9.นครสวรรค์ 10.สุรินทร์ (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ดีแทคในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567)

· จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจคนไทยปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่คนไทยนิยมเดินทางไปช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “เพชรบูรณ์” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ซึ่งเป็นข้อมูลแสดงถึงเทรนด์ที่คนไทยนิยมไปท่องเที่ยวจังหวัดที่เดินทางสะดวกและไม่ไกลมากจากกรุงเทพมหานครในช่วงปีใหม่นี้ และเพชรบูรณ์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจเช่น เขาค้อและภูทับเบิก พร้อมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับพักผ่อนอีกด้วย

· 10 จังหวัดยอดนิยมนักท่องเที่ยวต่างชาติ - สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. ตาก 2. ภูเก็ต 3. เชียงราย 4. กระบี่ 5. ชลบุรี 6.สุราษฎ์ธานี 7.กาญจนบุรี 8.สงขลา 9.นครราชสีมา 10.พังงา (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ดีแทคในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567)

· จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจนักท่องเที่ยวต่างชาติปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไปช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “ตาก” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 260%

· 5 แอปพลิเคชันยอดนิยม – แอปพลิเคชันที่มีการใช้งานสูงสุดในช่วงเทศกาลเคานต์ดาวน์สู่ปีใหม่ คือ 1. Facebook 2. YouTube 3. WhatsApp 4. TikTok 5. LINE

· ช่วงเวลาดีๆ ที่นิยมใช้งานสูงสุด (Peak hour period) คือ เวลา 21.00-22.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2567

สถิติจากการใช้งาน “ทรู ออนไลน์” หรือเน็ตบ้านช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568

· ทรูออนไลน์ มีการใช้งานสูงสุดในช่วงเวลา 21.00-22.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2567

· แอปพลิเคชันยอดนิยมใช้งานสูงสุด 5 อันดับ คือ 1. YouTube 2. Facebook 3. TikTok 4. Netflix 5. TrueID

นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ส่งมอบความสุขต้อนรับปีใหม่ผ่านแคมเปญ 'ยิ้มทั่วไทย' ด้วยการมอบประสบการณ์พิเศษและของขวัญมากมายผ่านสัญญาณ 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เริ่มจากการนำเสนอภาพยนตร์โฆษณา 'ยิ้มทั่วไทย ยิ้มให้ตัวเอง' ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนมองเห็นคุณค่าของตนเองและคนรอบข้าง ควบคู่ไปกับ 'ยิ้มทั่วไทย ทรูทั่วไทย' ที่ยกระดับประสบการณ์การใช้งานด้วยสัญญาณคุณภาพทั่วทุกพื้นที่ พร้อมเชิญชวนร่วมกิจกรรมสุดพิเศษใน 'ยิ้มทั่วไทย ยิ้มให้ปีใหม่' และร่วมลุ้นรับของขวัญผ่านกิจกรรม 'ยิ้มทั่วไทย ยิ้มรับของขวัญ' ด้วยการถ่ายภาพยิ้มผ่าน AR บนแอปทรูไอดี ดีแทคแอป หรือทรูไอเซอร์วิส โดยเข้าที่เมนู 'สิทธิพิเศษ' และคลิกแบนเนอร์ 'ยิ้มรับสุขทั่วไทย' เพื่อร่วมลุ้นรับของขวัญมากมายจนถึง 15 มกราคม 2568

งานฟุงานฟุตบอลประเพณีสุดยิ่งใหญ่ สืบสานมายาวนาน ส่งต่อรุ่นพี่สู่รุ่นน้องมาหลายทศวรรษ พร้อมประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้งหลังจากหยุดการจัดงานมานานกว่า 5 ปี กับการหวนคืนการแข่งขันที่มีประวัติมายาวนานเพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีกับ “ฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ” ครั้งที่ 75 พร้อมปลุกพลังในตัวเองกับแมทซ์หยุดโลก!!! ประกาศความพร้อมในทุกส่วนของงานฟุตบอลประเพณีในครั้งนี้ตบอลประเพณีสุดยิ่งใหญ่ สืบสานมายาวนาน ส่งต่อรุ่นพี่สู่รุ่นน้องมาหลายทศวรรษ พร้อมประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้งหลังจากหยุดการจัดงานมานานกว่า 5 ปี กับการหวนคืนการแข่งขันที่มีประวัติมายาวนานเพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีกับ “ฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ” ครั้งที่ 75 พร้อมปลุกพลังในตัวเองกับแมทซ์หยุดโลก!!! ประกาศความพร้อมในทุกส่วนของงานฟุตบอลประเพณีในครั้งนี้

พร้อมร่วมกันสร้างความเป็นหนึ่งของชาวธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ปลุกพลังนิสิตทุกรุ่นทุกสมัย ให้มาเจอกันในนัดการแข่งขันฟุตบอลระหว่าง 2 มหาวิทยาลัยเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงอยู่คู่ประเทศไทยมาหลายช่วงยุคสมัย โดยจะกลับมาสร้างความทรงจำครั้งใหม่อีกครั้ง ซึ่งในปีนี้ทางสมาคมธรรมศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพ สลับกับทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่เป็นเจ้าภาพในครั้งที่ผ่านมา โดยการจัดงานครั้งนี้ทั้งสองสถาบันได้มีการกำหนดรูปแบบงานที่ยังคงรักษาความยิ่งใหญ่ อลังการ พร้อมรวมความสุข สนุกบันเทิง สะท้อนถึงความรักความสามัคคี รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกัน

นายลวรรณ แสงสนิท ประธานกรรมการดำเนินงานการแข่งขันฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬา ครั้งที่ 75 กล่าวถึงภาพรวมในงานปีนี้ว่า หากพูดถึงกีฬาของสองสถาบันการศึกษาที่อยู่คู่กันมายาวนานกว่า 90 ปี ก็ต้องคิดถึงการแข่งขันฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬา ที่ห่างหายการจัดงานไปนานกว่า 5 ปี โดยเราพร้อมที่จะจัดงานขึ้นอีกครั้งเป็นครั้งที่ 75 โดยการเตรียมงานจากความรัก ความสามัคคี ของนิสิตนักศึกษาที่เป็นปัญญาชนของทั้งสองสถาบันทุกคนที่พร้อมสื่อสารผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการแปรอักษร, ขบวนพาเหรด เพื่อให้สังคมได้รับรู้และเห็นถึงความตั้งใจ ทั้งในด้านการกีฬา, กองเชียร์ ตลอดจนการแสดงทางความคิดเชิงสร้างสรรค์ของเส้นทางการเมือง-การปกครองของประเทศชาติ ผ่านการจัดงานในครั้งนี้

“การแข่งขันฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬา ที่ห่างหายไปนาน โดยมีนักศึกษาบางรุ่นไม่เคยได้สัมผัสงานนี้ ได้กลับมาสร้างความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เราคาดว่าในทุก ๆ กิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นในปีนี้จะต้องยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยอุปกรณ์การเชียร์จะทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ในปีนี้เราตั้งใจทำการแปรอักษรให้ออกมาดีที่สุด เพราะการแปรอักษรถือเป็นเอกลักษณ์ และเสน่ห์ของงานฟุตบอลประเพณี และอีกเสน่ห์ของการแปรอักษรก็คือการที่มีการตอบโต้ระหว่างกันของทั้งสองสถาบัน ผ่านนิสิตนักศึกษามาแปรอักษรจริง ไม่ใช่การแปรอักษรรูปแบบดิจิทัล ซึ่งในปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่ายินดีที่ทางจุฬาจะเน้นการนำเสนอรูปแบบความคิดเชิงสร้างสรรค์ที่มีอิสระโดยมีรุ่นพี่ คอยให้คำปรึกษากับรุ่นน้องในการทำงานแต่ละภาคส่วน จึงอยากขอเชิญชวนทุก ๆ ท่านมาพบกันในงานฟุตบอลธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 นี้ครับ”

ทั้งนี้ “ฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ” การแข่งขันที่เป็นไปตามประเพณีดั้งเดิมที่มีมายาวนานระหว่างนักกีฬาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นการแข่งขันที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประเพณีในวงการศึกษาของไทย จัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477ทซึ่งนอกจากจะเป็นการแข่งขันกีฬาแล้ว ยังถือเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาวิทยาลัย และมีความสนุกสนานในส่วนของการเชียร์จากผู้ชมที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานด้วย

โดย “ฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ” ครั้งที่ 75 นี้มีการออกแบบเสื้อฟุตบอลประเพณีโดย นายภูริทัต ชูชัยยะ คณะอักษรศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 ผู้ชนะการประกวดแบบเสื้อเชียร์จุฬาฯ ภายใต้แนวคิด “The Time of Tapestry: อดีต อนาคตของปัจจุบัน” ผ่านการดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ได้อย่างลงตัว

งานฟุตบอลประเพณีครั้งที่ 75 ทุกท่านฯ สามารถมาร่วมงาน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ได้ พร้อมกับนิสิต ทั้งรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้ว และกำลังศึกษาอยู่ ที่จะมาพบกัน อีกหนึ่งสีสันที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ ทีมผู้นำเชียร์แห่งธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์ ปีนี้พร้อมมาก ฟาดแรง ไม่ยั้ง !!! #TEAMCHULA #TEAMTHAMMASAT พร้อมใจส่งแรงเชียร์ ให้ดังกึกก้องไปทั้งสนาม!!! ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 ในวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สนามศุภชลาศัย ประตูเปิดเวลา 12.00 น. เป็นต้นไป

 

X

Right Click

No right click