

เดอะ ปาร์ค (The PARQ) โครงการไลฟ์สไตล์มิกซ์ยูสภายใต้แนวคิด Life Well Balanced ที่มุ่งพัฒนาออฟฟิศและรีเทลอัจฉริยะ จัดเทศกาลศิลปะร่วมสมัย “Art in The PARQ - Season 2” เต็มอิ่มกับกิจกรรม หลากหลายเพื่อคนรักงานศิลปะและการถ่ายภาพ เริ่มจากการร่วมสนับสนุนการจัดแสดงงานศิลปะในงาน 'บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2022' (Bangkok Art Biennale 2022) และกิจกรรมแข่งขันถ่ายภาพ One Shot Knockout และการจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายขาวดำ “Piece Place PARQ” โดยธนพล แก้วพริ้ง ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ อาร์ตมาร์เก็ต งานคราฟต์ เวิร์คช็อป กิจกรรมสร้างสรรค์ งานศิลปะและผลงาน DIY และอื่นๆ อีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 23 กุมภาพันธ์ 2566
![]()
สำหรับกิจกรรมแรก เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ “บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2022” ซึ่งเดอะ ปาร์ค ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการจัดงานต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ผลงานกำหนดจะจัดแสดงในปีนี้คือ “Peasant Park, 2022” ผลงานวิดีโอจัดวาง (Video installation) โดย “อันอินสไปร์ บาย เคอเรนท์
อีเวนต์ส์ (Uninspired by Current Events)” ศิลปินคอมพิวเตอร์กราฟิก ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการโพสต์ภาพผลงานศิลปะสะท้อนภาพเหตุการณ์และข่าวสารบ้านเมืองแบบรายวัน ผลงานวีดีโอจัดวางที่นำมาแสดงในครั้งนี้จะนำเสนอภาพอนุสาวรีย์ในประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร ในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปิน จัดแสดงผลงานที่ BAB Café ชั้น 3 เดอะ ปาร์ค และอีกผลงาน “Daily Stone, 2022” ของศิลปินอิสระชาวอิตาเลียน ฟรานเชสโก อารีนา ผู้สร้างสรรค์งาน ประติมากรรมขนาดใหญ่กับวัสดุที่แตกต่างกันอย่างแท่นหินและหนังสือพิมพ์ โดยแท่นหินเปรียบเสมือนความคงที่ ส่วนหนังสือพิมพ์เปรียบดังการหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ณ บริเวณลานน้ำพุ Q Space เดอะ ปาร์ค ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง 23 กุมภาพันธ์ 2566
![]()
อีกกิจกรรมสำหรับสายโฟโต้ การแข่งขันถ่ายภาพ One Shot Knockout โดยเดอะ ปาร์ค ร่วมกับ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมแข่งขันถ่ายภาพแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ชิงเงินรางวัลมูลค่า รวม 125,000 บาท โดยเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันเพียง 100 ท่านเท่านั้น ผ่านทางเว็บไซต์ของสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ www.rpst.or.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะจัดการแข่งขันพร้อมตัดสินผู้ชนะในวันที่ 29 ตุลาคม 2565 ที่เดอะ ปาร์ค ผลงานที่ชนะการประกวด จะนำไปจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย บริเวณชั้น 2 เดอะ ปาร์ค ไลฟ์ ระหว่างวันที่ 1 - 23 ธันวาคม 2565
![]()
นอกจากนี้ยังมี นิทรรศการภาพถ่ายขาวดำ “Piece Place PARQ” โดยตาล ธนพล แก้วพริ้ง ศิลปินและช่างภาพอิสระมาถ่ายทอดความงามของชิ้นงานศิลปะจาก เดอะ ปาร์ค คอลเลคชั่น ทั้ง 5 ชิ้น ผ่านมุมมองส่วนตัวที่มีต่องานศิลปะทั้งหมด ออกมาเป็นภาพถ่ายขาวดำจำนวน 15 ภาพ และสร้างความแตกต่างด้วยการพิมพ์ภาพลงบนอลูมิเนียมเคลือบพิเศษ ซึ่งจะสามารถสะท้อนรายละเอียดของตัวงานที่อาจไม่สามารถมองเห็นได้จากระยะสายตาปกติ เพิ่มมิติให้ชิ้นงานแตกต่างจากภาพถ่ายบนกระดาษโฟโต้ทั่วไป โดยนิทรรศการนี้จัดแสดงตัเงแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เวลา 10.00 – 20.00 น. ชั้น 1 โครงการ เดอะ ปาร์ค
เดอะ ปาร์ค มีความมุ่งมั่นในการการสนับสนุนและจัดกิจกรรมด้านศิลปะที่เปิดโอกาสให้ผู้ชื่นชอบงานศิลปะได้เข้ามามีส่วนร่วม การให้คุณค่าแก่ศิลปะเมื่อรวมกับการพัฒนาโครงการด้วยแนวคิดความยั่งยืนส่งผลให้ที่นี่เป็นโครงการ มิกซ์ยูสแห่งแรกของไทยที่ได้รับการรับรองด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมของอาคารตามมาตรฐาน LEED เวอร์ชั่น 4 BD+C: Core and Shell ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุดสำหรับการออกแบบและก่อสร้างอาคารเขียวที่ยั่งยืน และการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้ใช้อาคารตามมาตรฐาน WELL รวมทั้งการรับรองตามมาตรฐาน WELL Mind ด้วยการใช้งานศิลปะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดูแลฟื้นฟูจิตใจผู้ที่อยู่ในอาคาร
มหาวิทยาลัยมหิดล จับมือพันธมิตร พัฒนาหลักสูตร "Wellness & Healthcare Business Opportunity for Executives (WHB)" โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตร ให้แก่ผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 2 จำนวน 117 คน ขององค์กรชั้นนำต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน
ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทย ได้รับความชื่นชมจากนานาประเทศ เรื่องการบริหารจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี ทำให้ประเทศไทยสามารถยกระดับการบริการสุขภาพและการแพทย์ สู่ศูนย์กลางของภูมิภาคและทั่วโลก
"หลักสูตรนี้ เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข และภาคเอกชน มาพัฒนาธุรกิจด้านสุขภาพและการแพทย์ของไทยให้เป็น World Hub ต้องอาศัยความถนัดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาช่วยผลักดันให้ถึงเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งโปรเจกต์ Andaman Wellness Corridor (AWC) ของผู้เข้าอบรมรุ่นแรกประสบความเร็จ ได้รับการอนุมัติจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนรุ่นที่ 2 จะเน้นเรื่องของการสร้างแบรนด์ให้ธุรกิจนี้เป็นที่รู้จักของนานาประเทศ" ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าว
ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จันจิรา วงษ์ขมทอง ผู้อำนวยการหลักสูตร WHB เปิดเผยว่า หลักสูตรนี้เป็นการรวมตัวของผู้อบรมหลากหลายวงการ ได้แก่ ภาคนโยบาย ภาควิชาการ และภาคธุรกิจ ที่จะมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ ด้านการบริการสุขภาพ รวมถึงการแพทย์ นำไปสู่การต่อยอดและส่งเสริมเป็นธุรกิจต่างๆ อีกมากมาย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เป็นผู้นำด้าน Wellness & Healthcare ขณะนี้ กำลังเปิดรับสมัครรุ่นที่ 3 เพื่อสร้างโอกาสให้แก่อุตสาหกรรมนี้ต่อไป ซึ่งจะปิดรับสมัครภายในวันที่ 30 พ.ย. นี้
สำหรับกิจกรรมในหลักสูตร WHB ประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำธุรกิจ พร้อมจัดนิทรรศการและนำเสนอผลงานวิชาการของผู้เข้าอบรม ด้วยกลยุทธ์หลัก 6 ด้าน ได้แก่ "SABAI Wellcation, Sabai Thailand" ดึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ส่งมอบความสบายและผ่อนคลายแบบองค์รวมแก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่หนึ่ง ด้าน Wellness Tourism, การถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกิดการบูรณาการใน Ecosystem โครงการ Framework for Digital Transformation : Empowering Thailand Wellness and Healthcare, Platform การให้บริการด้านสุขภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ 24 ชม., โครงการ Lady D-Care ดูแลสุขภาพเชิงรุกรับสังคมสูงวัย, "Mindfulness for Wellness" เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้านการฝึกสติและสมาธิในระดับสากล และการพัฒนาบุคลากรด้าน Wellness ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมบริการทั้งระบบ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 และสร้างรายได้กลับสู่ประเทศจากการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โดย นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาดกลาง และ นายอภิสิทธิ์ ธีรภาพรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ เป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่ร่วมอบรมหลักสูตร WHB รุ่นที่ 2
หลักสูตร Wellness & Healthcare Business Opportunity Program for Executives (WHB) เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน นำโดย มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท ไทยพัฒนาสุขภาพ จำกัด, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข, Huawei Technologies (Thailand) และ The Department of Community and Global Health มหาวิทยาลัยโตเกียว เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้อุตสาหกรรมทางการแพทย์ครบวงจร เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมและบริการของประเทศไทย พร้อมกับขับเคลื่อนให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการบริการด้านสุขภาพและการแพทย์ของโลก โดยคัดเลือกผู้บริหารและผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการแพทย์ในประเทศ รวมถึงผู้ที่สนใจธุรกิจนี้ตระหนักถึงนวัตกรรมด้าน Wellness เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจใหม่ ต่อยอดและพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Wellness & Healthcare ต่อไป ./
![]()
![]()
![]()
บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย สานต่อพันธกิจรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ภายใต้เป้าหมายในการลดขยะพลาสติก และการมุ่งสู่องค์กรที่ขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste) ประกาเชิญชวนผู้สนใจร่วมส่งผลงานเข้าประกวด
ออกแบบกล่องน้ำดื่มรุ่นใหม่ของ CP LAND (CP LAND Drinking Water Carton Design Competition) ที่จะเริ่มนำมาปรับใช้ทั้งบริษัทในปี 2566 ภายในคอนเซ็ปต์ “ACCESSIBLE COMMUNITIES FOR LIFE คุณภาพเพื่อทุกชีวิต” โดยเน้นการออกแบบด้วยมีความทันสมัย สะท้อนภารกิจ มีเอกลักษณ์ และจดจำง่าย ชิงรางวัล iPhone 14 Pro ความจุ 128 GB มูลค่า 41,900 บาท ระยะเวลากิจกรรม รับสมัครและส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ – 9 พฤศจิกายน 2565 ภายในเวลา 16.00 น. และประกาศผลการตัดสินในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ผ่านช่องทาง FB : CP Land Property (https://www.facebook.com/cplandproperty)
กติกาและเงื่อนไขในการร่วมแคมเปญ
1. ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ออกแบบกล่องน้ำดื่มซี.พี. แลนด์ ใหม่ ภายในคอนเซ็ปต์ “ACCESSIBLE COMMUNITIES FOR LIFE” มีความทันสมัย สะท้อนภารกิจ มีเอกลักษณ์และจดจำง่าย
2. มีความน่าสนใจและสามารถนำไปใช้ได้จริงในการประชาสัมพันธ์ต่างๆ สามารถใช้กับงานสื่อ สิ่งพิมพ์ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบภาพนิ่ง
3. การออกแบบจะต้องเป็นไปตามคู่มือการใช้อัตลักษณ์องค์กรของบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) และหลักเกณฑ์การเตรียม Artwork ของบริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด
4.ส่งผลงานเป็นไฟล์ Photoshop (300 dpi ขึ้นไป) หรือ illustrator ขนาด 1 หน้า A4 โดยเมื่อย่อเหลือขนาด 4x4 ซม. เห็นตัวหนังสือโลโก้ได้อย่างชัดเจน
5. ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถติดต่อขอรับ Artwork Template รวมถึงคู่มือการใช้อัตลักษณ์องค์กรและเงื่อนไขที่กำหนดของบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) ได้ตามข้อมูลผู้ติดต่อด้านล่างนี้
6.จัดส่งผลงานภายในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 (เวลา 16.00) ทางช่องทาง Email : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
เงื่อนไขการเข้าร่วมกิจกรรม
1.ผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ ได้แก่ ผู้มีส่วนร่วมในโครงการ ผู้เกี่ยวข้อง หรือประชาชนทั่วไป
2.ลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้นจากการประกวดเป็นของบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน)
3.ผลงานที่เข้าประกวดต้องไม่มีการละเมินทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น
เกณฑ์การตัดสิน
1.กรรมการและคณะทำงานจากบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) จะทำการคัดเลือกดีไซน์ ขวดน้ำดื่มที่สวยงาม มีเอกลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และสามารถสื่อความหมาย “ACCESSIBLE COMMUNITIES FOR LIFE” ได้มากที่สุด
2.รูปแบบกล่องน้ำดื่มถูกต้องตาม คู่มือการใช้อัตลักษณ์องค์กรและเงื่อนไขที่กำหนดของบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) ทั้งในเรื่องของสี Pantone, Corporate Font, Corporate Pattern
3.รูปแบบกล่องน้ำดื่มถูกต้องตามหลักเกณฑ์การเตรียม Artwork ของบริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย)
4. คำตัดสินของกรรมการและคณะทำงานจากบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นที่สิ้นสุด จะอุทรณ์มิได้
![]()
บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี ผู้สร้างและดำเนินการ Bitkub Chain เครือข่ายบล็อกเชนที่ได้รับความนิยมของไทย และ ผู้ให้บริการ Blockchain Total Solution ชั้นนำ จัดกิจกรรมระเบิดความมันส์ เพื่อลูกค้าเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมรับของรางวัลสุดพิเศษ ในงาน Invate Pubstomp 2022 Presented by Bitkub Chain ในวันที่ 30 ตุลาคม 2565 ณ สยามภาวลัย รอยัล แกรนด์ เธียเตอร์, สยามพารากอน
ทั้งนี้ งาน Invate Pubstomp คือ กิจกรรมการรับชมการแข่งขัน International League เกม Dota2 สุดมันส์ ที่ผู้ชมจะได้รับชมกันแบบสด ๆ ติดขอบจอยักษ์ ณ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย พร้อมนักพากย์ชื่อดัง LightFury และ SunWaltz ที่จะมาสร้างความสุข ในการรับชมการแข่งขันสุดพิเศษครั้งนี้
ภายในงาน Bitkub Chain ได้ยกทัพ นำกิจกรรมจาก EarnKUB มาให้ทุกท่านได้ร่วมสนุกกัน เพียงแค่มีกระเป๋า Bitkub NEXT โดยผู้เข้าร่วมงานจะต้องทำภารกิจให้ครบทั้ง 4 ภารกิจเพื่อรับ NFT ที่มาในรูปแบบ Voting Ticket ซึ่งสามารถนำไปใช้โหวตกิจกรรมจาก Social DAO เพื่อรับสิทธิ์แลกของรางวัลสุดพิเศษจากทีมงาน รวมถึงการรับ NFT เพิ่มเติมผ่านการสแกน QR
Code ตอนรับชมการถ่ายทอดสด ที่สามารถนำมาร่วมเล่นกิจกรรมและแลกของรางวัลได้อีกด้วย อีกทั้ง Bitkub Chain ยังเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงาน ได้สร้าง NFT ชิ้นพิเศษ ให้มีความโดดเด่นสะดุดตา ซึ่งจะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก ผ่านแพลตฟอร์ม Creator Studio
วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) แต่งตั้ง AWAM เป็นนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ และ DAOL SEC เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ผนึกบล. 4 แห่ง UOBKH PI GLOBLEX และ ASL ร่วมจัดจำหน่าย ออกหุ้นกู้ อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.75% ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน-ผู้ลงทุนรายใหญ่ เตรียมเงินลงทุนศึกษาความพร้อมการขยายแผนธุรกิจพลังงานและลงทุนในธุรกิจอื่นๆ พร้อมเป็นเงินทุนหมุนเวียน เปิดจองซื้อ 25-27 ต.ค. ออกหุ้นกู้ 28 ต.ค. นี้
นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมความพร้อมขยายศักยภาพการเสนอขายไฟจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยมีแผนจะยื่นข้อเสนอทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ให้ได้ในระดับ 1,500 เมกะวัตต์ ภายในระยะ 5 ปี ตามแผนที่วางไว้ รวมถึงศึกษาการลงทุนสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
ทั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอเชีย เวลท์ จำกัด เป็นนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ และบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าที่ตราไว้ 1,000 บาทต่อหน่วย มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 2,000 ล้านบาท อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 6.75 ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินภายหลังจากการเสนอขายหุ้นกู้ WEH ในครั้งนี้ เพื่อลงทุนศึกษาความพร้อมการขยายแผนธุรกิจพลังงาน และการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ประมาณ 1,400 ล้านบาท รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ 600 ล้านบาท
โดยแผนขยายธุรกิจพลังงาน บริษัทเตรียมความพร้อมยื่นเสนอขายไฟโครงการพลังงานลม 9 โครงการ กำลังการผลิต 810 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 50,000 ล้านบาท
ในขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนศึกษาธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูง อาทิ ธุรกิจสุขภาพและความงาม ธุรกิจการเงิน รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพลังงาน เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง สามารถกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต
ด้าน นายฐิติพัฒน์ ทวีสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่าย Corporate Finance Solutions & REIT บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DAOL SEC) หนึ่งในผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ได้กำหนดวันจองซื้อช่วงระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค. 2565 และออกหุ้นกู้ในวันที่ 28 ต.ค. 2565 โดยเป็นการเสนอขายให้แก่กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ เพื่อให้ผู้ลงทุนที่สนใจได้พิจารณาลงทุน มีส่วนร่วมในการสร้างการเติบโตไปกับกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตมั่นคง ซึ่ง WEH มีศักยภาพการดำเนินงานโดดเด่น มีข้อได้เปรียบในการแข่งขันจากการเป็นผู้นำด้านพลังงานลมใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงครอบคลุมในทุกมิติ อีกทั้งอัตราการทำกำไรอยู่ในระดับสูง
สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ WEH มีผู้จัดการการจำหน่ายฯ ร่วมอีก 4 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ด้านนายทะเบียนหุ้นกู้มี ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ
อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) เปิดรายงานใหม่ครั้งสำคัญ ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนถึง ณ ปัจจุบัน ระบุถึงการใช้ 5G ในหลายส่วนของโลกเชื่อมหมุดหมายระหว่างผู้นำกระแส (Early Adopter) ไปสู่การยอมรับในวงกว้าง (Mass Adoption) พร้อมเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและความคาดหวังของพวกเขาต่อเครือข่าย 5G กับการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ในยุคถัดไป
รายงาน Ericsson ConsumerLab หรือในชื่อ 5G: The Next Wave เผยผลกระทบของเครือข่าย 5G ที่มีต่อผู้บริโภคในกลุ่มผู้นำกระแสจากหลากหลายประเทศ รวมถึงประเมินความตั้งใจและความคาดหวังในการสมัครใช้เครือข่าย 5G ของกลุ่มผู้ใช้ที่ยังไม่ได้เป็นผู้ใช้ 5G (Non-5G Subscribers) จากรายงานคาดการณ์ว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนอย่างน้อย 30% ตั้งใจสมัครใช้เครือข่าย 5G ภายในปีหน้า
รายงานนี้เป็นการผนวกและติดตามข้อมูลโดยอีริคสัน ครอบคลุมตั้งแต่การเปิดตัว 5G เมื่อปี 2562 ซึ่งการสำรวจผู้บริโภคครั้งล่าสุดนี้ ทำให้รายงาน Ericsson ConsumerLab สามารถระบุถึงแนวโน้มสำคัญ 6 ประการอันส่งผลกระทบต่อการนำ 5G มาใช้งานครั้งใหม่
รายงานยังครอบคลุมถึงการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมที่เกิดจากบริการดิจิทัลที่บันเดิลอยู่ในแผนหรือแพ็กเกจ 5G ของผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้แอปพลิเคชั่นวิดีโอและ AR ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้น
และในรายงานยังระบุถึงความเร็วในการนำเครือข่าย 5G ไปใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น การค้นพบความต้องการของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย 5G และผลกระทบต่อการรับ-ส่งข้อมูลในเครือข่าย
งานวิจัยฉบับนี้ได้สัมภาษณ์ผู้บริโภคมากกว่า 49,000 ราย ใน 37 ประเทศ ถือเป็นการสำรวจผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย 5G ทั่วโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนถึง ณ ปัจจุบัน และเป็นแบบสำรวจผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดที่จัดทำโดยอีริคสันในทุกหัวข้อ ซึ่งขอบเขตในการสำรวจนี้จะเป็นตัวแทนความคิดเห็นของผู้บริโภคประมาณ 1.7 พันล้านคนทั่วโลก รวมถึงผู้ใช้เครือข่าย 5G ราว 430 ล้านราย
มร.อิกอร์ มอเรล ประธานกรรมการ บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “การศึกษาเพิ่มเติมทำให้เราเข้าใจถึงมุมมองและทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อเครือข่าย 5G อย่างแท้จริง รายงานนี้แสดงให้เห็นว่าคลื่นลูกต่อไปของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของบริการ 5G มีความคาดหวังเทคโนโลยีที่แตกต่างจากเดิมเมื่อเทียบกับผู้ใช้ในกลุ่มผู้นำกระแส และในภาพรวม ผู้บริโภคมองว่าการมีส่วนร่วมกับ 5G เป็นส่วนสำคัญของไลฟ์สไตล์ในอนาคตของพวกเขา”
“น่าสนใจที่ทราบว่าเครือข่าย 5G กำลังกลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการเปิดใช้งานสำคัญในบริการที่เกี่ยวข้องกับเมตาเวิร์สของกลุ่มผู้นำกระแส อาทิ การเข้าสังคม การเล่น และการซื้อสินค้าดิจิทัลในแพลตฟอร์มเกมเสมือนจริง 3 มิติ แบบอินเตอร์แอคทีฟ นอกจากนี้ระยะเวลาที่ผู้ใช้ 5G ใช้ไปในแอปพลิเคชั่น Augmented Reality ก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับผู้ใช้ 4G” มร.อิกอร์ กล่าวเพิ่มเติม
รายงานยังคาดการณ์ว่าผู้บริโภค 5G ที่มีประสบการณ์ใช้ฟังก์ชัน Extended Reality (XR) จะเป็นผู้ใช้กลุ่มแรกที่เปิดรับอุปกรณ์ในอนาคต เนื่องจากพวกเขามีมุมมองแง่บวกเกี่ยวกับศักยภาพของแว่นตา Mixed Reality Glasses โดยผู้ใช้ 5G ครึ่งหนึ่งที่ใช้บริการด้าน XR ทุกสัปดาห์คิดว่าแอปพลิเคชั่น AR จะย้ายจากสมาร์ทโฟนไปสู่อุปกรณ์ XR แบบสวมศีรษะภายใน 2 ปีข้างหน้านี้ เมื่อเทียบกับ 1 ใน 3 ของผู้บริโภค 4G ที่มีมุมมองแบบเดียวกัน
6 แนวโน้มสำคัญในรายงาน 5G – the Next Wave
1. การใช้งานบริการ 5G ยังคงจะเติบโตสวนกระแสอัตราเงินเฟ้อ ผู้บริโภคอย่างน้อย 510 ล้านรายใน 37 ตลาดทั่วโลก มีแนวโน้มเปิดใช้งาน 5G ในปีหน้า (2566)
2. ความต้องการใช้งานใหม่ ๆ ของผู้ใช้: ผู้ใช้ 5G มีความคาดหวังสูงในด้านประสิทธิภาพของเครือข่าย 5G โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความครอบคลุมของสัญญาณเครือข่าย ต่างจากผู้ใช้ในกลุ่มผู้นำกระแส ซึ่งสนใจเกี่ยวกับบริการที่เป็นนวัตกรรมที่เปิดใช้งานโดย 5G
3. ความพร้อมใช้งาน 5G ที่รับรู้ได้กำลังกลายเป็นมาตรฐานความพึงพอใจใหม่ในหมู่ผู้บริโภค ความครอบคลุมของสัญญาณเครือข่ายทางภูมิศาสตร์ ความครอบคลุมสัญญาณในอาคาร/นอกอาคาร และความครอบคลุมของสัญญาณในจุด Hot-Spot มีความสำคัญต่อการสร้างการรับรู้แก่ผู้ใช้มากกว่าความครอบคลุมของประชากร
4. 5G กำลังกระตุ้นการใช้วิดีโอและเทคโนโลยี AR ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ในช่วงสองปีที่ผ่านมาผู้ใช้ 5G ใช้งานแอปพลิเคชั่น AR เพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็นสองชั่วโมงต่อสัปดาห์
5. โมเดลการสร้างรายได้ 5G จะพัฒนามีความหลากหลายขึ้น: ผู้บริโภค 6 ใน 10 คาดหวังว่าข้อเสนอเกี่ยวกับ 5G จะมากกว่าแค่เรื่องปริมาณการใช้ข้อมูลและความเร็วที่มากขึ้นไปสู่ความสามารถเครือข่ายตามความต้องการเฉพาะ
6. การนำ 5G มาใช้งานกำลังกำหนดเส้นทางไปสู่เมตาเวิร์ส ผู้ใช้ 5G เฉลี่ยใช้เวลา 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในบริการที่เกี่ยวข้องกับเมตาเวิร์ส มากกว่าผู้ใช้เครือข่าย 4G และยังคาดหวังจะใช้เวลาชมเนื้อหาประเภทวิดีโอบนอุปกรณ์เคลื่อนที่อีกสองชั่วโมงทุกสัปดาห์ โดย 1.5 ชั่วโมงชมผ่านแว่นตา AR/VR ภายในปี 2568
ในส่วนของประเทศไทย จากการศึกษาของอีริคสันพบว่า ความพร้อมใช้งาน 5G ของผู้บริโภคในประเทศไทยอยู่ในระดับสูง โดยผู้ใช้ถึง 47% ตั้งใจสมัครใช้ 5G ในปี 2566 และประมาณ 9 ใน 10 ของผู้ใช้ 5G ในปัจจุบันระบุว่า พวกเขาไม่อยากกลับไปใช้เครือข่าย 4G อีก แม้ 5G จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อการนำ 5G ไปใช้งาน มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของบริการ 5G ประมาณ1.5 เท่า ของผู้ใช้ 5G ปัจจุบัน โดยมองว่าเครือข่ายที่ครอบคลุมเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดในการสมัครใช้ 5G ขณะที่ผู้ใช้ 5G ในกลุ่มผู้นำกระแส (Early Adopter) 92% ต้องการบริการและอุปกรณ์ดีไวซ์ที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น
โครงงาน “ผลของวัสดุครอบต่อการกระตุ้นการสร้างท่อเข้ารังของชันโรงดินเพื่อการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์” ของโรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ จังหวัดเชียงราย ได้รับรางวัลชนะเลิศ Special Award for Prime Minister’s Science Award 2022 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งประยุกต์ใช้องค์ความรู้วิทยาศาสตร์ในการต่อยอดเกษตรอินทรีย์ในท้องถิ่น ช่วยให้ชุมชนเข้าถึงนวัตกรรมได้ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีนางสาวกาญจนา อุ่นอารมณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมและประกันคุณภาพ และศูนย์การวิเคราะห์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์จากกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) มอบรางวัลทุนการศึกษาจำนวน 30,000 บาท ให้ทีมชนะเลิศในงานซึ่งจัดโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ณ ห้องแสงเดือน แสงเทียน ชั้น 2 อาคารพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า อพวช. คลองห้า ปทุมธานี
ชันโรงดิน (Tetragonilla collina) เป็นผึ้งจิ๋วที่ทำรังและอาศัยอยู่ในโพรงใต้ดิน โดยสร้างปากทางเข้ารังเป็นท่อกลมยาวจากยางไม้หรือยางชันที่มีสมบัติเป็นพรอพอลิสซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย โครงงานจึงได้ศึกษาผลของวัสดุที่นำมาใช้ครอบปากทางเข้ารังของชันโรงต่อการกระตุ้นการสร้างท่อเข้ารังของชันโรง ศึกษาและเปรียบเทียบสมบัติของยางชัน โดยใช้กระถางพลาสติกโปร่งแสง กระถางพลาสติกทึบแสง และกระถางดินเผาเป็นวัสดุครอบ พบว่ากระถางดินเผาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร ความสูงของกระถาง 20 เซนติเมตร มีความเหมาะสมที่สุดในการปกป้องชันโรง และให้ปริมาณพรอพอลิสมากที่สุด และยังพบว่าพรอพอลิสที่ได้มีคุณสมบัติการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราเขียวมากกว่าท่อเข้ารังธรรมชาติ
พรอพอลิสจากธรรมชาติที่ได้สามารถนำไปใช้แทนแว็กซ์เคมีที่ใช้เคลือบผลส้มเพื่อเพิ่มความเงางาม จึงปลอดภัยกับผู้บริโภคมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ในชุมชนและเป็นแนวทางการส่งเสริมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากชันโรงดินอย่างยั่งยืนตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจ BCG

เนื่องในวันนักเรียนโลก 15 ตุลาคม TikTok ชวนดูคอนเทนต์จากครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมไอเดียสุดสร้างสรรค์ โดยTikTok อาสาคัดสรรค์มาให้ดูชม
นักเรียนวัยใส วัยสุดมันส์ ถือเป็นพลังขับเคลื่อนชุมชน TikTok ที่สำคัญ จะเห็นได้จากคอนเทนต์สุดยอดไอเดียของเหล่านักเรียนที่หาดูได้ตาม #TikTokUni ที่มีเหล่าครีเอเตอร์รุ่นใหม่ไฟแรงปล่อยไอเดียสุดครีเอทีฟกันทั้งคอนเทนต์วิถีการเรียนในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการใช้อุปกรณ์ Gadgets ช่วยทุ่นแรงการเรียน แชร์วิธีการสอบให้ปัง คอนเทนต์ไลฟ์สไตล์นักเรียนในยุคนี้สมัยนี้ทำอะไรกันบ้าง รีวิวชีวิตการไปเรียนต่างแดน กิจกรรมยามว่าง ยามเรียนในโรงเรียนยุคใหม่ ดูไปก็เพลินไป เห็นได้ว่า เทรนด์ใหม่ของการเรียนรู้มาถึงแล้วกับคำว่า Edutainment คือการเรียนรู้คู่ความสนุก ซึ่งเป็นโอกาสที่จะช่วยให้การเรียนรู้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยได้ เทรนด์ไหนโดดเด่นน่าสนุกกันบ้าง ไปดูกัน
เริ่มกันที่เทรนด์แรก "ไลฟ์สไตล์นักเรียนยุคใหม่" ที่มีคอนเทนต์หลากหลายตั้งแต่การรีวิวเรื่องราวรั้วมหาวิทยาลัย รีวิวการเรียนและใช้ชีวิตต่างแดนอย่างครีเอเตอร์สาวน้อยน่ารัก @filmyahoo กับคอนเทนต์ 1 วันชีวิตเด็กมหาวิทยาลัยที่มาพร้อมกับ Voice Effects น่ารักๆ พร้อมโชว์ไอเท็มเจ๋งๆไว้ใช้ในการเรียนและการทำงาน บอกเลยว่ามีทั้งความครีเอทและความสร้างสรรค์ ช่วยเสริมทักษะในการเรียนของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ และ @bemolibeam มาในคอนเทนต์การรีวิวไปเรียนต่างประเทศ "เมื่อฉันถูกส่งไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ" เปิดประสบการณ์ที่จะทำให้รับรู้กันเลยทีเดียวว่าการเรียนต่างแดนสมัยใหม่นี้ มีทั้งการเต้น การทำ Henna Hand Tattoos และครูแต่งตัวเป็นซอมบี้ให้นักศึกษาหนี มีกระทั่งทัศนศึกษาที่ผับ เรียกได้ว่าเปิดโลกให้เหล่านักเรียน นักศึกษากันเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเต้นในคลาสมหาวิทยาลัย กิจกรรมเล่นเกมส์ในห้องเรียน และอีกมากมาย
เทรนด์ต่อมาที่มาแรงไม่แพ้กัน "เทคนิคการเรียนสมัยใหม่" ที่มีทั้งการใช้อุปกรณ์ไอที Gadgets มาช่วยในการเรียน ทั้งใช้ไอแพดจดงานหรือวาดรูปส่งงาน ใช้ประโยชน์จากฟังก์ชั่นไมค์จดเลคเชอร์อาจารย์แทนโดยไม่ต้องเหนื่อย และมีแม้กระทั่งสายมู อย่าง @sofunsheet ก็ไม่ยอมแพ้กันในคอนเทนต์การสอบยุคใหม่ด้วยสายมู ที่มาเพิ่มความมั่นใจในการสอบของนักเรียนไทย ทั้งการบน ไม่กินไข่ต้ม ใช้ถุงนำโชค ทางกายพร้อมแล้ว ทางใจก็ต้องเตรียม ไอเทมเสริมตัวช่วยสายมูนั่นก็คือน้ำมนต์ และ @amnotlion กับคอนเทนต์สายไอทีล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นแนะนำใช้ Canva ในการพรีเซนต์งาน แนะนำแอปพลิเคชันและสอนใช้ในการตัดต่อส่งงาน หรือแม้กระทั่งใช้เครื่องมือ Google Extensions ช่วยเรียนภาษาอังกฤษโชว์ซับ 2 ภาษา แถมถ้าเราสงสัยตรงไหนสามารถกดหยุด เลือกคำศัพท์ที่สงสัยและแปลคำศัพท์นั้นรวมกับออกเสียงได้ทันทีระหว่างดู Netflix เรียกได้ว่าสมัยนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
เทรนด์สุดท้าย คงไม่พ้น "การเรียนรู้คู่ความสนุก หรือ Edutainment" กับการเรียนยุคใหม่ ที่ถูกย่อยเนื้อหาสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสนุกด้วย ทำให้นักเรียน นักศึกษาตั้งใจเรียนกันเป็นแถวแถมรอยยิ้มอันสนุกสนาน อย่าง @krudewtoeic มาสอนการใช้คำศัพท์ Girl Friend และ Girlfriend ต่างกันอย่างไร ด้วยจริตและท่าทางที่สนุกสนาน แถมความรู้เข้าใจง่ายแบบเน้นๆ ทำให้นักเรียนเข้ามาคอมเมนต์ชื่นชอบการเรียนแบบนี้กันตรึม และ @krupann.english ที่มาสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานแบบเข้าใจง่ายเหมือนกัน ที่พูดไปใครๆ ก็รู้จักกับคำว่า "สะดวกแบบนี้" ภาษาอังกฤษพูดอย่างไรและใช้อย่างไร ที่ทำให้นักเรียน นักศึกษา ตลกขบขันกันเป็นแถว ส่วนถ้าใครอยากรู้พูดว่าอะไรต้องเข้าไปดูกันแล้ว
ยังไม่หมดแค่นี้ คอนเทนต์รีวิวการสอบสัมภาษณ์อย่างไรให้ผ่าน การเตรียมพอร์ทให้เก๋โดนใจผู้สัมภาษณ์ เรียนรู้สิ่งลี้ลับ สิ่งรอบตัวสุดสร้างสรรค์กับ pupurae และ ampossible.th การเรียนรู้มักจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย การเรียนรู้ที่คู่กับความสนุกสามารถเป็นที่รู้จักได้ขนาดนี้ แสดงให้เห็นถึงพลังของคอมมูนิตี้ TikTok ได้เลยทีเดียว ที่นำพาทั้งประโยชน์ วิธีการเรียนแบบใหม่ ทั้งทำให้เกิดการเชื่อมโยงและทำให้นักเรียนคนอื่นๆ เริ่มต้นสร้างสรรค์ของตัวเองได้ทั้งไอเดียและแรงบันดาลใจ
ไม่น่าแแปลกใจว่าทำไม TikTok จึงเป็นแพลตฟอร์มที่มาแรง เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้ทีแม้แต่สื่อการเรียนรู้อย่าง dekdtcas ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการแชร์องค์ความรู้ ส่วนหนึ่งในนั้นก็เพราะ TikTok สร้างพื้นที่ความสบายใจ ทำให้หลายๆ ได้เป็นตัวของตัวเอง และทำให้เกิดเทรนด์การเรียนรู้คู่ความสนุกขึ้นมา สำหรับใครที่มีอยากติดตามการเรียนรู้สมัยใหม่และความสนุกพร้อมๆกันนี้ เข้าไปดูได้ใน แฮชแท็ก #TikTokUni #Universitylife #นักเรียน #ชีวิตมหาลัย บน TikTok
“ดอยคำ” จับมือพันธมิตร สร้างสรรค์โครงการ “ดอยคำ แชร์ริตี้” (DOIKHAM SHARITY) เพื่อส่งต่อแนวคิด Share + Charity การแบ่งปันแบบ 3 ต่อ ได้แก่ แบ่งปันรายได้ให้เกษตรกรไทย แบ่งปันสินค้าคุณภาพสู่ผู้บริโภค และแบ่งปันสุขภาพดีคืนสู่สังคม ด้วยการคัดสรรสินค้ากลุ่มสมุนไพร จำหน่ายเป็นกิฟต์เซตพร้อมด้วยสเปรย์แอลกอฮอล์กลิ่นสมุนไพร นำรายได้สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ สร้างศูนย์นวัตกรรมการแพทย์เพื่อผู้ป่วยสูงวัยและผู้ป่วยระยะท้าย พร้อมนำ 2 ศิลปินวัยรุ่นชื่อดัง เต-ตะวัน วิหครัตน์ และ นิว-ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ ร่วมออกแบบบรรจุภัณฑ์ จำหน่าย ณ ร้านดอยคำทุกสาขาในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2565 และตู้เวนดิ้งแมชชีน 4 จุด ได้แก่ ร้านดอยคำสาขาราชเทวี, ศูนย์การค้าสยามพารากอน, หน้าโรงภาพยนตร์เอสเอฟชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และชั้น 1 อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
นายพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่า “ดอยคำ เป็นองค์กรที่ดำเนินงานในรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือขับเคลื่อนการสร้างสุขให้สังคมด้วยการพัฒนาอย่างสมดุลและยั่งยืน ควบคู่ไปกับการมุ่งพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างรอบด้าน โดยดำเนินธุรกิจที่สร้างประโยชน์สุขแก่สังคมโดยรวมเสมอมา นับตั้งแต่ ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ต้นน้ำ คือการสร้างให้เกษตรกรไทยมีความแข็งแกร่ง มีความรู้ เพื่อนำไปพัฒนาการเพาะปลูก รวมถึงการรับซื้อผลิตผลในราคาที่เป็นธรรม เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น กลางน้ำ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรไทยสามารถแข่งขันได้ในทางธุรกิจ และ ปลายน้ำ คือการแบ่งปันสุขภาพดีให้คนไทย ด้วยการสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพเพื่อส่งมอบสุขภาพที่ดีในราคาที่เข้าถึงได้
เพื่อเป็นการตอกย้ำพันธกิจองค์กรในการส่งต่อ แบ่งปัน และสร้างประโยชน์สุขคืนสู่สังคม ดอยคำจึงจับมือพันธมิตรจัดทำโครงการ “ดอยคำ แชร์ริตี้” (DOIKHAM SHARITY) เชื่อมโยงการแบ่งปันเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยทุกคน ภายใต้แนวคิด Share + Charity เชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมเป็นผู้ “ให้” ร่วมแบ่งปันและส่งต่อแก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ ในการก่อสร้าง “ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์เพื่อผู้ป่วยสูงวัยและผู้ป่วยระยะท้าย” ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงโอกาสในการรักษาอย่างทันท่วงที ด้วยการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุดพิเศษ “กิฟต์เซตสมุนไพร” (Herbal Giftset) และ “สเปรย์แอลกอฮอล์กลิ่นสมุนไพร” เพื่อนำรายได้จากการจัดจำหน่ายร่วมสมทบทุนในโครงการดังกล่าว
“จากความมุ่งมั่นตั้งใจที่อยากส่งต่อสิ่งดี ๆ แก่สังคม “ดอยคำ” ได้มุ่งพัฒนาสร้างสรรค์สินค้าจากชุมชน ผ่านการส่งเสริมและรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรไทย เพื่อนำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้และอาชีพที่ยั่งยืนแก่เกษตรกร โดยเฉพาะในกลุ่มสมุนไพร เนื่องจากเป็นภูมิปัญญาที่มีคุณค่าและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ดอยคำจึงมุ่งเน้นผลักดันผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้รักสุขภาพ ทั้งในรูปแบบของน้ำสมุนไพรพร้อมดื่ม สมุนไพรชนิดผง และสมุนไพรสกัด ซึ่งการดำเนินโครงการดอยคำ แชร์ริตี้นี้ นอกจากจะเป็นการแบ่งปันสุขภาพดีส่งถึงมือผู้บริโภคในราคาที่เข้าถึงได้แล้ว ยังเป็นการแบ่งปันคืนสู่สังคม ด้วยการร่วมสมทบทุนกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ อีกด้วย” นายพิพัฒพงศ์ กล่าว
ทางด้าน นางสาวพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดี กล่าวว่า “มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีบทบาทสำคัญคือการเป็นสะพานบุญแห่งการให้ ส่งต่อน้ำใจจากผู้ให้ไปสู่ผู้ป่วย ผ่านโครงการต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบของการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล การจัดหาเครื่องมือแพทย์ การสนับสนุนงานวิจัย ซึ่งทั้งหมดนี้มุ่งหวังให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกระดับชั้น และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนในภาพรวม
ในปีนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้ผลักดันให้เกิด ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์เพื่อผู้ป่วยสูงวัยและผู้ป่วยระยะท้าย เพื่อรองรับการดูแลผู้คนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีจนนาทีสุดท้าย อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้ ส่งเสริมการเรียนรู้และฝึกอบรมบุคลากร อาสาสมัคร และผู้ดูแลให้มีความรู้ ความชำนาญในการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะสุดท้ายอย่างเป็นระบบ โดยขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2567 ใช้งบประมาณการก่อสร้างอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท และยังขาดแคลนงบประมาณอีกจำนวน 770 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วจะสามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปได้รวม 2,800 ราย/ปี รองรับผู้ป่วยใน 178 เตียง
ทั้งนี้ ทางมูลนิธิฯ มีความยินดีที่ดอยคำและพันธมิตรได้ร่วมมือกันจัดทำโครงการ “ดอยคำ แชร์ริตี้” (DOIKHAM SHARITY) ขึ้นมา เพื่อจัดหารายได้ร่วมสบทบทุนการก่อสร้างศูนย์นวัตกรรมการแพทย์เพื่อผู้ป่วยสูงวัยและผู้ป่วยระยะท้าย ให้สำเร็จตามเป้าหมาย เพื่อเพิ่มโอกาสทางรักษาให้แก่ผู้ป่วยได้อย่างเร็วขึ้น”
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เปิดจำหน่ายภายใต้โครงการดอยคำแชร์ริตี้ แบ่งออกเป็น “กิฟต์เซตสมุนไพร” (Herbal Giftset) ประกอบด้วย น้ำสมุนไพรพร้อมดื่ม สมุนไพรชนิดผง และสมุนไพรสกัด จัดทำจำนวน 3,000 เซ็ต จำหน่ายในราคาเซ็ตละ 370 บาท และ “สเปรย์แอลกอฮอล์กลิ่นสมุนไพร” จัดทำพิเศษ 2 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นชาเขียว (Green Tea) และกลิ่นคาโมมายล์ (Chamomile) ซึ่งได้ 2 ศิลปินวัยรุ่นชื่อดัง เต-ตะวัน วิหครัตน์ และนิว-ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ มาร่วม
ออกแบบลายบนแพ็กเกจ จำนวน 10,000 ชิ้น จำหน่ายในราคาชิ้นละ 99 บาท ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ที่ร้านดอยคำทุกสาขาในเขตกรุงเทพฯ
ผู้ที่สนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “ดอยคำ แชร์ริตี้” (DOIKHAM SHARITY) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Doikham - ดอยคำ
พร้อมกันนี้ ดอยคำ และพันธมิตร ได้แก่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน, บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด, บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด, บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน), Flex Station 104.5, บริษัท ซีเนริโอ จำกัด, บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอซโทรนอส จำกัด ยังได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “ดอยคำ แชร์ริตี้” (DOIKHAM SHARITY) เพื่อนำผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการ มาจัดจำหน่ายในพื้นที่ใจกลางเมืองให้คนไทยได้ร่วมสนับสนุนโครงการได้สะดวกยิ่งขึ้น ภายในงานประกอบไปด้วยนิทรรศการ “จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ” นำเสนอเรื่องราวการแบ่งปันสิ่งดี ๆ จากเกษตรกรไทยต้นน้ำสู่ผู้บริโภคปลายน้ำ รวมทั้งกิจกรรมให้ความรู้เรื่องสุขภาพจากผู้เชี่ยวชาญ อาทิ คุณหมอปิแอร์-สิระ กอไพศาล คุณหมอชื่อดังแห่งโลก โซเชียล ตั้งแต่วันที่ 19-24 ตุลาคม 2565 ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
"สุขภาพจิต" ของคนไทย ทั้งเครียด ซึมเศร้า และมีแนวโน้มฆ่าตัวตาย จากปัจจัยเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าในปี 2030 "โรคซึมเศร้า" จะกลายเป็นสาเหตุของภาระโรคภัยของทุกประเทศในระดับโลก และได้ประมาณตัวเลขไว้ว่าการฆ่าตัวตายนั้นเป็นเหตุการตายอันดับ 2 ในกลุ่มคนอายุ 15-29 ปี
ปัจจุบันนี้ คนไทยเริ่มที่จะหันมาสนใจเรื่อง "สุขภาพจิต" มากขึ้น ซึ่งเราจะได้เห็นจากบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง TikTok ที่หลายๆ คน เข้ามาร่วมแชร์เรื่องราวของตนเอง รวมถึงบอกวิธีการดูแลใจในแฮชแท็กและอีกมายในแฮชแท็ก #ดูแลใจไปด้วยกัน #พื้นที่ปลอดภัยในการไถฟีด #คนน่ารักเขาเมนต์กันแบบนี้ ทำให้พื้นที่ตรงนี้เสมือนเป็นพื้นที่ปลอดภัยของใครหลายๆ คน ที่อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้สังคมปลอดภัยและน่าอยู่
เพื่อรับมือและป้องกัน เราทุกคนจึงควรเข้าใจเกี่ยวกับปัญหา "สุขภาพจิต" เพราะมันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เนื่องในโอกาส World Mental Health Day ทาง TikTok เลยอยากรับฟังเรื่องราวของทุกคน ถ้าคุณอยากหาพื้นที่ระบายเรื่องราวลำบากใจของตนเอง สามารถเข้าไปเล่าเรื่องราวตนเองได้ที่ https://bit.ly/3eCOfju
TikTok ได้ดำเนินการรวบรวมเคสต่างๆ เพื่อนำมาพูดคุยปรึกษาเกี่ยวกับวิธีดูแลสุขภาพจิตกันใน Live สุดพิเศษ โดยไม่มีการพูดถึงชื่อเจ้าของเคสที่มาร่วมแชร์เรื่องราวตนเอง ที่จะทำให้ทุกคนสามารถฮีลใจตนเองให้แข็งแรงไปด้วยกันได้ใน TikTok Talk: Better Together รวมถึงพาทุกคนไปรู้จักความสำคัญของ" สุขภาพจิต" และวิธีฮีลลิ่งใจของตัวเอง โดยชวน คุณ หมอแน๊ต หรือ ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นกรมสุขภาพจิต จากกรมสุขภาพจิต @thaidmh มาแชร์การดูแลจิตใจ ทั้งการสังเกตอาการ การรู้เท่าทันและจัดการกับความรู้สึกตัวเอง เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิต และยังมีครีเอเตอร์ชื่อดัง อีฟสึ สาวครีเอเตอร์พลังบวกผู้ที่คอยสร้างสีสันและรอยยิ้มให้กับผู้ชม @eve_tsu และ ปาร์ตี้ นักพากย์ฟีลกู้ด ที่ใช้การพากย์เสียงเป็นสื่อกลางในการส่งความสุขให้กับผู้คน @papaparty_feelgood มาแชร์ประสบการณ์ที่ทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ และวิธีการดูแลใจตัวเอง เพื่อให้ผู้ที่กำลังมีปัญหาสุขภาพจิตผ่านช่วงเวลาที่ไม่ดีไปได้อย่างไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ร่วมด้วย คุณเม ชนิดา จาก TikTok กับแนวทางการสนับสนุนการดูแลสุขภาพจิตที่ดีบน TikTok เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัย และสร้างสังคมให้น่าอยู่ขึ้น! ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม นี้ เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ที่ @TikTokCreators_TH
ร่วมแชร์วิธีรับมือ ป้องกัน และเยียวยาจิตใจ เพื่อให้ผู้ที่ประสบปัญหาเหล่านี้รับรู้ได้ว่าทุกคนพร้อมจะช่วยเหลือคุณนะ https://bit.ly/3eCOfju นอกจากนี้ยังมี #ดูแลใจไปด้วยกัน บน TikTok ที่ทุกคนสามารถเข้าไประบาย หรือ แชร์เรื่องราวความรู้ของตนเองที่เข้มแข็งผ่านพ้นเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้ มาดูแลสุขภาพจิตของทุกคนด้วยการทำให้มันเป็นจริงเถอะ แล้วพบกัน Live งาน TikTok Talk: Better Together With TikTok ได้ที่ @TikTokCreators_TH วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม นี้ เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป