

บมจ. กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในฐานะผู้นำบริษัทประกันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือ ‘Green Insurer’ นำโดย คุณ ลาทีฟา ซาอีด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและการสื่อสารองค์กร แอกซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ต (แถวหลัง คนที่ 6 จากซ้าย) พร้อมด้วยคุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร (แถวหลัง คนที่ 5 จากซ้าย) สานต่อนโยบายด้าน Climate Change & Biodiversity หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความหลากหลายด้านชีวภาพ จัดโครงการ “Save Our River” โดยสนับสนุนเรือไฟฟ้า (EV boat) และติดตั้งถังขยะรีไซเคิล เพื่อช่วยการจัดการขยะจากต้นทางก่อนไหลลงสู่แม่น้ำ และทะเล ซึ่งบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการช่วยลดขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 43 ตันต่อปีจากการจัดการขยะบนเรือ นอกจากนั้น เรือไฟฟ้าดังกล่าวใช้พลังงานสะอาดในการขับเครื่องยนต์ ซึ่งจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้มากถึง 1,200 ตัน ต่อปี
พร้อมกันนี้ พนักงานจิตอาสาของบริษัทฯ ได้รวมพลัง Hearts in Action ช่วยเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อช่วยสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม และป้องกันมลพิษทางน้ำก่อนไหลลงสู่ทะเล และกลายเป็นขยะทะเลที่เป็นปัญหาใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม สู่ความยั่งยืนของสังคมไทย พร้อมทั้งสอดคล้องกับเป้าหมายสูงสุดของบริษัทฯ ที่จะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป
พลตรี สุธี พานิชกุล หัวหน้าสำนักงานผู้บังคับบัญชาโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ให้เกียรติรับมอบเงินสมทบทุนจากนายเอกวิทย์ ชัยวรานุรักษ์ (กลาง) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารหน่วยธุรกิจ สยามเซ็นเตอร์ และสยาม ดิสคัฟเวอรี่ นายอิทธิพล บุญนา ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายกิจกรรมการตลาด บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และนางสาววิสาข์ ธนวิภาคย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายแบรนด์และสื่อสารองค์กร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากกิจกรรมพิมพ์เสื้อลายลิมิเต็ด อิดิชัน จากเครื่องพิมพ์เอปสัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “The Celebration: Right to Love” เพื่อฉลอง Pride Month ตลอดเดือนมิถุนายนของกลุ่มสยามพิวรรธน์ร่วมกับพันธมิตร ณ สยามเซ็นเตอร์ เมื่อเร็วๆ นี้
กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี นำโดย นายอัศวิน - นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ร่วมกับ บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และพนักงานจิตอาสา จัดกิจกรรม Workshop เย็บเต้านมเทียม ภายใต้โครงการ “เย็บเต้าจากใจ สู้ภัยมะเร็ง” ณ ร้านหนังสือ Asia Books สาขาอาคารบีเจซี 2 เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ป่วยมะเร็งที่ผ่าตัดเต้านมและสูญเสียความมั่นใจในเรื่องของบุคลิกภาพหลังจากรับการรักษาให้กลับมามีรอยยิ้มกับสรีระของตนเองอีกครั้ง โดยกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี จะมอบเต้านมเทียม เพื่อช่วยเหลือและสร้างพลังใจให้กับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม แก่ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ สำหรับโครงการดังกล่าว เป็น 1 ในโครงการด้านการพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือในสังคม จำนวน 72 โครงการของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ กรรมการ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริจาคเงินส่วนตัวในนาม “ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์” ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 ให้กับสถาบันการศึกษา มูลนิธิ โรงพยาบาลและองค์กรสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ จำนวน 45 องค์กร รวมเป็นเงิน 48.5 ล้านบาท โดยแบ่งการสนับสนุนเป็นองค์กรด้านศาสนา 7 หน่วยงาน ด้านการศึกษา 22 หน่วยงาน และ ด้านสังคม 16 หน่วยงาน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมพิธีมอบทุนฯ ณ อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ซึ่งเงินบริจาคส่วนนี้จะช่วยสนับสนุนการทำงานขององค์กรต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ นายทองมาได้มอบ “ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์” ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปีนี้นับเป็นปีที่ 15 โดยได้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา การศึกษา และสังคม ผ่านมูลนิธิ สถาบันการศึกษา และองค์กรต่าง ๆ ไปแล้วรวมทั้งสิ้น 112 องค์กร ทั่วประเทศ รวมถึงในเนปาล เป็นยอดเงินบริจาครวมทั้งสิ้นมากกว่า 522 ล้านบาท ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการทำนุบำรุงศาสนา สนับสนุนทุนการศึกษา และช่วยเหลือหน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง
MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพนักเรียน เพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โครงการ Energy Mind Award Season 2 ประจำปี 2567 ณ ห้องเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานเพลินจิต โดยการจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพนักเรียนในครั้งนี้ เป็นการยกระดับความเข้าใจต่อการดำเนินงานตามรูปแบบและมาตรฐานของโครงการฯ โดยมีสถานศึกษาให้ความสนใจและเข้าร่วมโครงการฯ ในปีนี้ จำนวน 81 แห่ง ซึ่งสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับการอบรมให้ความรู้ในเรื่องการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงานอย่างถูกวิธีและเป็นระบบ การวางแผนและจัดทำในเรื่องอนุรักษ์พลังงานในสถานศึกษาเพื่อยกระดับให้เป็นสถานศึกษาต้นแบบด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยจะนำนักเรียนทั้งหมด 324 คน ไปเรียนรู้ ณ ศูนย์รวมตะวัน จ.กาญจนบุรี จำนวน 4 รุ่น
รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2567
รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 12-14 กรกฎาคม 2567
รุ่นที่ 3 ระหว่างวันที่ 19-21 กรกฎาคม 2567
รุ่นที่ 4 ระหว่างวันที่ 26-28 กรกฎาคม 2567
MEA ในฐานะหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ยังให้ความสำคัญในด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และในปี 2567 นี้ MEA ได้ดำเนินงานโครงการ Energy Mind Award Season 2 โดยมีเป้าหมายที่จะต่อยอดจากการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยพัฒนาสถานศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้ก้าวไปสู่การเป็นสถานศึกษาต้นแบบด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม สร้างเสริมนักเรียนให้เป็นเยาวชนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเป็นนักเรียนแกนนำด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังและสร้างเยาวชนรุ่นใหม่หัวใจสีเขียว (Green Youth) ส่งมอบสู่สังคมไทย เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมต่อไป
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ (ที่ 6 จากซ้าย แถวหลัง) ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก นำทีมพลังตัวแทนเอไอเอกว่า 100 ท่าน ร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต เนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 23 โดยได้รับเกียรติจาก นางมยุรินทร์ สุทธิรัตนพันธ์ (ที่ 7 จากซ้าย แถวหลัง) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ณ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ ซึ่งนอกเหนือจากพลังตัวแทนที่มาร่วมบริจาคโลหิต ณ สภากาชาดไทยแล้ว เพื่อนพนักงานเอไอเอยังได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าว โดยได้มีการรับบริจาคโลหิต ณ อาคารเอไอเอ ทาวเวอร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้
สำหรับกิจกรรมบริจาคโลหิตถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ในการเป็นผู้นำด้าน ESG ซึ่งพร้อมมีส่วนร่วมในการแบ่งปันน้ำใจให้แก่ผู้คนในสังคมไทย อีกทั้งช่วยต่อชีวิตให้แก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อสนับสนุนให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ และเดินหน้าพันธกิจ AIA One Billion ซึ่งเป็นพันธกิจหลักสำคัญของกลุ่มบริษัทเอไอเอ
บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดย นางเอมอร จิรเสาวภาคย์ กรรมการผู้จัดการ มอบเสื้อกันฝนให้แก่นักเรียนโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร พื้นที่เขตพระนคร เขตบางพลัด และเขตดินแดง ภายใต้โครงการ “เทเวศประกันภัยห่วงใยเยาวชน” เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยและสุขอนามัยของเด็กเล็กในวัยเรียนให้ได้รับการดูแลและสามารถป้องกันตนเองจากโรคหวัดและโรคติดเชื้ออื่น ๆ จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงฤดูฝน ณ โรงเรียนราชบพิธ กรุงเทพมหานคร
มื้อกลางวันของ โรงเรียนบ้านหนองโบสถ์ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ภายใต้ “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ดำเนินการโดยมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ในการสนับสนุนของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของไข่เจียว เมนูโปรดของนักเรียนทุกคน โดยมีเด็กๆร่วมกับครูผู้รับผิดชอบกำลังช่วยกันปรุงเป็นอาหารกลางวันในวันนี้ ที่สำคัญไข่ไก่ที่นำมาปรุงเป็นเมนูต่างๆ ทั้งไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ไข่พะโล้ และไข่ลูกเขย ที่เด็กๆ โหวตให้เป็นเมนูแสนอร่อยในดวงใจ ก็ได้มาจากฝีมือการเลี้ยงของทุกคน ไข่ไก่จึงไม่ใช่แค่ “อาหารกลางวัน” ของน้องๆ แต่ยังเป็น “ความภูมิใจ” ที่พวกเขาได้ลงมือเลี้ยงแม่ไก่ไข่ให้ได้ผลผลิตไข่ไก่คุณภาพปลอดภัยสำหรับทุกคน
ประเสริฐศรี ฉิมปาน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองโบสถ์ บอกว่า สุขภาพร่างกายของเด็กนักเรียนเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะสุขภาพที่ดีย่อมทำให้เด็กๆมีกำลังกายในการศึกษาเล่าเรียน และอาหารโปรตีนคุณภาพดีอย่างไข่ไก่ก็จะเป็นผู้ช่วยชั้นดีในการบำรุงร่างกายและสมองของพวกเขา จึงเป็นที่มาของการสมัครเข้าร่วม “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน”
โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีนักเรียน 60 กว่าคน และมีเด็กๆในศูนย์เด็กเล็กก่อนวันเรียนอีก 50 คน จึงได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ โดยรุ่นแรกได้รับการสนับสนุนแม่พันธุ์ไก่ไข่ 100 ตัว พร้อมอาหารไก่ไข่ รวมทั้งการสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่มาตรฐาน และมีนักสัตวบาลผู้เชี่ยวชาญจากซีพีเอฟมาให้ความรู้สนับสนุนวิชาการด้านการเลี้ยงไก่ไข่ การดูแลตั้งแต่เริ่มต้นเลี้ยงจนถึงปลดแม่ไก่ เพื่อให้ครูผู้ดูแลและน้องๆ นักเรียนมีพื้นฐานที่สามารถบริหารจัดการโครงการได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแนะนำการขาย การตลาด และบริหารให้มีเงินทุนส่งให้รุ่นต่อไป ทำให้โรงเรียนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง
“ปัจจุบันเราเลี้ยงไก่ไข่เป็นรุ่นที่ 2 โดยรุ่นแรกได้รับการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์แม่พันธุ์และอาหารสัตว์ฟรีจากโครงการฯ ในแต่ละวันผลผลิตไข่ไก่ที่ได้จะจำหน่ายเข้าสู่ระบบสหกรณ์ เพื่อจำหน่ายต่อให้กับโครงการอาหารกลางวัน สำหรับใช้ปรุงประกอบเป็นอาหารกลางวันนักเรียน ส่วนที่เหลือจะจำหน่ายให้กับผู้ปกครองและชาวชุมชน โครงการฯ นี้จึงไม่เพียงเป็นแหล่งอาหารที่มั่นคงของนักเรียนทุกคน แต่ยังเป็นคลังอาหารของชุมชนด้วย” ผอ.ประเสริฐศรี กล่าว
โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน รุ่นแรกสร้างรายได้กลายเป็นเงินทุนสะสมสำหรับดำเนินโครงการได้ถึงกว่า 50,000 บาท สามารถนำไปต่อยอดการเลี้ยงไก่รุ่นใหม่ โดยขยายการเลี้ยงไก่เป็น 150 ตัว รองรับความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ส่วนแม่ไก่รุ่นแรกที่เลี้ยงมาแล้ว 1 ปี ซึ่งได้อายุปลดระวางแล้ว ผอ.ประเสริฐศรี ครูและนักเรียน มีความเห็นตรงกันว่าควรทำการศึกษาต่อจากสมมุติฐานที่ว่า แม่ไก่ยังคงให้ผลผลิตที่ดี น่าจะสามารถเลี้ยงต่อไปได้ จึงย้ายแม่ไก่ทั้งหมดลงเลี้ยงในโรงเรือนใหม่ในรูปแบบปล่อยพื้น เป็นแม่ไก่ไข่อารมณ์ดี พร้อมบันทึกการให้ผลผลิตต่อเนื่อง และวางแผนเลี้ยงต่อให้ได้ 1 ปีครึ่ง จึงจะปลดแม่ไก่ นี่จึงไม่ใช่เพียงการสร้างคลังอาหารในโรงเรียน แต่ยังเป็นการศึกษาทดลอง จากการเด็กๆรู้จักสังเกต เกิดการตั้งคำถาม และพิสูจน์สมมุติฐาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในการเรียนรู้ ที่ประยุกต์สู่การเรียนการสอนและการทดลองอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน นักเรียนยังได้ฝึกความรับผิดชอบ โดยมีพี่ๆชั้นประถมปีที่ 6 เป็นพี่ใหญ่นำน้องๆ แบ่งเวรกันเก็บไข่ไก่ในเวลา 09.00 น. ของทุกวัน จากนั้นเวลา 15.00 น. จึงช่วยกันเกลี่ยอาหารและให้อาหารเพิ่ม ทักษะเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและพัฒนาทักษะด้านอาชีพได้ และไข่ไก่คุณภาพดีที่ผลิตได้ ทำให้เด็กๆได้รับประทานไข่ไก่สด สะอาด ปลอดภัย นอกจากนั้น ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับโรงเรียนและชุมชน ทั้งไข่ไก่ และผักต่างๆที่นักเรียนรับผิดชอบในการปลูก ดูแล และเก็บเกี่ยวผลผลิต ทั้งผักบุ้ง ผักสวนครัว พืชสมุนไพร และเห็ดนางฟ้า ที่นำเข้าโครงการอาหารกลางวัน และส่วนที่เหลือนำไปจำหน่ายแก่ชาวชุมชนในราคาย่อมเยา เกิดเป็นกิจกรรมสร้างเสริมหลักการประกอบอาชีพ รู้จักการขาย การตลาด ซึ่งรายได้ที่เกิดขึ้นนำมาเป็นกองทุนหมุนเวียนโครงการฯ ต่อยอดเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญนักเรียนยังมีเงินออมจากการขายไข่ กลายเป็นเงินออมเพื่อศึกษาต่อ โดยหลังจากปลดแม่ไก่รุ่นแรก สามารถจัดสรรเงินทุนเพื่อการศึกษาต่อให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุนละ 1,500 บาท ได้ถึง 6 ทุน
นอกจากนี้ เด็กๆยังนำไข่ไก่ไปแปรรูปเป็นขนมโดนัทและขนมวาฟเฟิล เพื่อจำหน่ายให้กับนักเรียนและชุมชน เกิดเป็นกิจกรรมเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ช่วยส่งเสริมทักษะอาชีพ และโรงเรียนยังส่งเสริมให้นักเรียนนำผลิตภัณฑ์แปรรูป ร่วมมอบในงานบุญ โรงทาน และงานการกุศลต่างๆ เป็นการฝึกให้พวกเขารู้จักการแบ่งปันแก่ผู้อื่น
ด.ช.พงศธร ก้อนทอง หรือน้องปอน นักเรียนชั้นป.6 บอกว่า ดีใจที่ได้ร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ทำให้นักเรียนได้รับประทานไข่ไก่สด สะอาด ที่เด็กๆเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง ช่วยให้ได้ฝึกทักษะอาชีพที่สามารถนำไปต่อยอดในชีวิตประจำวัน และเป็นพื้นฐานอาชีพในอนาคตได้ ส่วน ด.ช.ธีวสุ บุรินทร์ หรือน้องภูผา นักเรียนชั้นป.5 เสริมว่า โครงการฯนี้ ช่วยฝึกความซื่อสัตย์ มีวินัย และรู้จักการทำงานเป็นทีม ทางด้าน ด.ญ.ศุภาพิชญ์ มหาพันธ์ หรือน้องออย กล่าวขอบคุณเครือซีพี ซีพีเอฟ และมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ที่ช่วยสนับสนุนโครงการฯ พวกเราจะดูแลโครงการฯนี้ให้ดีที่สุด ให้มีความต่อเนื่องไปถึงน้องๆรุ่นต่อไป เราภูมิใจที่ได้เป็นต้นทางอาหารปลอดภัย และดีใจที่โรงเรียนของเรากลายเป็นแหล่งศึกษาดูงานของโรงเรียนต่างๆ
โรงเรียนบ้านหนองโบสถ์ กลายเป็นต้นแบบของความสำเร็จในการบริหารจัดการโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ที่บรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างแหล่งอาหารมั่นคงในโรงเรียนเพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนมีสุขภาพดีจากการได้บริโภคไข่ไก่ และยังสามารถต่อยอดความสำเร็จของโครงการฯ สู่โครงการเกษตรอื่นๆ และยังเป็นแหล่งอาหารของชุมชนได้อย่างยั่งยืน.
ทิพยประกันภัย ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย มอบประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มคุ้มครองเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังช้างป่าในพื้นที่หมู่บ้านคชานุรักษ์และหมู่บ้านเครือข่ายใน 5 จังหวัดภาคตะวันออก เพิ่มความอุ่นใจให้กับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพัชรสุธาคชานุรักษ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำและเติมแร่ธาตุในโป่งดิน เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้กับช้างป่าและสัตว์ป่า ณ บ้านเขาใหญ่ อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี กิจกรรมนี้เน้นย้ำถึงความร่วมมือเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการดูแลทรัพยากรธรรมชาติของไทยอย่างยั่งยืน
ดร.พลรัตน์ เอกโยคยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีที่ 2 ต่อเนื่อง ที่ทิพยประกันภัยสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิพัชรสุธาคชานุรักษ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยร่วมกับธนาคารกรุงไทยมอบประกันภัยอุบัติเหตุให้แก่อาสาสมัครฯ เฝ้าระวังและป้องกันภัยจากช้างป่า รวมทั้งสิ้นจำนวน 910 คน ซึ่งมีวงเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อคนอยู่ที่ 200,000 บาท”
ทิพยประกันภัย ห่วงใยและคำนึงถึงความปลอดภัยของอาสาสมัครฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลชุมชนและเฝ้าระวังช้างป่าออกหากินนอกพื้นที่อนุรักษ์ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งภารกิจสำคัญนี้จะช่วยลดการเผชิญหน้าระหว่างคนกับช้างป่า กรมธรรม์นี้ให้ความคุ้มครองครอบคลุมในกรณีที่อาสาสมัครฯ ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ เข้ารับการรักษาพยาบาล หรือรุนแรงถึงขั้นทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ หรือเสียชีวิต ซึ่งเป็นหลักประกันที่มั่นคงสำหรับอาสาสมัครฯ เหล่านี้ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลของอาสาสมัครฯ ผู้เสียสละ”
นายวิชัย อัศรัสกร กรรมการบอร์ดบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ มุ่งมั่นดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ให้ความสำคัญกับการผลักดันให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ผ่านโครงการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง และธนาคารได้สนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิพัชรสุธาคชานุรักษ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยการดูแลช้างและพัฒนาป่าธรรมชาติ รวมทั้งปรับปรุงพื้นที่แนวกันชนระหว่างช้างป่าและชุมชน เพื่อสร้างสมดุลในการอยู่ร่วมกัน ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทย ยังได้ร่วมกับ ทิพยประกันภัย มอบประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มให้แก่อาสาสมัครฯ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังช้างป่าในพื้นที่หมู่บ้านคชานุรักษ์และหมู่บ้านเครือข่ายใน 5 จังหวัด และยังจัดกิจกรรม “รวมใจภักดิ์ สร้างโป่งเพื่อช้าง สร้างน้ำเพื่อคน” เพื่อสร้างฝายชะลอน้ำและสร้างโป่งเพื่อเพิ่มแร่ธาตุอาหารที่จำเป็นให้กับช้างป่าและสัตว์ป่า และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ที่ทรงมีพระราชดำริจัดตั้งมูลนิธิพัชรสุธาคชานุรักษ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขึ้นอีกด้วย”
นอกจากนี้ ทิพยประกันภัยได้จัดกิจกรรมจิตอาสา โดยผู้บริหาร พนักงานจิตอาสา และภาคีเครือข่ายรวมพลังกับชาวบ้านในชุมชนกว่า 300 คน ร่วมกิจกรรมเติมแร่ธาตุในโป่งดินให้เป็นแหล่งอาหารช้างป่าและสัตว์ป่า เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหารให้สัตว์ป่า ส่งผลให้ระบบนิเวศเกิดความสมดุล สามารถเป็นแหล่งศึกษาทางธรรมชาติ รวมถึงการซ่อมแซมฝายชะลอน้ำ เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง กักเก็บน้ำไว้ใช้อุปโภค บริโภค และทำการเกษตรในช่วงหน้าแล้ง และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำอีกด้วย กิจกรรมนี้เป็นการเสริมสร้างจิตสำนึกให้แก่พนักงาน ชุมชน และสังคมในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ปกป้องธรรมชาติที่เป็นฐานทรัพยากรทางธรรมชาติที่ทรงคุณค่า ให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมลงนามความร่วมมือการสนับสนุนโครงการ KKU Volleyball Academy กับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นำโดย ดร.ณรงค์ชัย อัครเสรณี (กลาง) นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ. นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล (ที่ 3 จากขวา) อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ. เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ และ รศ. ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี พร้อมมอบเงินทุนสนับสนุนจำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อมุ่งส่งเสริมสนับสนุนนักเรียน-นักศึกษาหญิงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีความชื่นชอบและมีความสามารถด้านกีฬาวอลเลย์บอล ให้มีโอกาสฝึกซ้อมกีฬาด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านการกีฬาของมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะ และเพิ่มขีดศักยภาพให้สูงขึ้นจนสามารถต่อยอดก้าวสู่การเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลมืออาชีพทั้งในระดับชาติและระดับโลกในอนาคต ซึ่งการสนับสนุนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจของเอไอเอในการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมไทย ตลอดจนสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยมีนายกฤช ธีรสุข ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต ภูมิภาค 4 และนายนครินทร์ ทองเฟื่อง ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เขต 15 เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ ณ ห้องรับขวัญ โรงแรมบายาสิตา เมื่อเร็วๆ นี้
ถึงแม้ว่าวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชนบ้านหินดาด ต.หินดาด อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา จะพึ่งพิงอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ และเด็กๆในพื้นที่ อยู่ในบริบทของสิ่งแวดล้อมการเติบโตตามอัตลักษณ์ของชุมชน
แต่ด้วยยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่สนับสนุนให้สถานศึกษาพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เป็นการส่งเสริมโอกาสและยกระดับการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน
รร.บ้านหินดาด ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดกลาง เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีจำนวนนักเรียน 294 คน เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนในโครงการมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี ที่นำกระบวนการ Coding และ Robotics มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน ภายใต้โครงการ "Coding Robotics Kids"
และกำหนดให้ Coding อยู่ในแผนการเรียนการสอน สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น โดยตั้งเป้าให้นักเรียนมีทักษะการเขียน โปรแกรมควบคุมบอร์ดสมองกล สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการศึกษาต่อและใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีวิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาสนับสนุนการอบรมครูผู้สอน และมีผู้นำทางการศึกษารุ่นใหม่ (School Partner :SP) จากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่ชวนทีม Robot ของซีพีเอฟ และวิทยากรจากภายนอกมาร่วมสอนน้องๆ นักเรียน ฝึกให้นักเรียนมีทักษะการวางแผน คิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ด้วยกระบวนการ Coding Robotics
นายสหพันธ์ เปาจันทึก ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหินดาด เล่าว่า แม้โรงเรียนจะได้รับการสนับสนุนแท็บเล็ตจาก สพฐ. แต่วัสดุอุปกรณ์สำหรับการเรียนการสอน Coding ก็ยังไม่เพียงพอ จึงนำเรื่องนี้ปรึกษากับทีมผู้นำทางการศึกษารุ่นใหม่ของซีพีเอฟ ภายใต้โครงการคอนเน็กซ์ อีดี เสนอโครงการ Coding Robotics Kids และได้รับงบประมาณสนับสนุนจากซีพีเอฟ เพื่อจัดซื้อชุดการเรียนการสอน Coding ด้วยโปรแกรม Micro:bit นำมาต่อยอดการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ อาทิ ป. 3- ป.4 ให้เรียน Coding อย่างง่าย เช่น การต่อบล็อกควบคุมหุ่นยนต์ ชั้นป.5 เริ่มเรียนโปรแกรม Coding ไมโครบิท ต่อบล็อกโค้ด การทำงาน-ควบคุม-รับค่าเซ็นเซอร์ เปิดปิดไฟหรือวัดอุณหภูมิ ด้วย Coding ชั้นป.6 เรียนรู้การเขียน Coding การควบคุมหุ่นยนต์รถวิ่ง
"Coding สอนให้เด็กๆคิดวิเคราะห์ ฝึกทักษะคิดแก้ปัญหาเป็นกระบวนการ นำความรู้มาประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นๆได้ ที่ผ่านมา จัดการสอนไปแล้ว 1 รุ่น มีนักเรียนประมาณ 40 คน ที่สามารถเขียน Coding อย่างง่ายได้ ภาคเรียนนี้จะสอนอีก1 รุ่น ประมาณ 40-50 คน ให้นักเรียนในชุมนุมการเขียนโปรแกรมด้วยไมโครบิท Coding เป็นพี่เลี้ยงส่งต่อความรู้ให้น้องๆ คาดหวังว่าในระยะต่อไป จะต่อยอดกระบวนการคิดจากบทเรียน สู่การทำสมาร์ทฟาร์มง่ายๆ" ผอ.สหพันธ์ กล่าว
ด.ญ.กัญญาพัชร แก้วขวาน้อย นักเรียนชั้นป.6 บอกว่า รู้สึกสนุกกับการเรียน Coding ได้ทำกิจกรรมเรียนรู้หลายอย่าง ที่สามารถนำความรู้ไปต่อยอด เช่น การทำโมเดลฟาร์มอัจฉริยะ ขอขอบคุณพี่ๆซีพีเอฟที่มอบโอกาสและสนับสนุนการเรียนรู้ดีๆ ขณะที่ ด.ญ.ปิ่นมาลา จินดามาตย์ เล่าถึงสิ่งที่ได้รับ นอกจากความรู้จากการเรียน Coding ยังสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการเรียนรู้วิชาอื่นได้ ดีใจมากที่มีพี่ๆซีพีเอฟเข้ามาสนับสนุนโครงการดีๆอย่างนี้ให้กับโรงเรียนของเรา ส่วน ด.ช.อภิณัฐ ตันกระโทก นักเรียนชั้นม.1 บอกว่า Coding ทั้งสนุกและให้ความรู้ที่นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ และยังได้ประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ สามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปช่วยชุมชนต่อไป
ซีพีเอฟ เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่ร่วมก่อตั้งมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 สร้างเด็กดี มีคุณธรรม โดยล่าสุด ปีการศึกษา 2567 ซีพีเอฟสนับสนุนการดำเนินโครงการด้านวิชาการ และฝึกทักษะด้านวิชาชีพ 74 โรงเรียน ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสระบุรี ควบคู่กับเดินหน้าสร้างผู้นำทางการศึกษารุ่นใหม่ (SP) ซึ่งปัจจุบันมี SP ของซีพีเอฟรวม 93 คน ทำหน้าที่เป็นคู่คิด ร่วมทำงานกับผู้บริหารสถานศึกษาและคณะครู สู่เป้าหมายยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาของไทยและลดความเหลื่อมล้ำ
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นำทีมผู้บริหาร พนักงาน และตัวแทนนักวิ่งมาราธอน จากกิจกรรม เจนเนอราลี่ พรีเซ้นต์ เขาค้อ มาราธอน 2024 (Generali Presents Khaokho Marathon 2024) ต่อยอดการสร้างสังคมสู่ความยั่งยืน มอบอุปกรณ์การเรียนรู้ และของใช้จำเป็น พร้อมติดตั้งพัดลมจำนวน 22 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท ให้แก่น้อง ๆ โรงเรียนบ้านห้วยขอนหาด ในพื้นที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทยให้ดียิ่งขึ้น
ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหาร พนักงาน กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เยี่ยมชมโรงเรียน พร้อมทำกิจกรรมร่วมกับน้อง ๆ และส่งมอบอุปกรณ์เพื่อการเรียนรู้ และของใช้จำเป็น อาทิ เช่น น้ำดื่ม เก้าอี้ กระดาษ สี ชนิดต่าง ๆ รวมถึง หมวกนิรภัย จำนวน 100 ใบ นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งพัดลมติดผนังจำนวน 22 เครื่อง ภายในโรงเรียนบ้านห้วยขอนหาด เพื่อปรับปรุงสภาพแวดในโรงเรียนให้มีคุณภาพดีมากยิ่งขึ้น ภายใต้โครงการ "ปันรัก ปันของ ให้น้องใช้เรียน" เพื่อการสร้างอนาคตในการเรียนรู้ที่ดีให้กับน้อง ๆ เยาวชนของชาติ โดยมี นางสาวเปรมวิสาข์ คำหงษ์ รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยขอนหาด เป็นตัวแทนรับมอบ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงเรียนบ้านห้วยขอนหาด จังหวัดเพชรบูรณ์